ผมเหนด้วยกับ จขกท คือบางคนเหนด้วยกับฝั่งปชช บางคนไม่เหนด้วย คนที่เหนด้วยความคิดก้อเเตกต่างกันไปอีก

คืออุดมการณ์เดียวกันเเต่วิธีที่ได้มาเเต่ละคนมองต่างกัน

กลายเปนว่าคนที่เเย้งกลายเปนสลิ่มทั้งที่เค้าก้อหวังดีทั้งนั่น[อาจมีบางส่วนเเซะเนียนๆ] สุดท้ายคนที่หวังดีต้องเลือกเงียบ

สุดท้ายจะต่างอะไรกัน” สิ่งที่พวกข้าทำดีทีสุดเเล้ว คนวิจารย์คือฝั่งตรงข้าม”

เรื่องบางเรื่องที่ยังไม่มีการยืนยัน จับแพะชนแกะ แล้วบอกว่าให้คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ผมว่าโคตรตลก เพราะถ้าเรื่องมันไม่ยืนยัน ไม่ได้รับการพิสูจน์ก็เหมือนไปด่าเค้าลอยๆโดยขาดหลักฐาน แต่ก็แซะด่ากันสนุกปาก

โดยเฉพาะเคสบลูไดมอนด์ แล้วมีน้องผญ.ชูป้ายเหมือนแช่งให้แม่เค้าตาย ซึ่งผมดูแล้วมันทำให้เสียมวลชนไปมาก คำว่าปฏิรูปมันฟังไม่ขึ้นอีกแล้ว (จะบอกว่าเป็นส่วนน้อยก็เถอะ แต่มันถูกตีตราไปแล้วว่าม็อบนี้คิดยังไงกัน)

ข้อเท็จจริงนี้ควรเอามาใช้แย้งกับอีกฝั่ง ไม่ใช่ฝั่งเดียวกัน
ป.ล.คำหยาบไม่ได้ทำให้ใครเป็นอะไรเลยนั่นถูกต้อง
และคำหยาบก็ไม่ได้ช่วยให้เดินหน้าด้วยเช่นกัน

ถามจริงนะ โดนน้ำฉีด โดนยัดเยียดความรุนแรง โดนด่าต่าง ๆ นา ๆ นี่คุณจะให้ทุกคนนั่งพนมมือตั้งนะโมสามจบแล้วไล่ว่าออกไปเถอะนะ ๆ เหรอ

แล้วที่พวกแกนโดนจับยัดคุกที่ผ่านมา โดนทำรุนแรง โดนข่มขู่ในคุกหลาย ๆ อย่างคือคุณไม่สนใจ? พอบอกม๊อบแสดงออกเชิงสัญลักษณ์บ้าง ก็ดิ้นใหญ่แล้วบอกกลัวนู่นนี่นั่น กลัวเสียแนวร่วมบลา ๆ

คุณไม่เห็นเหรอว่าเพราะม๊อบมันไม่ยอมอยู่เฉย ๆ นิ่ง ๆ ไง ฝั่งนั้นมันถึงยิ่งไม่กล้าผลีผลาม ไม่งั้นป่านนี้แกนนำที่ไปยื่นจดหมายที่สถานทูตเยอรมันก็คงโดนไล่จับหมดสภาพไม่ต่างจากแกนนำที่โดนไปรอบแรกแล้ว

ทุกคนที่ออกมาตอนนี้หลายคนเขาเคยทำแบบสันติจัด ๆ อยู่แบบเงียบ ๆ มานานมากแล้ว แล้วผลเป็นไง พวกคนที่ไม่เดือดร้อนอะไรถึงไม่เคยรู้สึกหรือเคยสัมผัสไงว่าบ้านเรามันแย่แค่ไหน กลับกันการแสดงออกให้ชัดเจนแบบนี้ยิ่งทำให้คนตระหนักถึงต้นตอรากเหง้าของปัญหาว่ามันคืออะไร กล้าที่จะวิจารณ์ กล้าที่จะพูดถึงมันตรง ๆ ไม่ซุกมันอยู่ใต้พรมอีกต่อไป เพราะนิสัยเสียอีกอย่างของคนไทยหลายคนในยุคที่ผ่านมาคือ พอเห็นปัญหาก็เลือกที่จะซุกมันไว้ใต้พรมแล้วบอกว่าช่างมันเถอะเพราะตัวเองไม่ได้เป็นคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง จนบ้านเมืองเราถึงได้เดินมาจุดนี้ไง อย่าคิดว่าการทำตัวแบบไม่สนใจหรือช่างแม่งจะไม่สร้างความเดือดร้อนอะไร เพราะมันการทำแบบมันก็คือการสร้างความเดือดร้อนในทางนึง คือทำให้ฝั่งมีอำนาจเขากล้าที่จะทำไรก็ได้ตามใจเพราะคิดว่าเดี๋ยวคนส่วนใหญ่ก็ช่างแม่งกันไปเอง

