“แอธเลติก บิลเบา” จอมขัดขาทีมใหญ่ ที่อาจตัดโอกาสป้องกันแชมป์ของราชัน
โค้งสุดท้ายของการแข่งขัน ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2020/21 ต้องมาตัดสินแชมป์กันใน 2 นัดสุดท้ายโดยมีผู้เข้าชิงถึง 4 ทีม (ที่ผ่านมาช่วงหลังๆ มีแค่ 2 ทีมมหาอำนาจลูกหนังแดนกระทิงดุ อย่าง เรอัล มาดริด และบาร์เซโลน่า) ซึ่งตารางคะแนน ณ ปัจจุบันออกมาเป็นแบบนี้
อันดับ 1 แอตฯ มาดริด 36 นัด 80 คะแนน
อันดับ 2 บาร์เซโลน่า 36 นัด 76 คะแนน
อันดับ 3 เรอัล มาดริด 35 นัด 75 คะแนน (แข่งคืนนี้)
อันดับ 4 เซบีย่า 36 นัด 74 คะแนน
การตัดสินแชมป์ตัวแปรสำคัญเลยคือโปรแกรมการแข่งขัน ที่ดูหนักสุดน่าจะเป็น “แชมป์เก่า” เรอัล มาดริดที่ 3 นัด คือการเยือนกรานาด้า (อันดับ 10) เยือนแอธเลติก บิลเบา (อันดับ 9) และเปิดบ้านพบกับ บียาร์เรอัล (อันดับ 7 และเข้าชิง ยูโรป้า ลีก) ที่น่าสนใจคือการเยือน แอธเลติก บิลเบา นี่แหละครับ
<แอธเลติก บิลเบา คือทีมอะไร?>
แอธเลติก บิลเบา เป็นสโมสรฟุตบอลของเมืองบิลเบา ในแคว้นบาสก์ เริ่มก่อตั้งในปี 1898 และเป็น 1 ใน 3 สโมสรที่ไม่เคยตกชั้นไปจากลาลีกา (2 สโมสรที่เหลือ คือ บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด)
ประเทศสเปนมีการปกครองแบบแบ่งเขตการปกครอง (17 แคว้น และ 2 นครปกครองตนเอง) จึงทำให้หลายๆ แคว้น จะมีความชาตินิยมอยู่ มีภาษา และวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ที่เด่นชัดก็คือแคว้นคาตาลูญญา ที่ตั้งของสโมสรดังอย่าง บาร์เซโลน่า อีกหนึงแคว้นที่มีทีมฟุตบอลเล่นในลาลีกาก็คือ แคว้นบาสก์ นี่แหละครับ ซึ่งฤดูกาลนี้มีทั้งหมด 4 ทีมคือ แอธเลติก บิลเบา, เรอัล โซเซียดัด, อลาเบส และเออิบาร์
แต่แอธเลติก บิลเบา มีความแตกต่างจาก อีก 3 ทีมในแคว้น ตรงที่แอธเลติก บิลเบา ยังคงรักษาวัฒนธรรมของความเป็นสโมสรระดับชุมชน โดยการเน้นปั้นเยาวชนขึ้นสู่ชุดใหญ่ และที่สำคัญนักฟุตบอลทุกคนต้องมีเชื้อสายบาสก์เท่านั้น (ยกเว้นผู้จัดการทีม) ส่วนทีมอื่นเข้าระบบฟุตบอลสมัยใหม่หมดแล้ว ซึ่งแอธเลติก บิลเบา ยึดถือวัฒนธรรมดังกล่าวมากว่า 100 ปีแล้ว และด้วยวัฒนธรรมนี้ทำให้ แอธเลติก บิลเบามีนักฟุตบอลที่เติมโตจากระบบเยาวชน แล้วก้าวขึ้นมาระดับโลกมากมาย เช่น ฆาบี มาร์ติเนซ (บาเยิร์น มิวนิค), อันเดร์ เอร์เรร่า (ปารีสฯ),อายเมอริค ลาปอร์ต (แมนฯ ซิตี้) และผู้รักษาประตูที่แพงที่สุดในโลกคนปัจจุบันอย่าง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า (เชลซี)
นักฟุตบอลในชุดปัจจุบันก็ไม่ธรรมดา หลายคนมีโอกาสสัมผัสเกมทีมชาติสเปนไปแล้ว นำโดยกัปตันทีมอย่าง อีเกร์ มูเนียอิน, อิยากี้ วิลเลี่ยม, อินิโก้ มาร์ติเนซ, ราอูล การ์เซีย (อดีตนักฟุตบอล แอต. มาดริดชุดแชมป์ลาลีกา), ยูริ เบร์ชีเช่ (อดีตนักฟุตบอล ปารีสฯ), และ อเล็กซ์ เบเรนเกร์ ดาวซัลโวของทีม ซัดไป 8 ประตู จาก 33 นัดทุกรายการ
<ขาประจำบอลถ้วย>
