จอห์น เทอร์รี่ ขึ้นชื่อเรื่องความเป็นนักสู้
แม้ในยุคที่สโมสรรายล้อมไปด้วยกัปตันทีมชาติ
ลูกพี่ใหญ่ในรั้วสีน้ำเงินยังคงเป็นเขาเสมอมา

แต่ครั้งหนึ่ง...เขาถูกบีบคอต่อหน้าทุกคน
และนั่นอาจเป็นเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาถูกกระทำ

ย้อนกลับไปในเดือนสิงหาคม ปี 1998
เชลซีเอาชนะทีมเรอัล มาดริด ไป 1-0
คว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ มาครอง

แถมจบฤดูกาล 1998-99
พวกเขายังสามารถจบอันดับที่ 3
คว้าสิทธิ์ตะลุยถ้วยยุโรปใหญ่ได้อีกต่างหาก
ด้วยเหตุนี้ สโมสรจึงตบรางวัลให้กับผู้เล่นชุดนั้นยกใหญ่

จอห์น เทอร์รี่ เด็กหนุ่มวัย 19 ปี
ได้นำโบนัสก้อนโตไปซื้อรถยนต์มาคันหนึ่ง
เมื่อขับมาถึงสนามซ้อม กัปตันทีมชุดนั้นก็เห็นเข้า
เขาปรี่เข้ามาบีบคอเทอร์รี่ต่อหน้าทุกคนในทีม

"เอ็งคิดว่าเอ็งเป็นใครวะ? เอารถไปคืนซะ!"

สิ่งเดียวที่เด็กหนุ่มอย่างเขาทำได้ก็คือ
เอารถไปคืนและยอมเสียเงินจำนวนหนึ่งไป
แน่นอน...จอห์นรู้สึกลำบากใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่นี่เป็นหนึ่งในบทเรียนที่ดีที่สุดของเขา
และมันขัดเกลาหัวใจเทอร์รี่ไปตลอดกาล

เราจะมาทำรู้จัก 'คนโตตัวเล็ก' กัปตันทีมชุดนั้นกัน
คนที่ทำให้จอห์น เทอร์รี่ ตระหนักได้ว่า
อะไรคือสิ่งที่เด็กอย่างเขาควรจะทำ

"เดนนิส ไวส์"



เดนนิส ไวส์ เป็นชาวลอนดอนแท้ๆ
เขาเกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ปี 1966
ก่อนมาเติบโตในย่านนอตติ้งฮิลล์

ในวัยเยาว์ เด็กชายไวส์ซุ่มซ่ามมาก
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยยอมรับเรื่องนี้ก็เถอะ
ก็พี่แกเล่นซนจนตกต้นไม้ ถูกรถไอศรีมชน
วีรกรรมแต่ละอย่าง แค่ฟังยังปวดหัวเลย

เขาบอกว่าเขาเริ่มเรียนรู้ดูแลตัวเอง
เพราะความซวยชอบมาเยี่ยมเขาเสมอ (ใช่เหรอ?)

จากนั้น เมื่อเขาอายุได้ 13 ปี
ฝีเท้าก็เริ่มไปเตะตาแมวมองเซาท์แธมตัน
และได้ร่วมฝึกซ้อมที่ศูนย์เยาวชนของทีม
ก่อนเซ็นสัญญาเข้าเรียนในอีก 2 ปีต่อมา

ชื่อเสียเดนนิสเลื่องลือมาก ย้ำนะว่าเสียจริงๆ
เขาถูกขึ้นบัญชีดำให้ดร็อปเรียนเพราะขี้โวยวายเกิน
ตามนิสัยนักเลงเลือดร้อนวัยกลัดมัน

พอโดนดร็อปปุ๊บ พี่แกก็ไม่เอาละเรื่องเรียน
ขอมุ่งไปตามล่าฝันกับการเป็นแข้งอาชีพดีกว่า
แต่ก็ถูกนักบุญปล่อยตัวในเวลาต่อมา

เขาจึงหันไปเซ็นสัญญากับ "จอมโหด" วิมเบิลดัน
สถาปนาตนเองเป็นหนึ่งในผู้เล่นยุคทองของทีม
เดนนิส ไวส์ กลายเป็นที่รู้จักของแฟนบอลตั้งแต่นั้น

'ไอ้โรคจิต' วินนี่ โจนส์
'ไอ้ศอกบิน' จอห์น ฟาชานู
'ไอ้โกะ' เทอร์รี่ ฟีแลน

นี่คือรายชื่อเพื่อนร่วมทีมของเขา
ดูจากฉายาก็คงรู้...ทีมนี้โคตรเถื่อน!!