นักสันธิวิธีนี่โดนยิงตายทั้งนั้นนะครับใน ปวศ.

มาตินลูเธอคิงส์ คานธี

เห็นด้วยครึ่งเดียวครับ เรื่องคนมาจอยเพิ่มครับ
freedom of expression/ speech คือ เราจะพูดอะไรก็ได้ คำว่าหยาบ ของแต่ละคนไม่เท่ากันครับ ใครจะมา เพราะ ชอบก็มา ไม่ชอบ ก็ไม่มา เคารพสิทธิ์กัน
แต่ขอร้องอย่า เอา คำหยาบ ไปทำให้มันดูเหมือน เราทำอะไรร้ายแรงจัด ๆ
เพราะที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีใครรับผิดชอบ เลย เอาง่ายๆเหตุการล่า สุด หัวแตก แสบตา ผิวลอก มีใครจากฝั่งนู้นมาดูแลไหม เด็กราม โดนเหลืองไล่กระทืบ

คือ เรา ทำได้ แค่สุด ก็คือคำหยาบครับ ขอให้คนมันได้ระบาย หน่อยเถอะ
พวกเรา ไม่สามารถไปกระทืบ เค้าได้เลยจริงๆ แต่เค้าเอาเราเกือบตาย - ตาย

ระวังกระเเสตีกลับ
คนประท้วง ชุมนุมอาจจะหลักหมื่นหลักเเสน
เเต่ที่เหลือนี่ หลายๆล้านเลยนะ

ผมว่ายังมีทั้งที่รักสถาบัน
พวกที่ กลางๆๆ
พวกที่ไม่ชอบ
ถ้ายังด่า เสียดสี เเทนที่จะได้
จำนวนมากขึ้น อาจจะลดลง
ประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบที่เฟอเฟค
1 สิท 1 เสียง ถ้าจำนวนคุณน้อยกว่า
ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา

ไม่จริงครับ ต่อให้ก้าวหน้าเป็นรัฐบาล อีกฝั่งก็จัดมวลชนมายึดกรุงเทพอีกรอบ ทหารก็รัฐประหารวนลูป

ผมเข้าใจ และ "เห็นด้วย"กับคุณครับ

แต่ คุณต้องเข้าใจความจริงด้วยว่า ขนาดรุนแรงขนาดนี้

ตั้งแต่วันแรก จนถึงวันนี้ ประยุทธยังไม่ได้รับข้อเสนออะไรเลยแม้แต่ข้อเดียว

เรื่องแก้รธน.มันเป็นนโยบาย"เร่งด่วน"ของรัฐบาลมาตั้งแต่"วันแรก" นี่จะ"2ปี" พึ่งยอมให้แก้

แล้วที่ให้แก้ ไม่ได้แก้ตามที่เด็กเค้าต้องการคือ ร่าง ไอลอว์

แต่ไปแก้ในร่างม.256ที่ใช้เวลาทำ "2ปีครึ่ง"

นั่นคือประยุทธอยู่จนครบวาระ

3ข้อเรียกร้องแรกของเด็กๆ มันก็ไม่มีอะไรนะแค่
1.หยุดคุกคามประชาชน
2.ปิดสวิตซ์สว.(ทันที)
3.แก้รธน.

