BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
หน้าแรกบอร์ด >> ชีวิตที่เริ่มจาก 0 กับความสำเร็จจาก “การพนัน”
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 71
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Apr 22, 2020 20:27
ชีวิตที่เริ่มจาก 0 กับความสำเร็จจาก “การพนัน”
***คำเตือน! บทความนี้ค่อนข้างยาว แต่ถ้ามีเวลาว่างลองอ่านเถอะครับ มันจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านในเรื่อง “การลงทุน” อย่างแน่นอน***

ในระหว่างที่มีเวลาว่างจากการ Work From Home ผมตั้งใจเขียนบทความนี้ขึ้นมา เพื่อเตือนสติใครหลายคนที่ยังหลงบนทางที่ไม่มีวันประสบความสำเร็จ พร้อมเปิดมุมมองอีกเส้นทางหนึ่งที่อาจเป็นคำตอบที่เหมาะสมมากกว่า โดยก่อนอื่นผมยอมรับว่าตัวเองเป็น 1 ในคนที่มีครอบครัวฐานะปานกลาง และมีแนวคิด “อยากรวยทางลัด” โดยทำยังไงก็ได้ที่ลงเงินไปแล้ว ได้เงินกลับมาให้มากและเร็วที่สุดและออกแรงน้อยที่สุด แน่นอนว่าความคิดแวปแรกที่ทุกคนคิดขึ้นมาคงหนีไม่พ้น “การพนัน” ใช่ครับ ผมเลือกเดินบนเส้นทางสายการพนัน และผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นอย่างไรพวกท่านสามารถติดตามได้ต่อจากนี้

การพนันครั้งแรกของพวกท่านคืออะไร ?


หากย้อนกลับไปสมัยเด็ก ในตอนที่ผมอายุ 8 ขวบ การพนันชนิดแรกที่ผมเริ่มจับต้องมัน คือ ฉลากแผง ที่ชอบแขวนอยู่ตามร้านขายของชำ พวกท่านเคยเล่นกันไหม ? ที่พอเราจ่ายเงินไป 1 บาท แล้วเขาจะให้เราหยิบฉลากมา 1 เบอร์ ซึ่งข้างในก็จะเขียนข้อความต่าง ๆ เช่น คุณได้รับเงิน 2 บาทบ้าง จับใหม่บ้าง อดบ้าง หรือถ้าโชคดีหน่อย ก็อาจได้เจอกับคำว่า “บัตรพิเศษ” ที่ทำให้เราได้ลุ้นรางวัลใหญ่ โดยมีเงินรางวัลตั้งแต่ 10 - 50 บาท ลองคิดดูนะครับ เราจ่ายเพียงบาทเดียว แต่มีสิทธิ์ได้กลับมาถึง 50 บาท มีหรือที่เด็กที่ชอบการเสี่ยงโชคเป็นชีวิตจิตใจอย่างผมจะไม่หลงไปกับมัน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของชีวิตการพนันของผม



มีอยู่วันนึงในตอนที่ผมดึงเบอร์ไปเรื่อย ๆ จนรู้ตัวอีกทีก็เห็นฉลากเหลืออยู่เพียง 5 ใบ แต่ตาผมเหลือบไปดูแผงบัตรพิเศษที่ยังคงอยู่ถึง 4 ใบ ! นั่นแปลว่า ผมมีสิทธิ์ครองครองบัตรพิเศษทั้งหมดด้วยเงินแค่ 5 บาทเท่านั้น แต่โชคร้ายครับ เงินผมหมดแล้ว ผมจึงรีบวิ่งกลับบ้านอย่างเร็วที่สุด โดยระหว่างทางก็คำนวณไปด้วยว่า หากในบัตรพิเศษนั้นมีรางวัลขั้นต่ำ 10 บาท เหลือตั้ง 4 ใบ เราคงได้เงินกลับมา 40 บาทเป็นอย่างน้อย ดังนั้นเมื่อถึงบ้าน จึงไม่ลังเลที่จะแอบหยิบเงินในกระเป๋าสตางค์แม่มา 5 บาท พร้อมสัญญากับตัวเองว่า ถ้าได้เงินกลับมาจะเอามาคืน 10 บาท (เริ่มรู้จักการกู้ยืม 55) จากนั้นจึงรีบวิ่งไปถึงร้านให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าจะมีคนอื่นแย่งไอ 5 อันสุดท้ายนั้นไป ซึ่งก็ถือว่าผมยังดวงดีอยู่บ้าง ที่ระหว่างเวลานั้นไม่มีใครแย่งมันไป ผมจึงรีบยื่นเหรียญ 5 บาทไปให้กับป้าเจ้าของร้าน และสิ่งที่ตลกคืออะไรรู้ไหมครับ ? พอผมเปิดใบแรกออกมา กลับพบว่าไม่มีรางวัลบัตรพิเศษข้างใน จึงนึกขำตัวเองว่า ทำไมดวงซวยแบบนี้วะ ขนาดเหลือรางวัล 4 ใน 5 เอ็งยังหยิบได้ไอใบที่ไม่มีรางวัล แต่ไม่เป็นไรครับ เพราะยังไงอีก 4 ใบที่เหลือนั้นก็ยังเป็นของผม บัตรพิเศษทั้งหมดคงไม่หนีเราไปไหนแน่ จากนั้นผมจึงเริ่มเปิดใบที่ 2 แต่แล้วก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น เพราะ “มันว่างเปล่า” ผมเริ่มหน้าถอดสีและคิดว่า เป็นไปได้ไงวะ ! เลยลองรีบเปิดที่เหลือทั้งหมด เชื่อไหมครับ ? มันไม่มีรางวัลบัตรพิเศษเลยสักใบ “โกงแน่ ๆ” ป้าเจ้าของร้านต้องแอบเอาออกไปแน่ ๆ นั่นคือความคิดแรกที่เข้ามาในหัว แต่พอมองไปที่ป้าเจ้าของร้าน เขาก็ดูปกติ ไม่เหมือนคนโกงสักนิด ผมจึงตั้งสติและคิดได้ว่า แท้จริงเขาสร้างเกมมาให้เหลือบัตรพิเศษไว้ 4 ใบในทุกแผงอยู่แล้ว จึงเดินคอตกน้ำตาซึมกลับบ้าน ซึ่งหลายคนอาจมองว่านี้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเด็ก 8 ขวบที่หัดขโมยเงินเป็นครั้งแรก มันกระทบจิตใจเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายรู้ไหมครับ มันกลายเป็น 1 ในเรื่องดีที่สุดในชีวิต ที่ทำให้ผมมีภูมิคุ้มกันและคิดได้ว่า “เกมบางเกมมันออกแบบมาทำให้เราแพ้ตั้งแต่กติกาแล้ว”

จากนั้นเป็นต้นมา หากถ้าผมคิดจะเสี่ยงอะไรสักอย่างหนึ่ง ความคิดแรก คือ เราต้องรู้กติกาของผลลัพธ์มันให้หมดก่อน และในทุก ๆ ครั้งที่เพื่อนหรือใครมาชักชวนให้เล่นพนันอย่างจริงจัง ผมจะเก็บเอามาคิดก่อนเสมอว่าสุดท้าย “ในระยะยาว ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร” โดยวิเคราะห์ออกเป็น 2 ปัจจัย คือ 1.โอกาสถูกในแต่ละครั้ง คูณกับ 2.ผลตอบแทนที่ได้เมื่อเราชนะ จากนั้นก็ดูว่าค่ามันเกิน 1 หรือไม่ ถ้าไม่เกินผมไม่เล่น ! เพราะมันแปลว่า ในระยะยาวเราแพ้แน่นอน เช่น หวย โอกาสถูก 1 ใน 100 หรือ 1% แล้วถ้าถูกได้คืนกลับมา 70 เท่า ดังนั้น 0.01 x 70 = 0.7 เสียเปรียบในระยะยาว ผมไม่เล่น ! พนันบอล โอกาสถูก 50 : 50 แต่เวลาถูกต้องโดนหักค่าน้ำเหลือ 1.90-1.95 เท่า ดังนั้น 0.5 x 1.9 = 0.95 เสียเปรียบ ผมไม่เล่น ! โดยตลอดเวลาที่ผ่านมาผมพยายามหาเกมที่ทำให้สมการตัวนี้มีค่ามากกว่า 1 แต่จนแล้วจนรอด ไม่ว่าใครจะเสนอไอเดียแบบไหน ทั้งสูตรไฮโลหรือบาคาร่าต่าง ๆ ก็ไม่สามารถหักล้างแนวคิดพื้นฐานนี้ได้ จนเวลาผ่านไปทำให้ผมได้ค้นพบกับสัจธรรมความจริงว่า มันไม่มีเกมการเงินไหนหรอก ที่เจ้ามือออกแบบกติกามาให้ผู้เล่นได้เปรียบ จากนั้นความคิดในการประสบความสำเร็จจากการเสี่ยงโชคของผมค่อย ๆ หมดไป และหันไปมุ่งเน้นชีวิตมหาวิทยาลัยในการตั้งใจเรียนเพื่อหาอาชีพการงานดี ๆ ทำ