แอธเลติก บิลเบา เป็นเซียนบอลครับ ปีนี้เพิ่งเอาชนะบาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ Supercopa de Espana และเคยเป็นแชมป์ Copa Del Rey ถึง 24 สมัย และรองแชมป์อีก 17 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นตั้งแต่ยุคก่อตั้งลีกเลย ถ้านับตั้งแต่ยุค 2000s เป็นต้นมา เข้าชิงทั้งหมด 5 ครั้ง แต่ไม่ได้แชมป์ ล่าสุดก็คือ 2019/20 และ 2020/21 (ปี 2011/12 เคยเข้าชิงยูโรป้าลีก แต่แพ้ให้ แอตฯ มาดริด ไป 3-0 )
<จอมขัดขาทีมใหญ่>
ฉายาจริงๆ ของ แอธเลติก บิลเบา คือ The Lions (สิงโต) แต่ฉายาจอมล้มทีมใหญ่ในได้มาจากผลงานของทีม ในอดีต 3 ทีมดังของสเปน ต่างก็เลยโดน แอธเลติก บิลเบา คว่ำมาแล้วทั้งนั้น โดยฤดูกาลนี้ แอธเลติก บิลเบา เจอกับทีมหัวตารางที่ลุ้นพื้นที่ยุโรป (อันดับ 1- 7) และไม่แพ้ 10 นัดทุกรายการ ถือว่าผลงานไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ชนะ เซบีย่าไปกลับ 2-1 และ 0-1
ชนะ เรอัล เบติส 4-0
เสมอ เรอัล เบติส 1-1 (Copa del Rey/ Quarter – final)
เสมอ บียาร์เรอัล 1-1 ทั้ง 2 นัด
ชนะ เรอัล มาดริด 2-1 (Supercopa de Espana/Semi - final)
ชนะ บาร์เซโลน่า 2-3 (Supercopa de Espana/Final)
ชนะ แอตฯ มาดริด 2-1
เสมอ เรอัล โซเซียดาด 1-1
<ราชันอาจพลาดป้องกันแชมป์>
ในคืนนี้ เรอัล มาดริด จะมีคิวไปเยือนกรานาด้า ราชันตัวเจ็บเพียบโดยเฉพาะกองหลัง และล่าสุดมีข่าวว่าตัดชื่อมาร์เซโล่ แบ็กซ้ายคนเดียวในทีมที่เหลืออยู่ตอนนี้ออกอีก เพราะทะเลาะกับซีดาน สถานการณ์น่าเป็นห่วง แต่เชื่อว่า ราชันน่าจะใช้ความเหนือชั้น เฉือนชนะได้ หนักสุดแค่เสมอ ไม่น่าถึงกับแพ้
และวันอาทิตย์ เรอัล มาดริด ไปเยือนถิ่น นิว ซาน มาเมส ของแอธเลติก บิลเบา ถือว่าเป็นงานยากสำหรับแชมป์เก่า เพราะแอธเลติก บิลเบา ฟอร์มกำลังดี 5 นัดหลังสุด แพ้แค่นัดเดียว เสมอ 2 และชนะ 2 ที่สำคัญคือการเอาชนะทีมใหญ่อย่าง แอตฯ มาดริดในบ้าน และเซบีย่าในเกมเยือน
ขณะที่ เรอัล มาดริด ฟอร์มซะดุดต่อเนื่องหลังจากที่แพ้ เชลซี ตกรอบ UCL ก็มาสะดุดต่อในเกมล่าสุดที่พบกับ เซบีย่าอีก แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับ เรอัล มาดริด เองถ้าสามารถเก็บ 3 แต้มได้ทั้ง 2 นัดก็ลุ้นกันต่อยาวๆ จนนัดสุดท้าย จริงอยู่ที่ เรอัล มาดริด ได้เปรียบทีมลุ้นแชมป์ที่ Head to head แต่ถ้า เรอัล มาดริด เกิดสะดุดขึ้นมา นั่นก็ไม่มีความหมาย
มาพูดถึงทีมนำอย่าง แอตฯ มาดริด หน่อย หลังจากเมื่อคืนเอาชนะ เรอัล โซเซียดัด มาได้ถือว่าถ้วยแชมป์นั้นอยู่ในกำมือของตัวเอง หากเก็บชัยได้ในอีก 2 นัดที่เหลือก็ไม่ต้องสนใจใคร แถมโปรแกรมไม่หนัก เจอโอซาซูน่า ที่ไม่มีลุ้นอะไรแล้ว และเรอัล บายาโดลิด ที่กำลังหนีตกชั้น แต่ถ้าถึงเวลานั้น ทีมตกชั้นไปเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ได้มีแรงกระตุ้นอะไรอีก แต่ที่น่าเป็นห่วงสำหรับ ตราหมีก็คือในช่วงครึ่งฤดูกาลหลัง เวลาเจอทีมเล็ก ที่เน้นตั้งรับแนวลึก มักจะหมดมุก และสะดุดอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังไงโอกาสที่ แอตฯ มาดริด จะคว้าแชมป์ลาลีกา สเปน ยังดูสดใสกว่าทีมอื่น