ยังไม่พอครับ ลองจินตนาการดูนะ
ผู้เล่นชุดนี้กำลังจะปะทะกับ 'เครื่องจักรสีแดง'
ในนัดชิงชนะเลิศ ศึกเอฟเอ คัพ ปี 1988

ฝั่งลิเวอร์พูลนำทัพโดย
'ปีกนิลกาฬ' จอห์น บาร์นส
'เครื่องจักรสังหารประตูติดหนวด' จอห์น อัลดริดจ์
'หลอเล็ก' ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์

โอ้โหเหมือนเทวดาปะทะซาตาน
เด็กมหัศจรรย์ถูกนักเลงหัวไม้ไล่ตี

สุดท้าย วิมเบิลดันก็คว่ำลิเวอร์พูลลงได้
จากลูกฟรีคิกของไวส์ ที่เปิดไปให้ลอว์เรนซ์ ซานเชซ
จบเกมด้วยสกอร์ 1-0 คว้าแชมป์ไปครองสมใจ



ในปี 1990
เขาย้ายมาร่วมทัพเชลซีเป็นสถิติสโมสรในเวลานั้น
ลงเล่นได้แค่ 3 เกม ก็ถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม
ไม่ทิ้งลายเก่าหน่อยเหรอลูกพี่ (ฮา)

ไวส์ใช้เวลาไม่นาน
ก็ลงสนามครบ 100 นัดให้เชลซี
และการเข้ามาของเกล็น ฮ็อดเดิล ปี 1993
เขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีม

แต่ก็ได้แค่ปีเดียวครับ
เพราะไวส์ดันไปก่อเหตุทะเลาะวิวาท
มีเรื่องมีราวกับคนขับแท็กซี่จนโดนจับ

เขาถูกเจ้าหน้าที่ตำรจคาดโทษในซังเต
เป็นระยะเวลา 3 เดือน แต่ปล่อยตัวก่อนรอคำตัดสิน
เรื่องนี้ทำให้ฮ็อดเดิลริบปลอกแขนกัปตันทีมทันที
หนำซ้ำ...ยังถูกตัดชื่อออกจากทีมชาติอีกต่างหาก

เรียกได้ว่าช่วงนี้เป็นมรสุมของชีวิตเดนนิส ไวส์ เลย

ในความรู้สึกของเขานั้น
ฮ็อดเดิลน่าจะอยู่เคียงข้างเขาสักหน่อย
เขากำลังใช้ชีวิตอย่างหวาดวิตกกับคดีนะ

และความจริงทั้งหมดมันก็ยังไม่ชัดเจน!!

สุดท้าย ไวส์ก็พิสูจน์ตัวเองสำเร็จ
ศาลสั่งยกฟ้องคดีของเขาด้วยเหตุผลบางประการ
เขาจึงได้รับปลอกแขนคืนจากฮ็อดเดิล
ถึงจะแอบงอนอยู่ถึงทุกวันนี้ก็เถอะ

"ผมยังรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องอยู่ดีแหละ
แต่ถ้าเขาคิดในเชิงสิ่งที่เขาควรจะทำ
ผมก็ไม่ขัดข้องอะไรหรอก"

ฮ็อดเดิลมีชื่อเสียงพอตัวในเวลานั้น
ในฐานะนักเตะควบโค้ช เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆ
เขาโด่งดังมากพอที่จะดึงซูเปอร์สตาร์มาได้

รุด กุลลิท และมาร์ค ฮิวจ์

'รุด' คือนักเตะที่เก่งที่สุดที่ไวส์เคยเห็น
ขณะที่ 'ฮิวจ์ซี่' ก็เปี่ยมไปด้วยศักยภาพ
มีการพูดคุยกันระหว่างผู้เล่นแนวรับในยุคนั้น
พวกเขาเกลียดการเผชิญหน้ากับฮิวจ์ที่สุด

โดยเฉพาะกับเดนนิส ไวส์
เขาอยากเตะฮิวจ์ให้เจ็บกันไปข้างมาตลอด
จากการบอกของเจ้าตัวในชีวประวัติ

ความผิดหวังในปี 1994 จะได้แก้ไขกันแล้ว
การแพ้แมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบชิงเอฟเอ คัพ
สร้างความเจ็บปวดให้เขาเป็นอย่างมาก

คราวนี้แหละ เชลซีไม่ไล่ตามก้นใครอีก
กลับกัน..ทุกคนต้องหันมามองในฐานะผู้ท้าชิง
และไวส์มั่นใจว่าทีมของเขาทำได้แน่นอน



แต่แล้วเกล็น ฮ็อดเดิล ก็ย้ายไปคุมทีมชาติอังกฤษ
ทำให้ภาระหน้าที่ทั้งหมดตกมาอยู่กับรุด กุลลิท

สาเหตุนึงคงเป็นเพราะอีโก้ในตัวของฮ็อดเดิล
เขาเชื่อมั่นในความคิดตัวเองสูงมากจนลืมจุดสำคัญไป
เมื่อปะทะคารมกันบ่อยๆก็คงมีหมดไฟกันบ้าง