“แต่ผมคิดผิดครับ”

แล้ววันหนึ่งจุดเปลี่ยนทางความคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ในช่วงรอยต่อระหว่างที่ผมเรียนจบและหางานทำอยู่นั้น กลับมีรุ่นพี่คนหนึ่งชวนผม “เก็งกำไร” กับเกมเกมนึง โดยที่ผมคิดในใจว่า “มันก็คงเหมือนเดิม” ที่สุดท้ายเมื่อนำ โอกาสชนะ x ผลตอบแทนต่อครั้ง ยังไงก็ไม่เกิน 1 และในระยะยาวเราก็เสียเงินอยู่ดี … แต่เอาเถอะ ก็ว่างอยู่แล้วลองฟังดูสักหน่อยคงไม่เสียหายอะไร และนั่นคือจุดเปลี่ยนจริง ๆ เพราะเขาพาผมเข้าไปในเกมการเงินที่เรียกว่า “ตลาดหุ้น”

Spoil
รู้ไหมครับ ผมเคยลองมองย้อนกลับไปในอดีตแล้วนึกอยากด่าตัวเอง … ที่มี Mindset แย่ ๆ กับตลาดหุ้น โดยคิดเหตุผล(ข้ออ้าง)ต่าง ๆ นานา ในการปฏิเสธมัน ทั้ง “มันเป็นเกมส์ของคนรวย” , “ไม่มีความรู้” , “ยุ่งยากซับซ้อน” , “เงินเราน้อย” , “เจ้ามือคอยดักกินเงินเม่าหน้าใหม่” , “ไม่มีเวลาอยู่จอหน้าเล่นไปก็แพ้” และอื่น ๆ ที่สรรหามาให้กลายเป็นข้อสรุปว่า “อย่าเล่นหุ้น” ซึ่งนั้นมันเป็น 1 ในเรื่องนี้โง่เง่าสุดในชีวิต เพราะมันทำให้ผมรู้ตัวช้า ถ้ากล้าเข้ามาตั้งแต่แรกป่านนี้คงไปไกลกว่านี้นานแล้ว แล้วพวกท่านเห็นด้วยกันไหมครับ ? หรือเราควรจะรออ่านหนังสือให้จบสัก 100 รอบ แล้วค่อยเข้ามาเจอกับความรู้ในทางปฏิบัติที่หนังสือเล่มไหนก็ไม่ได้เขียนเอาไว้, หรือเราควรจะรอเก็บเงินให้ได้หลายล้านแล้วค่อยมาลองล้มเหลวในตลาดหุ้น, หรือเรา … ควรจะสวดมนต์ภาวนาให้สักวันตัวเองกลายเป็นเทพกลายเป็นเซียนแล้วค่อยเข้ามาลงทุน ทีนี้เริ่มเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ ว่าทุกความคิดมันผิดพลาดแค่ไหน ต่อให้พวกท่านอ่านหนังสือหรือไปฟังสัมมนามาเป็นพันครั้ง พวกท่านก็ไม่มีวัน “เข้าใจ” อย่างแท้จริงหรอก หรือใครที่คิดว่าตัวเองเงินน้อยเลยไม่กล้าเล่น ผมบอกเลยว่า เพราะเงินน้อยถึง “สมควร” ต้องเล่น เพราะท่านคงไม่อยากกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่กลับหอบเงินมาหมดตัวในตลาดหุ้นแบบคนรุ่นก่อนที่เราเคารพ และสำหรับใครที่กลัวกับปัญหาใหญ่ที่สุด นั้นคือ “การขาดทุน” ผมขอพูดด้วยความจริงใจเลยนะครับ ในตอนเริ่มต้น ท่านจะขาดทุนอย่างแน่นอน แล้วพวกท่านคิดว่าคนที่ประสบความสำเร็จมีใครบ้างที่เดินเข้ามาแล้วเก่งเลย พวกเขาล้วนแล้วแต่ต้องเคยผิดพลาดเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดเหล่านั้นและกลายเป็น 1 ในคนที่อยู่รอดในตลาด ดังนั้นแล้ว ถ้ามันจะเจ๊ง จะขาดทุน ก็ขอให้มันพังตั้งแต่ตอนที่เงินเราน้อย ๆ แบบนี้ดีแล้วครับ แล้วพอเราเรียนรู้ข้อผิดพลาดและแก้ไขทั้งหมด เราก็จะสามารถเอาคืนในวันที่เรามีกำลังกว่านี้ และพวกเราก็จะไม่กลายเป็นผู้ใหญ่ที่เข้ามาล้มเหลวในตลาดหุ้นและไม่เหลือกำลังและเวลาในการแก้ตัว
 




