[CFC] ตำนานหมายเลข 9 แห่งสิงโตน้ำเงินคราม ( ตอนที่ 1 )
โทนี่ คาสคาริโน่ (1992-1994)
กองหน้าสัญชาติอังกฤษ แต่ชื่อเหมือนคนอิตาลี ผู้สวมใส่เสื้อเบอร์ 9 คนแรกของเชลซี นับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ ลีก เมื่อ 1992 ดูเหมือนปฐมบทแห่งความขลังจะเริ่มต้นตั้งแต่ คาสคาริโน่ เมื่อเขาทำประตูได้เพียง 2 ประตู จากการลงเล่น 9 นัด ในสีเสื้อของเชลซีฤดูกาลแรก ปีต่อมาก็ยังดูไม่ดีขึ้น เมื่อเขาผลิตสกอร์ให้ทีมไปได้เพียง 4 ประตูแม้จะได้รับโอกาสในลงสนามมากขึ้น ตลอด 3 ปี เขาลงสนามไป 40 นัด ทำได้เพียง 8 ประตู ก่อนถูกขายให้กับมาร์กเซย์ในที่สุด และสามารถระเบิดฟอร์มได้กับลีก ที่หลายคนล้อเลียนว่าเป็น ลีก ฟาร์ม โดยทำประตูไปได้ถึง 61 ประตู จากการลงเล่น 84 นัด
ปัง หรือ แป้ก : แป้ก อย่างไม่ต้องสงสัย และไร้ข้อกังขา กับสถิติการยิงประตูที่ดูน้อยกว่าผู้เล่นตำแหน่งมิดฟิลด์เสียอีก
มาร์ก สตีน (1994-1996)
กองหน้าอังกฤษ ผู้เกิดในแอฟริกาใต้ ผมเริ่มเชียร์เชลซีในสมัยที่กองหน้าผู้นี้ ยึดครองตำแหน่งเสื้อเบอร์ 9 (เล่นหน้าคู่กับ พอล เฟอร์ลอง เป็นคู่หูที่มักโดนแฟนๆในยุคนั้นล้อว่า สากกะเบือ กับ ไม้ตีพริก) มาร์ก สตีน เคยครองสถิติยิงประตูในลีคติดต่อกันสูงสุด 7 นัด (ธค 1993 - กพ 1994) ก่อนที่จะโดน รุด ฟานนิสเตอรอย กองหน้าแมนฯยู ทำลายสถิติ ในเวลาต่อมา มาร์ก สตีน ยิงประตูไปทั้งหมด 25 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 63 นัด ก่อนที่กองหน้าชื่อดังทั้งหลาย อย่าง มาร์ก ฮิวจ์ และจิอันลูก้า วิอัลลี่ จะทยอยย้ายเข้ามา ทำให้โอกาสในการลงเล่นของเขาน้อยลงเรื่อยๆ และย้ายออกจากทีมไปในที่สุด
ปัง หรือ แป้ก : แป้ก แม้สถิติค่าเฉลี่ยการยิงประตูจะไม่ได้ดูแย่เท่าไรนัก แต่ตลอดช่วงเวลาในการค้าแข้งกับเชลซี ไม่สามารถยิงประตูจนพาทีมคว้าแชมป์ใดๆ ได้เลย จนย้ายออกไปแบบเงียบๆ
จิอันลูก้า วิอัลลี่ (1996-1999)
พูดแค่ชื่อ ก็น่าจะเดาได้ว่า นี่คือ กองหน้าเบอร์ 9 สุดปังคนแรกในสีเสื้อของเชลซี นับตั้งแต่มีพรีเมียร์ ลีก หลังการย้ายเข้ามาของ รุด กุลลิท เชลซีภายใต้การบริหารของ แมทธิว ฮาร์ดิ้ง และ เคน เบตส์ ก็เริ่มยุคสมัยของการเป็นทีมรวมดารานานาชาติเป็นทีมแรกแห่งพรีเมียร์ ลีก ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเข้ามาของ รุด กุลลิท สามารถดึงดูดสตาร์และกองหน้ามหากาฬตำนานของยอดทีมอย่าง ยูเวนตุส มาเข้าสู่ทีมได้ ( วิอัลลี่ ย้ายมาหลังเป็นกัปตันทีมยูเว่ และพาทีมคว้าถ้วยแชมป์ UCL ในปีก่อนหน้า) วิอัลลี่ ยิงประตูไปได้ถึง 40 ประตู ก่อนจะรีไทร์ตัวเองขึ้นเป็น ผู้เล่น-ผู้จัดการทีมในปี 1998 ขณะเป็นนักเตะ วิอัลลี่ สามารถพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ คัพ วินเนอร์ส คัพ ได้ อย่างละหนึ่งสมัย ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการทีมและคว้าแชมป์ เอฟ เอ คัพ ได้อีกหนึ่งสมัย
