[รีวิวสั้น] Free Guy + Malignant
ไม่ได้เข้าโรงเกือบปี จนจำไม่ได้ว่าเรื่องสุดท้ายที่ดูคือเรื่องอะไร
วันนี้เลยจัดไป 2 ดอก Free Guy กับ Malignant
ส่วนตัวชอบ Ready Player One มาก ก็เลยแอบคาดหวังกับ Free Guy นิดหน่อย
ถ้าจะต้องเปรียบเทียบระหว่าง 2 เรื่อง คิดว่า FG ยังห่างจาก RPO พอสมควรเลย
แต่ FG ก็ดูได้เพลินๆ นะครับ ยิ่งคนที่เล่นเกม open world ก็คงจะอินกับกิมมิกต่างๆ ที่หนังเอามาล้อเลียน
แล้วก็คงเก็ตกับ easter egg ที่หนังซ่อนไว้ในเรื่อง (ผมไม่ค่อยอิน น่าจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้เล่นเกม open world ก็เลยรู้แค่บางจุด)
เลือกดูเรื่องนี้ แทนที่จะดู Conjuring 3 เพราะคิดว่าอยากดูงานที่ James Wan กำกับเองมากกว่า
ก็ได้บรรยากาศและจังหวะที่เราคุ้นเคยจากหนังของแกกลับมานะ
กลิ่นเรื่องนี้จะกลับไปคล้ายกับซีรี่ส์ Insidious มากกว่า The Conjuring
คือมันไม่เนี้ยบเหมือนซีรี่ส์ The Conjuring แต่จะมีกลิ่นของหนังสยองขวัญเกรดบียุค 80 ซะเยอะ
คิดเอาเองว่า หลังจาก The Conjuring มันประสบความสำเร็จ ทุนมันก็หนาขึ้น production ก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
พอแกได้มาเริ่ม project ใหม่ ก็คงอยากจะกลับมาทำงานที่สเกลเล็กลง แต่เน้นสไตล์ที่ตัวเองชอบเหมือนเมื่อก่อน
ความดีงามอย่างแรก (สำหรับผม) คือ พอหนังมันเล่าไปเรื่อยๆ เราเดาไม่ถูกว่ามันจะเอายังไงกับคนดู ไม่รู้ว่ามันจะออกหน้าไหน
ความดีงามอย่างที่สอง คือ การเฉลยปม ที่โฉ่งฉ่างและสะใจ จนผมอุทานในใจว่า “เชี่ยอะไรเนี่ยยยยย!!!!! 555555
ความดีงามอย่างที่สาม คือ จังหวะการใช้ soundtrack ของ Wan คือมันทั้งเป๊ะ และทั้งเชย (แบบตั้งใจ) จนผมก็ขำว่า อืมม รสนิยมเมิงยังไงล่ะเนี่ย 555 (แล้วเราก็ดันชอบ)
ความดีงามอย่างสุดท้าย คือ ในบรรยากาศที่อึมครึมของหนัง น้องนางเอกหน้าหวานเชียว ดูแล้วสดชื่น
----------------------------------------------
สรุปแบบไม่ยุติธรรมเลย (สังเกตดูจากความยาวของตัวอักษรที่พูดถึงแต่ละเรื่องก็น่าจะรู้)
Free Guy (7/10) เข้าไปดูแบบคาดหวัง ก็ออกมาแบบไม่ถึงกับผิดหวัง แต่ก็ค่าตั๋วหล่นนิดหน่อย
Malignant (7.5/10) เข้าไปดูแบบไม่คาดหวัง ผู้กำกับจะจัดอะไรมาเราเอาหมด เหมือนไปกิน omakase
แล้ว James Wan ก็จัดรสชาติที่เราชอบและคุ้นเคยมาให้ แถมปลายๆ รสมีอะไรแปลกใหม่ให้เราได้เซอร์ไพรส์ด้วย