“กุอยากล็อคสูตรตลาดหุ้น กุคิดว่าคนมี Logic อย่างเมิงน่าจะช่วยกุได้”

นี่คือคำพูดที่ผมจำได้หลังจากตกอยู่ในภวังค์ของนิยามตลาดหุ้นที่เราเคยมองว่ามันกว้างใหญ่และไม่กล้าก้าวเข้าไป โดยเขาอธิบายโดยสรุปว่า ในตลาดหุ้นมีคน 2 ประเภทหลัก ๆ คือ คนที่เป็นนักลงทุนจริง ๆ คนพวกนี้จะเอาเงินเก็บของตัวเอง ไปซื้อหุ้นของบริษัทที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว โดยคาดหวังว่าถ้าคิดถูก บริษัทดีมีกำไรก็ตอบแทนคืนมาในรูปเงินปันผลปีละ 3-10% ซึ่งดีกว่าที่เขาจะเอาไปฝากธนาคารไว้เฉย ๆ กับอีกพวกคือ “นักเก็งกำไร” คนพวกนี้ก็จะมีแนวคิดในการพยายามคาดการณ์ราคาหุ้น โดยอาศัยข้อมูลต่าง ๆ ที่มีเป็นร้อยเป็นพันแปรเปลี่ยนมันเป็นข้อสรุปว่า “ขึ้น หรือ ลง” และก็นำเงินไปเดิมพันในทิศทางนั้นเป็นรอบ ๆ ดังนั้นคงไม่ต้องสงสัยเลยนะครับ ว่าพวกเขากำลังชวนผมเป็นแบบที่ 2