ปัง หรือ แป้ก : ปัง ปุริเย่ สามารถเรียกว่า เป็นตำนานเบอร์ 9 คนแรก ของทีมได้อย่างแท้จริง เป็นช่วงแรกของการพลิกโฉมเชลซีจากทีมกลางตาราง สามารถคว้าแชมป์ได้อย่างต่อเนื่องและค่อยๆ ขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำของลีกได้แบบในปัจจุบัน
คริส ซัตตัน (1999-2000)
แฟนเชลซีหลายคนดีใจเนื้อเต้น หลังการเข้ามาของคริส ซัตตัน หนึ่งในคู่หูนรกจากแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่คอมโบกับ อลัน เชียร์เรอร์ ยิงจนทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ค่าตัว 10 ล้านปอนด์ ในสมัยนั้น ไม่ใช่ถูกๆ และเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก สิ่งที่ซัตตันตอบแทนให้กับเชลซี ก็คือ การทำประตูไปได้ถึง 1 ประตูในลีก !!! หนึ่งประตู ที่มีมูลค่าสิบล้านปอนด์ ยังถูกเป็นที่พูดถึง และตราตรึงในความทรงจำของแฟนเชลซีทุกคน โชคยังเข้าข้างเชลซี ที่สามารถขายเขาออกไปให้กับเซลติกในราคา 6 ล้านปอนด์ ขาดทุนเพียง 4 ล้านปอนด์ เท่านั้น
ปัง หรือ แป้ก : โคตรแป้ก แห่งยุค เรียกว่า ปัจจุบันยังโดนล้อยันหลานบวช ถึงขนาดหลายคนเปลี่ยนชื่อให้เป็น คริส สุดทน !
จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ (2000-2004)
กองหน้าผิวสี ตำนานเบอร์ 9 คนแรกของเชลซี หลังย้ายมาด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ จากแอต มาดริด ฮัสเซลเบงค์ ก็ประกาศศักดา หวดไป 26 ประตู ในฤดูกาลแรกที่มาถึง (โดยเป็นประตูในลีกถึง 23 ประตู !!) ขณะที่ฤดูกาลต่อมาก็ยังฮอตต่อเนื่อง หวดไปอีก 29 ประตู (23 ประตูในลีก เช่นเดิม) หลังจากนั้น เค้าก็ขึ้นแท่นขวัญใจแฟนๆเชลซีคนใหม่ แต่ดูเหมือนว่า พอขึ้นปีที่ 4 การมาของ อาเดรียน มูตู และเฮอร์นัน เครสโปทำให้โอกาสของเขาในการลงเล่นน้อยลง จากการโรเตชั่นของกองหน้า ทำให้จำนวนประตูก็น้อยลงตาม สุดท้ายต้องจำใจย้ายออกจากเชลซีไปสู่ ทีมเมืองเหนืออย่าง เดอะ โบโร่ มิดเดิลสโบรช์ ในที่สุด
ปัง หรือ แป้ก : ปัง ปัง ปัง อย่างไม่มีข้อครหา ผู้เปิดตำนานดาวยิงผิวสีเบอร์ 9 ของเชลซีคนแรก แม้ตลอดสี่ปี เจ้าตัวจะทำได้แค่ รองแชมป์เอฟ เอ คัพ และแชมป์ถาดการกุศล อย่างแชริตี้ ชิลด์ ก็ตาม
มาเตย่า เคซมัน (2004-2005)
เพชรฆาตดาวซัลโวจากลีกดัตช์ ที่ยิงจนพา PSV คว้าแชมป์ลีก ก่อนย้ายมาเข้าร่วมเชลซี ทุกคนคาดหวังว่า เขาผู้นี้จะเข้ามายิงระเบิดเถิดเทิงเช่นกัน แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้ทีมจะสามารถคว้าแชมป์ พรีเมียร์ ลีกได้เป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ ภายใต้การนำทัพของ จ่ามู เดอะ สเปเชียล วัน แต่ตัวเขาเองยิงประตูในลีกไปได้เพียง 4 ลูกเท่านั้น ภายใต้การลงสนาม 25 นัด แชมป์หนนั้นนอกจากจ่ามูแล้ว นักเตะที่ถูกพูดถึงจะเป็น แลมพาร์ด เทอรรี่ เช็ค ดร็อกบา มาเกเลเล่ ร็อบเบน และกุ๊ดจอห์นเซ่น มากกว่า น้อยคนนักที่จะรู้ว่า เคซมัน ก็อยู่ในทีมชุดนั้นด้วย !!!