คำถามคือ เด็กได้รับการตอบกลับอะไรบ้าง

คำตอบคือ ไม่มีอะไรเลย

พอไม่มี เค้าก็เลื่อนระดับข้อเรียกร้องมากขึ้น มาเป็นแบบปัจจุบัน

รับฟังและเข้าใจท่านนะครับ...แต่ท่านลอกดูสิ่งที่พวกตำรวจมันทำดิครับ เอาง่ายก่อนที่จะมาถึงจุดนี้
พวกเขาก็ยัดคดีเป็นว่าเล่นแบบสนุกสนานกันเลย ติดตามคุกคามกันมากมาย จับกุมคุมขัง ขังแล้วปล่อยๆ
ท่านคิดว่ามันสนุกหรอครับ ใครไม่โดนไม่รู้หรอก แล้วสิ่งที่พวกนี้มันทำคือไรฉีดน้ำใส่ ยิงแก๊สน้ำตา
แถมมีการขู่ว่าจะใช้กระสุนยาง แล้วปล่อยให้เสื้อเหลืองมันมายิงเรา สิ่งเหล่านี้เราแค่ตอบโต้ด้วยการสาดสี
มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่พวก ไอ้หมารับใช้ขี้ข้าเผด็จการ มันทำกับประชาชน คิดดูคนเป็นแสนๆยืนด่าสาดสี
อยู่หน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราทำได้แค่นี้มันน่าเจ็บใจเสียด้วยซ้ำ คับแค้นใจจริงๆว่ะ

ส่วนเรื่องสถาบันอันนี้แอบเห็นด้วยกับท่านในบางเรื่อง คือ ผมไม่ติดใจในเชิงยุทธศาสตร์นะ แต่ติดใจตรงคำที่ใช้
ไม่ได้ว่าแกนนำนะ แต่มวลชนอ่ะแรงไป ลดๆหน่อยเดี๋ยวขบวนมันจะเสียกันหมด จะพูดจะพ่นอะไรให้คนที่อ่านแล้ว
เออ...คล้อยตามเราไม่ดีกว่าหรอ ตรงนี้ฝากหน่อย

ไม่ต้องมา 1 สิิทธิ์ 1 เสียง แพ้ตั้งแต่ ส.ว 250 คนละ

ถ้าจะเอาแค่คสช สว ออก อันนี้อาจจะเดินเกมเร็วไปนิด แต่ถ้าจะขุดรากถอนโคนแบบจริงๆ ผมว่ามาถูกแล้ว เพดานแตกไปแล้วว อนาคตยังไงพวกเด็กๆที่เข้ากับม๊อบก็จะมีจำนวนมากขึ้น

และที่สำคัญที่สุด เอาอะไรมามั่นใจว่า ถ้า คสช ไปแล้ว รัฐธรรมนูญถูกแก้ไข เอาอะไรมารับประกันว่าเขาจะไม่เอาทหารออกมาอีก แค่นั้นแหละ

ส่วนตัวผมว่ามาถูกทางที่สุดแล้ว ระยะเวลา 3 - 4 เดือน ทำให้ประเทศไทย ในอนาคตจะไม่กลับไปเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ระบอบกษัตริย์ที่ใช้เวลาสร้างมาหลายสิบปี ตอนนี้พังทลายไม่มีเหลือแล้ว แนวคิดมันถูกบรรจุในคนรุ่นใหม่ไปหมดแล้ว

ยิ่งเวลาเดินไปนานเท่าไรแนวคิดเดิมยิ่งลดลงไป แต่มันตรงข้ามกันกับแนวคิดใหม่ ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งเติบโต

ตอนนี้กาลเวลากลายเป็นอาวุธที่ระบอบเก่าไม่สามารถเอาชนะได้ไปแล้ว

จริงๆมันมีข้อพิสูจน์ตั้งแต่ทนายอานนท์พูดครั้งแรกแล้วหนิว่ามีคนตอบรับมากขนาดไหน ผมว่าเรื่องนี้มันโดนพิสูจน์ไปเรียบร้อยแล้วนะ วันที่ทนายอานนท์พูดครั้งแรกก็เสียงแตกแต่สุดท้ายเป็นไงคนมาร่วมชุมนุมกันเยอะแยะ ตอนนี้คนจะไม่มาที่ผมกลัวอย่างเดียวคือเพราะไอรัฐเฮงซวยมันใช้ความรุนแรงนี่แหละ

แบบนี้สุดโต่ง