แล้วมันจะต่างอะไรกับการเล่น Hi-Lo

พอพูดถึงนิยามของการเก็งกำไรในตลาดหุ้น ผมเชื่อว่าหลายท่านคงคิดคล้าย ๆ กัน คือ การเปรียบเทียบกับการแทงสูงต่ำ โดยแม้ทิศทางมันจะออกได้ 2 ทางเหมือนกัน แต่มันมีสิ่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ “การวิเคราะห์ความน่าจะเป็นของผลลัพธ์” โดยการเล่น Hi Loหากเอาเด็กอนุบาล 3 กับผู้จัดการกองทุน มาทายแข่งกัน พวกท่านคิดใครแม่นยำกว่า แล้วในตลาดหุ้นละครับ ระหว่างเด็ก ป 2 กับตัวพวกท่านที่กำลังพยายามทำ Data Sciences ข้อมูลต่าง ๆ ใครมีโอกาสคาดการณ์ได้ถูกทางมากกว่า และนอกจากนี้การเก็งกำไรในหุ้นมันยังสามารถ “ควบคุมผลตอบแทนต่อครั้ง” ได้ เช่น ถ้ากำไรแล้วเราสามารถเลือกได้ว่าจะ run ต่อไปเรื่อย ๆ แต่กลับกันถ้าขาดทุนเราก็สามารถขายทิ้งให้เร็วที่สุด แล้วพวกท่านคุ้น ๆ ไหมครับ ว่าสิ่งที่ผมพูดถึงไปนั้นส่งผลโดยตรงต่อสมการที่กล่าวไว้ในตอนต้น และมันทำให้ผมเริ่มมีความหวังกับเส้นทางนี้อีกครั้ง ซึ่งจากนั้นผมจึงไม่ถามอะไรรุ่นพี่ท่านนั้นต่อ เพราะตอนนี้ผมเข้าใจและมั่นใจแล้วว่า “พวกเขาก็มีสมการนี้ในหัวเหมือนกัน”

จากนั้นเป็นต้นมาเวลาว่างผมจะพยายามสังเกตพฤติกรรมราคาหุ้นและหา Factor ต่าง ๆ เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างทิศทางราคากับการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ , การวางจุดตัดขาดทุนกับความผันผวน ฯลฯ (เรื่องแบบนี้มันจะค่อย ๆ คิดออกมาเองโดยอัตโนมัติตอนเราเข้าไปอยู่ในตลาด ก็เหมือนกับเวลาพวกท่านนั่งดูบอลแล้ววิเคราะห์ว่าใครจะชนะนั่นแหละครับ) รวมถึงกราฟที่ใช้ในการกำหนดจุดซื้อขาย และเปลี่ยนมันเป็น Logic สุดท้ายก็นำไปทดสอบดูว่า ตรรกะเหล่าที่คิดนั้นมันสามารถทำให้สมการ Expectancy > 1 ได้หรือไม่ (ในตอนนี้ผมเพิ่งรู้ว่า สมการในหัวผมมีชื่อว่า Expectancy) และมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรครับ เพียงเวลาไม่กี่เดือนผมก็ค้นหา Logic ที่มั่นใจว่า “สามารถทำกำไรในตลาดหุ้นระยะยาวได้” ผมจึงเริ่มต้นและประกาศตัวเข้ามาเป็น 1 ใน “นักเก็งกำไร” ในตลาดหุ้นอย่างเป็นทางการ

Spoil
ในส่วนนี้ใครที่เล่นหุ้นอยู่จะรู้ว่าผมไม่ได้โกหกจริง ๆ ว่าการหาวิธีเก็งกำไรในตลาดหุ้นให้กำไรในระยะยาวมันง่ายพอสมควร เพราะแค่พวกท่านเคารพหลักการสำคัญอย่าง การตามโน้ม , ผิดทาง Cut loss ถูกทางถือต่อ และอื่น ๆ อีกนิดหน่อยก็สามารถอยู่รอดและมีกำไรในตลาดได้แล้ว แต่ใครจะได้กำไรมาก/น้อยก็ขึ้นอยู่กับความสามารถและความพยายามในการหา Data หรือหา Indicator ต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพ  


ในที่สุดผมก็เจอ … ผมเจอเหตุผลที่ตามหามาตลอดชีวิต


อันที่จริงผมเคยมีปมในใจกับตลาดหุ้น และยอมรับว่าเหตุผลหลัก ๆ ที่ไม่กล้าเล่นเป็นเพราะว่า คนที่ผมเคารพและมั่นใจว่าเขาเก่ง กลับล้มเหลวมาตลอดเกือบ 20 ปี มันจึงเกิดเป็นคำถามคาใจว่าทำไมคนที่เรามองประสบความสำเร็จในหน้าที่การเงินที่หาเงินมาให้เราใช้อย่างไม่ขัดสน เขากลับไม่ประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น จนผมได้พบเจอมันกับตัวเอง ทุกคนคงสงสัยใช่ไหม ? ในเมื่อย่อหน้าที่แล้ว ผมพึ่งบอกกับพวกท่านไปว่า เจอสูตรที่ทำให้มั่นใจว่าจะเอาชนะในตลาดหุ้นได้ แต่แล้วผมก็เจอกับปัญหาใหญ่ที่สุดในการเล่นหุ้น นั่นคือ “จิตใจ”

