ว่าที่แชมป์ 9 สมัยติด ยอดผู้จัดการทีมประวัติศาสตร์ และผู้จัดการทีมคนใหม่ของเสือใต้
หากพูดถึงเรื่องฟุตบอลเยอรมัน นาทีนี้คงไม่มีประเด็นอะไรที่น่าสนใจไปกว่าประเด็นของสโมสร บาเยิร์น มิวนิค ที่ Hansi Flick ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมเสือใต้ หลังจากพาทีมคว้าชัยเหนือ Wolfsburg 3-2 และเข้าใกล้การคว้าแชมป์บุนเดสลีกา 9 สมัยซ้อนของทีม เหตุผลอะไรที่ทำให้ Flick ลาออก
<ระบบการบริหารทีมฟุตบอล>
ว่ากันว่าในโลกของฟุตบอลปัจจุบัน มีระบบการบริหารทีมอยู่ 2 แบบ คือผู้จัดการทีมมีสิทธิ์ขาดในการติดสินใจ อีกแบบก็คือแบ่งอำนาจบริหารกัน ระหว่างผู้จัดการทีม (ดูเรื่องฟุตบอล) และผู้อำนวยการกีฬา (ดูเรื่องอื่นๆ รวมถึงมีสิทธิ์ในการตัดสินใจ) ซึ่งทีมเสือใต้เลือกใช้วิธีการบริหารแบบที่ 2 ครับ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ 2 คน 2 แนวทาง 2 ความคิดนั้นสวนทางกัน
Hasan Salihamidžić ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของเสือใต้ ทำงานขัดกับ Hansi Flick ในเรื่องของวิธีการทำทีม Hansi Flick มองว่าต้องการให้ทีมทุ่มเงินซื้อตัวตามที่เขาต้องการ เพื่อพัฒนาทีมให้แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าเดิม หลังจากที่ทีมคว้า 6 แชมป์ในปีปฏิทิน 2020
แต่ในทางกลับกัน มุมมองของบุคคลระดับบริหารไม่ได้มองตรงกันกับ Hansi Flick สรุปแล้วการเสริมตัวของเสือใต้ในฤดูกาลนี้ แทบจะไม่มีบิ๊กดีลเลย นอกจาก Leroy Sane ที่ผลงานก็ยังไม่เข้าฝักเหมือนเมื่อก่อน ตัวอย่างเช่น Douglas Costa (ยืม), Eric Maxim Choupo-Moting (ฟรี), Alexander Nübel (ฟรี), Bouna Sarr (8 M.), Marc Roca (9 M.) และก็พวกดาวรุ่งคนอื่นๆ
แน่นอนว่านี้คงไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่ Hansi Flick อยากได้แน่นอน จะเห็นได้ว่าในฤดูกาลนี้ เมื่อไหร่ที่เสือใต้ไม่มีตัวหลัก ทีมก็มีเป๋ไปบ้าง ผลมาจากคุณภาพตัวที่ซื้อมาไม่สามารถทดแทนการขาดหายไปของนักเตะตัวหลักได้ ที่เห็นได้ชัดเลยคือตอนที่ Robert Lewandowski เจ็บ ตัวที่เล่นแทนในตำแหน่งศูนย์หน้าของทีมคือ Choupo-Moting ซึ่งทำให้คุณภาพของแนวรุกเสือใต้ลดน้อยลงไป ไหนจะเรื่องการไม่รักษาตัวเก๋าที่ Hansi Flick มองว่ายังคงเป็นตัวหลักแผนการทำทีมของเขา ให้อยู่กับทีมต่อ ตัวอย่างเช่น David Alaba และ Jérôme Boateng
ที่กล่าวมาข้างต้น คงจะเป็นสาเหตุนึงในหลายๆ สาเหตุ ที่ทำให้ Hansi Flick ตัดสินอนาคตของเขากับทีม
<ผู้ที่เข้ามาคุมบังเหียนเสือคนใหม่>
หลังจากที่ Hansi Flick ประกาศลาออกได้ไม่นาน บาเยิร์น มิวนิคประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้ง Julian Nagelsmann โค้ชหนุ่มวัย 33 ปี มาคุมทัพเสือใต้ในฤดูกาลหน้า (อายุน้อยกว่ากัปตันทีมอย่าง Manuel Neuer 35 ปี)
สำหรับโค้ชหนุ่มสร้างชื่อมาจากการคุมทีม Hoffenheim ในฤดูกาล 2016-17 ผลงานของทีมในเวลานั้นแพ้ในลีกแค่ 3 นัด จาก 28 นัด ผลงานดังกล่าวส่งให้ทีมการันตีติด Top 4 ของตาราง และพา Hoffenheim ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่คุม
หลังจากนั้น Julian Nagelsmann ขยับไปคุมทีมที่ใหญ่ขึ้นอย่าง RB Leipzig และทำผลงานได้ดีอีกเช่นเคย โดยในฤดูกาลนี้สามารถขึ้นมาเบียดแย่งแชมป์กับ บาเยิร์น มิวนิคในช่วงนึง ปัจจุบันอยู่รั้งอันดับ 2 ของตาราง และเข้าชิงถ้วย DFB Pokal กับ Dortmund อีกด้วย ผลงานถือว่าไม่ธรรมดาเลย
สำหรับ Tactics ของ Nagelsmann นั้นหากใครไม่ได้ติดตามฟุตบอลเยอรมันเป็นประจำ ผมจะอธิบายง่ายๆ คือ Nagelsmann เป็นโค้ชเจ้า Tactics ครับ ในแต่ละนัดจะวางแผนไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าอีกฝั่งจะเล่นแบบไหน มีทั้ง 4-2-2-2 / 4-4-2 แต่ส่วนใหญ่โค้ชหนุ่มมักจะใช้ ระบบ 3-4-2-1 หรือ 3-1-4-2 รับแน่น ครองบอลเหนียว วินัยดี สวนกลับเร็ว Pressing ตั้งแต่แดนบน เพื่อกดดันไม่ให้อีกฝั่งเซตเกมได้ง่าย และการโจมตีจากด้านข้างที่อันตราย จะสังเกตได้จากในฤดูการนี้ Wing back ซ้าย อย่าง Angeliño ที่ไม่สามารถแจ้งเกิดได้กับทัพเรือใบสีฟ้า ทำผลงานได้ดีเกินคาดภายใต้การคุมทีมของ Nagelsmann โดยลงสนามในทุกรายการไป 35 เกม Assists ไป 11 และยิงไปถึง 8 ประตู
ในฤดูกาลหน้าของ บาเยิร์น มิวนิค น่าสนใจตรงที่ Julian Nagelsmann จะใช้ Tactics แบบไหนในการเล่น เขาจะสามารถปลุกผีในตัวของ Leroy Sane ให้กลับมาโดดเด่น และเป็นความหวังทีมได้หรือไม่ อีกทั้งผู้เล่นที่ฟอร์มแจ่มอย่าง Robert Lewandowski, Joshua Kimmich, Thomas Müller รวมถึงดาวรุ่งอย่าง Jamal Musiala จะสามารถปรับตัวกับโค้ชใหม่ และยังคงทำผลงานได้ดีต่อไปหรือไม่ ที่สำคัญ Julian Nagelsmann จะสามารถพาทัพเสือใต้ประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงไหน มารอดูกันครับ
เพื่อนๆ คิดเห็นยังไง มาพูดคุยกันครับ
[/b]