ผลบอลที่ไม่คิดว่าจะขาดกระจุยขนาดนี้
ก่อนแข่งก็แอบหวั่นๆ อยู่ว่านัดนี้ของลิเวอร์พูลจะเหมือนนัดก่อนๆ ที่เคยเจอกับปอโต้มาหรือไม่ เพราะหลังจากที่ได้ดูฟอร์มล่าสุดที่ปอโต้เจอกับ แอตเลติโก้ มาดริด แล้วคิดว่าปีนี้ปอโต้น่าจะมาดีกว่าปีก่อนๆ ที่เคยเจอกับหงส์แดง เพราะมองย้อนกลับไปที่สองทีมเจอกัน
ผลบอลมักจะเป็นใจกับทีมดังจากเกาะอังกฤษ
แต่พอบอลเริ่มเตะสิ่งที่ได้เห็นกลับกลายเป็นว่าหนังม้วนเก่ากลับมาฉายอีกครั้งเพราะส่วนใหญ่แล้วลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองเกมเป็นส่วนใหญ่และมีโอกาสเข้าทำอยู่หลายครั้งจนมาได้ประตูแรกในนาทีที่ 18 จากจังหวะที่ เคอรติส โจนท์ ลากเข้ามากรอบเขตโทษแล้วซัดเต็มข้อแล้วบอลปลิ้นมาเข้าทางซาล่ายิงเข้าไปแบบไม่ได้ยากเย็นอะไร
อีก 2 จังหวะของหงส์แดงที่น่าจะกลายมาเป็นประตูคือนาทีที่ 26 จังหวะที่ มาเน่ ตะลุยเข้ามาทางฝั่งซ้ายก่อนไหลบอลให้สายควัน โรเบิร์ตสัน หักบอลเข้ามาให้โจต้าชัดไปติดกองหลังปอโต้แล้วกระดอนมาเข้าเท้าซ้ายก่อนจะซัดเหินข้ามคานออกไป ทั้งๆ ที่ แฮนโด้ ฝายมือรอบอลที่กรอบเขตโทษ
จากนั้นในนาทีที่ 43 เป็นจังหวะที่ลิเวอร์พูลมาได้ลูกฟรีคิกนอกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย มิลเนอร์ ไหลมาเข้าทางจอร์แดน เฮนเดอสัน ปั่นบอลมุดเสียบใต้คานก่อนที่จะโดน ดิโอโก้ คอสต้า ปัดออกไปอย่างสวยงาม
ลิเวอร์พูลยังคงครองเกมได้และมาได้ลูกที่สองในนาทีที่ 45 ซึ่งเป็นอะไรที่ซ็อคคนดูอยู่พอสมควรกับจังหวะเปิดเข้ามาทางกราบขวาจาก เจมส์ มิลเลอร์ แล้วบอลผ่านหน้าคอสต้าไปเข้าเท้า ซาดิโอ มาเน่ ที่ยืนงงๆ อยู่เสาสองแล้วแปรบอลเข้าไปแบบที่ทุกคนในสนามยืนมองแบบ เอ้ย หลุดมาได้ไงลูกนี้
กลับมาที่ครึ่งหลังลิเวอร์พูลยังคงเหนือกว่าและมาได้ประตูที่ 3 แบบไม่ได้ยากเย็นอะไรนักเมื่อ เคอรติส โจนท์ ที่วันนี้เท้าออกแสงมากลากตะลุยมาจากแดนกลางแล้วแปรบอลให้ โมฮาเหม็ด ซาล่า ตะบันเข้าไปแบบง่ายๆ
พอมาได้ลูก 3 บอกได้เลยว่าแอบสงสารปอโต้จริงๆ แม้ผู้จัดการจะเปลี่ยนผู้เล่นลงมาก็ไม่สามารถรังสรรค์เกมได้เลย พยายามจะเปิดเกมแลกแต่กลับเป็นปล่อยให้หลังลอยและมีโอกาสที่ลิเวอร์พูลจะเจาะได้ง่ายขึ้น
คล็อปป์นัดนี้ต้องขอชมเมื่อเกมขาดแล้วเปลี่ยนตัวหลักให้ได้พักเพราะ
พรีเมียร์ลีกสุดสัปดาห์นี้พวกเขามีศึกใหญ่รออยู่นั่นคือการเจอกับทีมอย่าง แมนซิตี้ ที่เพิ่งเอาชนะทีมเชลซีมาได้ การส่ง โรแบร์โต้ เฟอมิโน่ และมินามิโนะลงมาถือมาเป็นความคิดที่ฉลาดมากเพราะทั้งสองคนไม่มีโอกาสได้ลงสนามเลย เฟอมิโน่ เจ็บและมินามิโนะยังไม่สามารถสอดแทรกเป็นตัวจริงได้ การเอาสองคนลงมาถือว่าเป็นการเรียกความมั่นใจได้ดีเลย โดยเฉพาะเฟอมิโน่ที่มีส่วนสำคัญกับการทำเพิ่มอีก 2 ประตู แต่สำหรับมินามิโนะอาจจะต้องให้เวลาสักหน่อยเพราะมีโอกาสเล่นกับบอลน้อยเกินไป
สำหรับอีกคู่ที่ดู
ผลบอลสดไปด้วย PSG พบกับแมน ซิตี้ นัดนี้ไม่มีอะไรที่ต้องโฟกัสไปกว่าการให้กำลังใจเมสซี่ทำประตูรแรกได้ และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อสตาร์เบอร์หนึ่งซัดเข้าไปอย่างสุดสวยในนาทีที่ 74 ก็หวังว่าเมสซี่จะสามารถทำประตูเพิ่มได้เรื่อยๆ
[/img]