สิ่งที่ผมจะบรรยายต่อจากนี้ ถ้าพวกท่านไม่เล่นหุ้นชาตินี้จะไม่มีวันเข้าใจมันเลย

“ปัญหาใหญ่ที่สุดของการเก็งกำไรคือจิตใจตัวเอง” แม้พวกท่านจะมีตรรกะซื้อขายที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าสุดท้ายท่านไม่สามารถทำตามเครื่องมือนั้นได้ มันก็ “ไร้ค่า” ทุกคนงงไหม ? กับไอแค่ส่งคำสั่งซื้อขายเมื่อเกิดสัญญาณมันจะยากตรงไหน และนี้แหละคือเหตุผลที่ผมบอกกับทุกคนว่า ถ้าพวกท่านไม่มาเทรดพวกท่านไม่รู้หรอก ว่าในการตัดสินใจซื้อ-ขายจริงแต่ละครั้งมันยากลำบากแค่ไหน เพราะบางครั้ง “ตรรกะที่ดีที่สุดมันเป็นตรรกะที่ฝืนจิตใจมากที่สุด” ลองคิดดูนะครับ ว่าถ้าตลาดหุ้นกำลังทำ New High และสัญญาณซื้อเกิดขึ้น พวกท่านจะกล้าซื้อตามกันจริงหรือ ? เห้ย เดียวนะ! มันขึ้นมาแล้ว 5% เลยนะ ซื้อตามตอนนี้แล้วพลาดอาจขึ้นไปอยู่บนดอยได้เลย ,หรือจังหวะตัดขาดทุนที่บางทีเราเห็นตลาดหุ้นไหลลงแรง แต่ประเทศเพื่อนบ้านยังบวกกันอยู่ ก็จะเริ่มคิดขึ้นมาว่า จะต้องตัดขาดทุนจริง ๆ หรือ ซึ่งความรู้สึกมันคงคล้ายกับ การที่ทีมฟุตบอลที่เรารักกำลังเจอกับทีมคู่แข่ง และทุกโพลต่างชี้ชัดให้เล่นฝั่งตรงข้าม แล้วเราจะตัดสินใจแบบนั้นลงจริงหรือ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันเกิดขึ้นแทบทุก ๆ ครั้งที่ตัดสินใจซื้อขาย โดยจิตใจพวกท่านจะสร้างข้ออ้างทางอารมณ์ทั้งความโลภ ความกลัวมาเป็นอุปสรรคทำให้ไม่อยากทำตาม Signal นั้น และนี้แหละคืออุปสรรคสำคัญที่สุดของนักเล่นหุ้น

จุดเปลี่ยนสุดท้ายในชีวิต


“อีกแล้ว อีกแล้ว อีกแล้ว … เราผิดพลาดเพราะไม่ยอมทำตามสัญญาณอีกแล้ว” นี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดการลงทุนในช่วง 2 ปีแรกของผม ปัญหา 90% ล้วนแล้วแต่มาจากการที่พยายามทำนอกเหนือสัญญาณซื้อขาย โดยทุกครั้งก็รู้สึกว่าตัวเองมีเหตุผล(ข้ออ้าง)ที่จะไม่ทำตามมัน เช่น ขึ้นสูงไปแล้ว ลงแรงไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่ในทุกครั้งก็พยายามบอกกับตัวเองว่า เราต้องทำตามโมเดลที่สร้างขึ้นมา แต่สุดท้ายผมก็พลาดเพราะบางจังหวะมันบีบหัวใจ จนปล่อยให้อารมณ์เอาชนะเหตุผล จนมันถึงจุดที่ทนไม่ไหว จุดที่ความมั่นใจที่มีมันหมดลง และนั้นคือจุดที่ทำให้ผมยอมรับกับตัวเอง “เราไม่มีทางประสบความสำเร็จ ด้วยการตัดสินใจของตัวเองแน่ ๆ” ผมยอมแพ้แล้วครับ ผมยอมทลายความมั่นใจตัวเองทั้งหมด และเลือกหาตัวช่วย ตัวช่วยที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากเรื่องของอารมณ์ และผมก็รู้ดีว่าสิ่งนั้น คือ “หุ่นยนต์เทรด”