รุด กุลลิท ดาวเตะระดับเวิร์ลคลาส
ผู้เคยคว้าบัลลงดอร์ในปี 1987 มาแล้ว
เขารู้ดีว่า เชลซีต้องเล่นในแบบของตัวเอง
ความกล้าๆกลัวๆของฮ็อดเดิลไม่อาจพาทีมถึงฝั่งฝันได้

เชลซีทุ่มเงินคว้าดาวเด่นจากซีรีย์ อา
พร้อมปล่อยตัวแข้งท้องถิ่นระบายออกไป

จิอันลูก้า วิอัลลี่
โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ้
จิอันฟรังโก้ โซล่า

รวมไปถึงแฟรงค์ เลอเบิร์ฟ และโฟรเด้ โกรดาส
เชลซีกลายเป็นทีมรวมดาราต่างเชื้อชาติไปแล้ว
และมันเป็นเวลาของ "Sexy Football"

กุลลิทกล่าวระหว่างเล่นพูลกับวิอัลลี่ว่า
เขาต้องการให้เชลซีเล่นในแบบตัวเอง
จงอย่าได้เกรงกลัวทีมใดใดทั้งสิ้น

ช่วงเวลาของ 'สิงห์บอลถ้วย' ก็มาถึง
เชลซีที่เพิ่งถูกลิเวอร์พูลถล่มในเกมลีค 5-1
ต้องมาพบกับหงส์แดงอีกครั้ง ในศึกเอฟเอ คัพ รอบที่ 4

จากที่ทำท่าว่าจะเป็นหนังม้วนเดิม
ลิเวอร์พูลขึ้นนำไปก่อน 2-0 ในครึ่งแรก
เชลซีก็ซัดรวดทีเดียว 4 ประตู ภายใน 26 นาที
เป็นการคัมแบ็คที่ดีที่สุดเกมนึงของสโมสรเลยครับ

จากนั้น เราก็ถล่มคู่แข่งเป็นว่าเล่น
โดยพวกเขายิงไปทั้งหมด 17 ประตู
จนเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศอีกครั้งได้สำเร็จ
และเป็นดิ มัตเตโอ กับลูกยิงอันเลื่องลือนั่นแหละ



ก่อนหมดเวลา 7 นาที
เอ็ดดี้ นิวตัน จะมาปิดจ๊อบอีกประตูตอกฝาโลง
พาเชลซีคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปี
ล้างอายจากนัดชิงปี 1994 ได้เป็นผลสำเร็จ



นับเป็นโชคดีของไวส์นะครับ
ที่มิดฟิลด์ฮาร์ดแมนกำลังได้รับความนิยม
ด้วยสไตล์การเล่นแบบดุดัน ไม่กลัวใครในยุคนั้น

เขาเป็นหัวใจหลักในแดนกลาง
ไวส์รับงานสกปรกเพื่อให้เพื่อนเล่นง่าย
ด้วยส่วนสูง 168 เซ็นฯ กับหัวใจเหล็กไหลของเขา

"ถ้ามาราโดน่าคือหัวใจของนาโปลี
เดนนิสก็คือหัวใจของเรา ผมคิดแบบนั้น" โซล่ากล่าว

มันไม่ใช่แค่เรื่องในสนาม
แต่เขาเป็นแบบอย่างทัศนคติให้ทุกคน
ไม่เว้นแม้แต่ดาวรุ่งตัวเล็กๆในสมัยนั้น

ไม่ต้องลงเล่นเพื่อให้ตัวเองโดดเด่น
แต่ลงเล่นเพื่อให้สโมสรโดดเด่นต่างหาก

"เขาพาผมไปขายรถแล้วหาซื้อบ้านหลังหนึ่ง"

จอห์น เทอร์รี่ ย้อนความถึงเหตุการณ์นั้น
ที่เขาโดนไวส์ตวาดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
เพราะสิ่งที่เทอร์รี่ควรมองคือ ความมั่นคงของชีวิต

"ผมรู้สึกสำนึกในบุญคุณของเขาในทุกเรื่อง
เขาชี้นำเด็กทุกคนในสโมสร เขากวาดสายตามาที่เราเสมอ"

โจดี้ มอร์ริส ผู้ช่วยผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน
คืออีกหนึ่งคนที่ให้คำตอบเรื่องนี้ได้ดีที่สุด
เขาลงเดบิวต์ให้เชลซีได้เร็วกว่าเทอร์รี่เสียอีก

และแผ่นหลังที่เขามองมาตลอด คือ เดนนิส ไวส์

ในฐานะรุ่นน้องของอดีตกัปตันผู้น่าเกรงขาม
มอร์ริสกำลังทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติเลยล่ะ
เขาฟูมฟักแข้งสายเลือดใหม่ด้วยทัศนคติที่ดีทีเดียว