ปัง หรือ แป้ก : แป้ก หากจะให้คำนิยามว่า เคซมัน เป็นนักเตะแชมป์ลีก ที่โลกลืม ก็คงไม่ผิดนัก
เฮอร์นัน เครสโป (2005-2006)
แม้จะย้ายมาร่วมทีมกับเชลซีตั้งแต่ 2003 แต่เครสโป ก็เพิ่งจะได้มีโอกาสสวมเสื้อหมายเลข 9 เมื่อปี 2005 หลังการย้ายกลับมาจากการปล่อยยืมไปร่วมทีมดังอย่างอิตาลีอย่างเอซี มิลาน เครสโป กลับมาอยู่กับเชลซีได้เพียงฤดูกาลเดียว คือ 2005-2006 ทำประตูไปได้ 13 ประตู และทำให้เชลซีป้องกันแชมป์พรีเมียร์ ลีก ได้สำเร็จ แต่ชีวิตในลอนดอนกลับไม่ค่อยถูกใจครอบครัว เท่าไรนัก ทำให้ฤดูกาลต่อมา เครสโป ก็ย้ายไปร่วมทีมอินเตอร์แบบยืมตัว ก่อนที่หมดสัญญากับเชลซีและย้ายร่วมทีมอินเตอร์แบบถาวร
ปัง หรือ แป้ก : แป้ก ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้ทีมได้แชมป์ ลีก แต่การมีส่วนร่วมของเครสโปนั้น แทบไม่ค่อยถูกพูดถึง แม้ลงสนามในลีกไปถึง 30 นัด (ยิงในลีก 10 ลูก) เพราะในปีนั้นมี เดอะ แบก ตัวจริง อย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด ผู้ยิงไปได้ถึง 16 ประตู ในลีก เป็นดาวซัลโวของทีม
คาลิด บูลาห์รูซ (2006-2007)
เบอร์ 9 อัปยศแห่งประวัติศาสตร์ของสิงโตนำ้เงินคราม ใครจะไปคิดว่ากองหลังตัวกลางดีกรีทีมชาติฮอลแลนด์ที่ย้ายมาจากฮัมบูร์กจะลงสนามให้เชลซีด้วยเสื้อหมายเลข 9 บูลาห์รูซออกมายอมรับภายหลังว่าถูกเจ้าหน้าที่สโมสรอำ ให้เลือกเบอร์เสื้อระหว่าง เบอร์ 9 , 46 หรือ 47 เขาจึงเลือกเบอร์ 9 ทั้งๆที่จริงๆแล้ว ยังมีเสื้อหมายเลข 2 ว่างอยู่ บูลาห์รูซได้รับโอกาสลงสนามเพียง 13 นัดตลอด 2 ปี กับเชลซี ก่อนถูกปล่อยยืมให้เซบีย่าในสเปน และย้ายกลับสตุ๊ทการ์ทในที่สุด
ปัง หรือ แป้ก : แป้ก โคตรๆ คงไม่มีเรื่องราวแบบนี้ในประวัติสโมสรอีกแล้ว แถมผลงานในสนามเมื่อได้รับโอกาสก็ทำตัวเป็นบ่อน้ำมันจนเป็นเหตุทำให้หลุดจากทีมในที่สุด
———————————————————————————————-
To be continued