Spoil
สำหรับมือใหม่หรือใครที่เคยได้ยินมาว่า หุ่นยนต์เทรด คือเครื่องมือวิเศษที่ทำให้เราได้กำไรอย่างแน่นอน ผมบอกเลยว่า "พวกท่านเข้าใจผิดมหันต์" เพราะ แท้จริงแล้วหุ่นยนต์เทรด ประโยชน์หลักของมัน คือการช่วยในเรื่องความสะดวกในการคีย์คำสั่งที่รวดเร็วและไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง มันจึงสามารถซื้อขายตาม Logic ได้ทุกประการ แต่สุดท้าย พวกท่านจะได้กำไรหรือขาดทุนก็ขึ้นอยู่กับ Logic ที่ใส่เข้าไป ดังนั้น คนที่ใช้หุ่นยนต์แล้วประสบความสำเร็จก็หนีไม่พ้นการที่ต้องเข้ามาอยู่ในตลาดเพื่อหา Logic ดี ๆ ใส่ไปในหุ่นยนต์อยู่ดี แล้วใครที่คาดหวังกับของแจกฟรี ผมแนะนำให้เลิกคาดหวังไปได้เลยนะครับ เพราะถ้าเป็นพวกท่าน ถ้าเจอสูตรที่ดี ๆ จะเอามาแจกคนอื่นจริง ๆ หรือ ?  




เมื่อชีวิตมันต้องเลือก …

จากที่เคยปล่อยวางกับการรวยทางลัด และหันมาตั้งใจเอาดีทางด้านการงาน จู่ ๆ ทางเลือกเก่าที่เคยทิ้งไปกลับส่องสว่างขึ้นมา ดังนั้น ผมจึงต้องเลือก “ผมเลือกต่อปริญญาโททางด้านสถิติและโปรแกรมมิ่ง” โดยยอมวางความรู้ทางด้านการวิเคราะห์เศรษฐกิจของตัวเอง แล้วหยิบเรื่องตัวเลขและโค้ดดิ้งต่าง ๆ ขึ้นมาแทนที่ โดยระหว่างที่เรียน ป โท อยู่นั้นผมค่อนข้างโชคดีที่ได้เจอเพื่อนร่วมคณะที่มีแนวคิดคล้ายกัน จึงช่วยกันคิดช่วยกันทำ จนในที่สุดก็ผมสามารถสร้างหุ่นเทรดสำเร็จ ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมากว่า 5 ปีแล้วครับ ที่ผมเดินอยู่บนเส้นทางนี้ ปัจจุบันผมเป็นนักพัฒนา Algo Trade ที่ใช้ในตลาด TFEX (ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย) และเป็น 1 ในผู้โชคดีที่ได้รับผลกระทบในทางบวกจากสถานการณ์โควิด (ทำกำไรในช่วงหุ้นขาลง) และกล้าพูดได้ว่า “ผมเจอหนทางของตัวเองแล้ว” แม้เมื่อเราจะไปพูดเรื่องนี้กับใคร พวกเขาต่างก็แสดงความหวังดีด้วยการไม่เห็นด้วยกับเราทั้งสิ้น เพราะส่วนใหญ่มองว่า สิ่งที่กำลังพยายามอยู่นั้นมันไม่ต่างอะไรกับการพนันที่เอาเงินไปแทงขึ้นแทงลงเหมือนกับ Hi-Lo ซึ่งผมเองก็ไม่เคยหลอกตัวเองนะครับ และยอมรับว่าเป็น 1 ในนักพนันในตลาดหุ้น แต่ผมเปลี่ยนมัน เปลี่ยนจากการพนันที่หวังรวยแบบฉาบฉวยโดยหวังพึ่งดวง ให้กลายเป็นการเล่นอย่างมีแบบแผน รู้จักแพ้บ้างชนะบ้าง และพยายามทำให้ในระยะยาวเงินมันงอกเงยขึ้นมา