ผมไม่แน่ใจว่าคนอื่นคิดเห็นอย่างไร
แต่เด็กเชลซีชุดนี้มันสู้ขาดใจกว่าที่เคยเป็นนะ

ตลอดช่วงเวลาที่เขาสวมปลอกแขนกัปตันทีม
เดนนิส ไวส์ พาทีมคว้าบอลถ้วยไป 6 สมัย
ลงสนาม 445 นัด ยิงไปมากถึง 76 ประตู

แฟนเชลซีจะมักจดจำเขาได้
ในฐานะฮาร์ดแมนตัวจิ๋ว แต่หัวใจเกินตัว
เป็นคนประเภทยิ้มเก่ง แต่ถึงเวลาก็ซีเรียสไม่แพ้กัน

ก่อนจากกันไป
ผมมีเรื่องตลกในสมัยนั้น คือ
พวกเขามักแกล้งจิอันฟรังโก โซล่า
ด้วยเพลงที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครแต่ง

"ชายคนหนึ่งมาจากอิตาลี
เขามาพร้อมฟันเรียงเป็นตับ
และทุกครั้งที่เขายิ้มเราจะวิ่งหนี
จิอันฟรังโก้ นายคือ Red Rum

ใช่เลย...จิอันฟรังโก้ นายคือ Red Rum"

Red Rum ในที่นี้คือชื่อม้าตัวหนึ่ง
เป็นม้าแข่งที่มีชื่อเสียงมากในยุค 1970s ครับ
เอิ่ม...ก็แอบคล้ายๆเหมือนกันนะ

ยิ่งโซล่าบอกให้หยุดเท่าไร
พวกเขาก็ยิ่งร้องดังขึ้นเท่านั้น
พอโซล่าเริ่มอ้อนวอนก็ตะโกนร้องมันทั้งวัน
โดยเฉพาะจิอันลูก้า วิอัลลี่ เนี่ยชอบเอามากๆ

ซึ่งไวส์มองว่ามันเป็นเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นในยุคนั้น
"มันคือมิตรภาพครับ"

เดนนิสไวท์ เคยกระโดดเกาะหลังเบคแฮม ตอนเบคแฮมหลุดเส้นหลัง กำลังจะเลี้ยงเข้ากรอบเขตโทษ แกกระโดดเกาะหลังเบคแฮมเลย ลูกนั้นอย่างฮา

กัปตันผู้ไม่เคยกลัวใคร

เป็นคนที่ดุมาก หน้าตานี่โหดดุมาเลย ยุคนั้นมีแต่ฮาดแมนทั้งนั้นคลาสสิคสุดๆ

พอจะมีคลิบให้ดูมั้ยครับท่่าน

เห็นหัวกระทู้ ผมเดาได้เลยไม่ต้องเปิดอ่าน ว่าเป็นใคร


สูงน้อย แถมโหด ของเชลซีที่นึกออกมีคนเดียวแหละ

"คนโตตัวเล็ก" เดนิส ไวส์

ไม่เคยหาเจอเลยครับ

สมกับฉายา "คนโตตัวเล็ก"

ผมชอบมากเลย อยากได้มาแมนยูด้วยซ้ำ ฟอร์มตอนพีกนี่ทั้งดุทั้งเก่ง. แต่แกคงไม่เคยคิดจะมา แกเกลียดแมนยู555

ฮาร์ดแมนจอมดุอีกคนของวงการ EPL

สมัยก่อนนักเตะมีแต่สายดุ คนนี้ก็เช่นกัน

แชมเปี้ยนลีกครั้งแรกของเชลซี นัดเจอมิลานมีสตีกเกอร์วิ่งลงไปป่วนในสนาม ขณะที่เหตุการณ์แบบนี้นักเตะมักจะถือโอกาสพักปล่อยให้จนท.สนามจัดการ ด้วยที่แกมุ่งมั่นกับเกมมากเลยไม่พอใจเลยจึงไปวิ่งไล่จับตัวป่วนกับจนท. และเป็นแกเองที่วิ่งทันเจ้าตัวป่วน จึงได้กระโดดถีบขาคู่หนีบตัวป่วนจนล้มลง สร้างเสียงปรบมือให้คนดูกันเล็กๆ

ปล.ไม่ต้องถามคลิป สมัยนั้นมีเหตุการณ์เขาจะตัดภาพสดออก ผมเองก็อ่านจากคอลัมนิสต์ซอคเกอร์ที่เขาเข้าไปชมอีกที แต่มีภาพข่าวในเวปนอกอยู่จังหวะเสียบ

ถึงขั้นชนวิเอร่าได้นี่ ฮาร์ดแน่นอน

เป็นมิดฟิลด์ที่ยิงได้ดีพอสมควรเลยนะ