อย่าพึ่งเข้าใจผิดนะครับ … ที่ออกมาโพสทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้มีเจตนาโอ้อวดแต่อย่างใด แต่ในช่วงที่พอมีว่างอยู่นี้ จึงมีโอกาสเล่น Internet มากขึ้น และกำลังเห็นบางคนที่ทุกข์ใจกับสถานการณ์ปัจจุบัน (และคนที่ว่าง) กำลังเลือกทางเดินผิด นอกจากนี้ ผมรู้สึก “เสียดาย” คนบางคนที่มีพรสวรรค์ทางคณิตศาสตร์ ทาง Logic แต่กลับหลงอยู่กับในเกมส์ที่ไม่มีวันชนะ อย่างการพยายามคิดสูตรบาคาร่าที่เจ้ามือสามารถเสกผลลัพธ์ให้เป็นแบบไหนก็ได้ ซึ่งจากคนที่เคยอยู่ในจุดนั้นมาก่อน ผมเข้าใจนะ ทุกคนต่างก็แค่อยากหาหนทางหาเงิน และในใจลึก ๆ ผมเชื่อว่าคนพวกนี้รู้ รู้ว่าตัวเองเสียเปรียบ รู้ว่าสูตรลับมันใช้ไม่ได้ผล แต่ที่ต้องทำอยู่ เพราะเขาไม่รู้ว่าในโลกนี้ยังมีเกมการเงินอื่น ๆ ที่สามารถใช้ความสามารถของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงอยากบอกเด็กรุ่นใหม่ว่า ในยุคนี้กำลังอยู่ในยุคการเปลี่ยนของตลาดหุ้น ที่เทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ ๆ จะเข้ามามีบทบาทและเอาชนะประสบการณ์ของคนรุ่นเก่า มันจึงทำให้เราไม่เสียเปรียบอีกต่อไป

สุดท้ายใครที่กำลังสนใจที่จะเริ่มเล่น หุ้น , TFEX , Forex “อย่าลังเลเลยครับ” ผมรู้ว่าทุกคนกลัวเจ๊ง กลัวขาดทุน แต่นั้นคือ เงื่อนไขจำเป็นที่ต้องเกิดกับพวกท่านวันใดวันหนึ่งอยู่แล้ว เพราะผมเชื่อว่ายังไงในอนาคตพวกท่านก็ต้องลงทุน ดังนั้นเจ็บมันตั้งแต่วันนี้ ตั้งแต่เงินน้อย ๆ และเปลี่ยนมันให้เป็นประสบการณ์ ตั้งใจเรียนรู้เพื่อแก้ไขและเอาคืนตอนพร้อมในเรื่องเงินกว่านี้ หวังว่ากระทู้นี้คงช่วยให้ใครหลายคนเข้าใจถึงมุมมองความรู้ในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น และผมขออวยพรให้ทุกคนประสบความสำเร็จและขอให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด

สำหรับใครที่สนใจหรือกำลังเล่น TFEX อยู่ พวกท่านสามารถติดต่อและร่วมพูดคุยกับพวกเราได้ทาง

Spoil
Facebook : https://www.facebook.com/tfexforfuture

Line Sqaue : TFEX For Future

https://line.me/ti/g2/btLW138AZRRYIUeuCe-5GQ

หรือปรึกษาเรื่อง TFEX ส่วนตัวได้ที่ Line : @tfexff

"พวกเราตั้งใจสร้าง TFEX Society ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เพื่อใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลและต่อรองผลประโยชน์กับ Broker"  



[/imgl][/img]  
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกบอร์ด >> ชีวิตที่เริ่มจาก 0 กับความสำเร็จจาก “การพนัน”
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel