บทความนี้ผมแปลมาจาก บทความที่ Melissa Reddy นักข่าววงในของหงส์ เขียนลงใน Independent นะครับ
https://www.independent.co.uk/sport/football/transfers/liverpool-transfer-news-mbappe-sancho-havertz-summer-melissa-reddy-a9314306.html
Kylian Mbappe, Jadon Sancho, Kai Havertz? มามองแผนซื้อขายสำหรับตลาด Summer ของ Liverpool ในเชิงลึกกันครับ
เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ในระหว่างที่คู่ปรับทั้งหลาย พยายามเซ็นนักเตะกันอย่างวุ่นวาย เพื่อให้ซื้อขายนักเตะได้ทันก่อน deadline 3 คนสำคัญของ Liverpool ได้อยู่อย่างปลีกวิเวกจากสถานการณ์วุ่นวายเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง และพูดคุยกันถึงแผนการซื้อขายนักเตะในช่วง Summer ระหว่างการรับประทานอาหารมื้อเย็นกัน
บทสนทนาระหว่าง Klopp, Michael Edwards, และประธาน FSG อย่าง Mike Gordon นั้นได้ยึดอยู่บนหลักการที่มั่นคง นั่นคือ "อย่าละทิ้งจากหลักการ ที่ทำให้สโมสรมาถึงจุดนี้ได้"
ด้วยเจตจำนงของ Klopp, น้ำพักน้ำแรงทีมงานซื้อขาย และการสนับสนุนจาก FSG ได้ทำให้ Anfield นั้น กลายเป็นจุดหมายของนักเตะหลายๆคน ไม่ใช่แค่ว่าดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดนั้นตกเป็นข่าวกับ Liverpool แต่ยังเป็นทีมที่ถูกพูดถึงอยู่เสมอๆด้วย
และแน่นอน มันทำให้เกิดความคาดหวังขึ้นมาด้วย (ในการได้นักเตะสตาร์ทั้งหลาย) ซึ่งส่วนใหญ่นั้นก็ค่อนข้างที่เกินจริงไปหน่อย
เพราะงั้นมาเข้าประเด็นกันเลยดีกว่า Liverpool นั้น สนใจในตัว Kylian Mbappe, Jadon Sancho และ Kai Havertz อยู่หรือเปล่า? แน่นอนว่า สนใจสิ มันคงตลกแย่เลย ถ้าจะไม่สนใจดาวรุ่งเหล่านี้
ผู้เขียนบทความนี้ ได้รายงานถึงความสนใจของ Liverpool ต่อ Mbappe นั้น ตั้งแต่ตอน กุมภาพันธ์ 2016 ตั้งแต่เขายังไม่ได้เซ็นสัญญาอาชีพกับ Monaco เลยด้วยซ้ำ และเอกสารการ scout นั้นได้ถูกร่างขึ้นตั้งแต่ 16 เดือน ก่อนหน้านั้นด้วย
Liverpool นั้นตั้งใจจะดึง Sancho มาจาก Man City ในปี 2017 ด้วย ถ้าหากในตอนนั้น Man City ยอมทำธุรกิจด้วยน่ะนะ และ Havertz นั้น ก็เป็นผู้เล่นที่ Klopp และ Edwards ช่วยกันสรรหาขึ้นมา จากการไล่ติ๊กช่องคุณสมบัติที่ทั้งคู่นั้นตามหา จนมาลงเอยที่เขานี่ล่ะ
Klopp และทีมงานแมวมองเองนั้นชื่นชอบในฝีเท้าของ Son Heung Min และ Marcus Rashford ด้วย แต่ก็เป็นได้แค่เพียงความสนใจเล็กๆ เพราะทั้งสองคนนั้น สโมสรต้นทางไม่มีทางยอมปล่อยให้ Liverpool แน่ๆ
ความสมเหตุสมผลและค่าตัว คือปัจจัยใหญ่ๆเลย ในการตัดสินใจว่าจะซื้อตัวผู้เล่นคนนึงหรือไม่ แล้ว Liverpool ล่ะ มีตังพอหรือเปล่า ที่จะไปล่าดาวรุ่งฝีเท้าดีเหล่านั้น?
คำตอบคือ มีสิ เพราะตั้งแต่ Klopp เข้ามาคุมในปี 2015 ยอดการใช้เงินในตลาดซื้อขายนั้น เป็น +74.5 ล้านปอนด์ (ขายได้มากกว่าซื้อ) โดยยังไม่รวมถึง รายได้อื่นๆจากผลงานในสนาม (ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด UCL รอบลึกๆ เป็นต้น) และไหนจะรายได้จากสินค้าของสโมสรอีกมากมายอีก
ถึงแม้สโมสรจะมีเงินไว้พร้อมสำหรับการซื้อขาย แต่สโมสรนั้นรู้ตัวดีว่า มาถึงในจุดจุดนี้ได้โดยการไม่ใช้จ่ายเกินตัว และคงหลักการนั้นไว้เช่นเดิม
การซื้อขาย จะขึ้นอยู่กับเพียงว่าทีมนั้นจำเป็นจะต้องนำเข้าในตำแหน่งนั้นจริงๆ คือจะต้องมีอิทธิพลกับทีมมากๆ ทำให้ทีมดีขึ้นอย่างมหาศาล แทนที่จะไปรุมแย่งผู้เล่นระดับ High-profile กับทีมอื่นๆ
เช่นกรณีของ Havertz ที่ถูกตั้งราคาไว้ ราวๆ 80++ ล้านปอนด์ ราคานั้นเป็นราวๆ 2 เท่าของราคาตลาดที่ Liverpool ได้ประเมินค่าตัวเขาไว้ เพราะฉะนั้น Liverpool จึงไม่มีแผนที่จะเริ่มคว้าตัวเขาอย่างจริงๆจังๆเลย Liverpool ชื่นชอบในตัวเขาและอยากได้เขานะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดจำเป็นต้องซื้อเขาให้ได้ และที่แน่ๆคือไม่ใช่ในราคาระดับนั้น
Sancho และ Mbappe ก็อยู่ในข่ายเดียวกัน ถึงแม้ว่าราคาที่ Livepool ประเมินไว้จะสูงกว่า Havertz ก็ตาม และค่าตัวมหาศาล มันก็พ่วงค่าเหนื่อยสุดล่ำซำมาด้วย ซึ่งจะมีผลกระทบทางอ้อมกับผู้เล่นอื่นๆในทีมอีกด้วย
นอกจากว่า Liverpool จะต้องเสีย 1 ใน 3 ประสานแดนหน้าไป ซึ่ง Liverpool คาดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นใน Summer นี้ เพราะทั้ง Sadio Mane, Mohamed Salah หรือ Roberto Firmino ไม่มีใครแสดงความต้องการในการจะย้ายออกเลย จึงไม่มีที่ในแนวรุกที่จะซื้อตัวรุกสุดเฟี๊ยวฟ๊าว อย่างที่แฟนบอลหลายๆคนหวัง
อีกประเด็นหนึ่งกับผู้เล่น 3 คนนี้ ที่ตกเป็นข่าวกับ Liverpool คือ ขนาดโค้ชคีบอร์ดก็ยังแนะนำได้ ว่าให้เซ็น 3 คนนี้ซะ
คุณไม่จำเป็นต้องเป็น Sporting Director ขั้นเทพ ก็สามารถสรุปได้ ว่า Sancho, Mbappe และ Havertz นั้น เป็นเป้าหมายที่น่าพิจารณา และอย่างที่เราๆเห็นกัน ว่า Edwards และทีมของเขา ประกอบกับหน่วยงานข้อมูลที่นำด้วย Ian Graham ไม่ค่อยจะจิ้มไปที่เป้าหมายที่ชัดๆที่ปรากฎตามหน้าสื่อหรอก
พวกเขาเคยถูกตั้งแง่มาแล้ว กับการสนับสนุนดีล ราคา 29 ล้านปอนด์ในการนำเข้า Firmino, การคว้าตัวแบบไม่มีคนแย่งซื้อ ผู้เล่นที่ล้มเหลวกับเชลซี อย่าง Salah, การไปซื้อ "ใครวะ" อย่าง Andy Robertson มาแก้ปัญหาเรื้อรังในตำแหน่งแบ็คซ้าย, การไปเซ็นปีกดาดๆในลีคมาในราคาที่ไม่เบา อย่าง Mane, และไหนจะ Wijnaldum และ Chamberlain ที่ทุกคนมองว่าซื้อมาทำไม จนถึงการรีบไปซื้อ Minamino มาล่าสุด ก่อนที่ตลาดจะรู้เรื่องค่าฉีกสัญญา
การซื้อที่ค่อนข้างตรงตามข่าว ของ Edwards นั้น มี 2 ดีล คือ Van Dijk และ Alisson ซึ่งเป็นตัวผู้เล่นที่สโมสร "จำเป็น" ที่จะต้องซื้อมาให้ได้ โดยสโมสรได้ใช้วิธีทุ่มสุดตัว เพื่อให้ได้ตัวผู้เล่นมาเลย
Liverpool คิดว่า โดยมองจากสภาพทีมตอนนี้แล้ว ไม่มีตัวเลือกในตลาด Summer ที่จะเข้าข่ายแบบ Van Dijk และ Alisson เลย
ในตอนนี้ เป้าหมายของสโมสรคือ การต่อสัญญา ทั้ง Van Dijk และ Alisson ในระยะยาว โดยทั้งคู่ก็อยากต่อสัญญาเช่นกัน ส่วน Joe Gomez, Trent Alexander-Arnold, Andy Robertson เพิ่งจะต่อสัญญาไปในช่วง 13 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งการจะต่อสัญญา รั้งและตอบแทนขุนพลที่ผลงานเยี่ยมเหล่านี้ไว้ ก็ไม่ใช่ใช้เงินน้อยๆแน่นอน
มีเสียงเรียกร้องที่มีเหตุ มีผล ให้เสริมแบ็คซ้ายมา Stand by และ Liverpool ก็มองหาจริงๆ ในเมื่อ Summer ที่แล้ว โดย Raphael Guerreiro ของ Dortmund นั้น เป็นเป้าหมาย ซึ่งจะราคาราวๆ 17 ล้านปอนด์ และค่าเหนื่อยราวๆ 60k ต่อสัปดาห์
สโมสรรู้สึกว่า มันจะเป็นการใช้เงินโดยที่ไม่จำเป็น เพราะ Robertson จะไม่ได้ลงตัวจริง ก็แค่เมื่อมีอาการบาดเจ็บ หรือโดนแบน หรือพักตัว โดยที่มี James Milner กับ Gomez คอยทดแทนได้อยู่แล้ว พร้อมกับกำลังเฝ้าดูการพัฒนาของ Yasser Larouci อยู่ด้วย
เช่นเดียวกับอีกฝั่ง ที่ไม่อยากจะนำเข้าแบ็คขวา ที่จะต้องควักเงินราวๆ 30 ล้านปอนด์ โดยที่มี Neco Williams กำลังเริ่มเฉิดฉาย Klopp รู้สึกว่าการเพิ่มความหลากหลายในช่วงอายุให้กับทีมนั้นดีกว่ามีไม้แก่(ผู้เล่นอายุมาก)เป็นส่วนมากไว้ในทีม
Liverpool ประเมินว่า นโยบายที่ไม่ใช้เงินอย่างสิ้นเปลือง จะทำให้ทีมนั้นยืดหยุ่นเพียงพอ ที่จะตอบสนอง เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องนำเข้า game-changer (ตัวเปลี่ยนสถานการณ์ในทีม หรือดีลใหญ่ๆ)
เมื่อมองย้อนไปถึง มหากาพ Coutinho ในช่วงปี 2017 ซึ่งทุกอย่างมันเริ่มจาก PSG ที่ไปฉีกสัญญา Neymar ด้วยค่าตัวมหาศาล ซึ่งเป็นตัวจุดประกายให้ Barcelona เริ่มเดินดีลนี้
Coutinho รายงานตัวที่ Melwood อย่างแฮปปี้ ในช่วง pre-season และเตรียมตัวพร้อมกับ season ใหม่ แต่ทุกอย่างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังทีนในทันที เมื่อ 21 กรกฎาคม ที่ Liverpool ได้ปัดข้อเสนอของ Barcelona ที่ขอซื้อตัว Coutinho เข้ามา
จนก่อนที่ Coutinho จะมีท่าทีเปลี่ยนไป Klopp ได้พูดคุยกับ Coutinho ในเย็นวันเดียวกันกับที่ข้อเสนอนั้นถูกปัดตกไป โดยไม่มีท่าทีใดๆจาก playmaker ชาวบราซิล ว่าจะอยากออกจาก Anfield ท่าทีของ Coutinho ที่งอแงอยากย้ายขึ้นมานั้น มันขัดกับ character ปกติของเจ้าตัว และบีบให้ Liverpool นั้นต้องปรับเปลี่ยนแผนซื้อขายในช่วงที่ใกล้กับการเปิด season มากๆ
แม้ว่า Liverpool จะรับมือได้ดีกับสถานการณ์นั้น โดยรีดค่าตัวมาได้โดยการันตี 130 ล้านปอนด์ และชะลอการย้ายตัวให้เป็นในตลาดหน้าหนาว และนำเงินไปลงทุนกับดีล Van Dijk และ Alisson ในตอนนี้ Liverpool มั่นใจว่า ทีมนั้นมีความยืดหยุ่นสูงขึ้นมาก ในการรับมือกับสถานการณ์ทำนองเดิม หากเกิดขึ้นในตลาดรอบที่จะถึงนี้
โดยจุดนี้จะเพิ่ม ความแข็งแกร่งให้กับสโมสร ในแง่ที่ จะมีเงินในคลังที่พร้อมจ่าย ยกระดับฝีเท้าของผู้เล่นที่สโมสรสามารถดึงดูดได้ และจะสามารถทำให้สโมสรสามารถรอได้ ที่จะไม่ซื้อคนอื่นในตลาดซื้อขาย หากจำเป็นที่จะต้องรอเป้าหมายที่ถูกสเป็คจริงๆ
Liverpool ไม่จำเป็นต้อง panic buy (แตกตื่น เพื่อไปซื้อตัวแทนที่ย้ายออก) แม้จะมีเหตุการณ์แบบตอน Coutinho เกิดขึ้นอีกจริงๆ ในตอนนี้ Liverpool คาดไว้ว่าจะเสีย Lallana และ Clyne ไป และผู้เล่นที่ต้องการเวลาลงสนามอีกบางคน ใน Summer ที่จะถึงนี้
ดังนั้น Liverpool น่าจะเตรียมตัวกับ ตลาด Summer ที่น่าจะเงียบเหงา นอกจากจะมีปัญหาใหญ่หลวงบางอย่าง เช่น อาการบาดเจ็บของผู้เล่นหลัก หรือ ผู้เล่นหลักบีบขอย้ายออก ซึ่งเป็นเรื่องที่ Liverpool จะต้องพร้อมแก้
ในเมื่อ Liverpool ไม่จำเป็นต้องมีการผ่าตัดใหญ่ ยกเครื่องใหม่อะไร มันคงแปลกน่าดูที่ Liverpool จะตกเป็นข่าวกับการที่จะยื่นซื้อผู้เล่นในราคาระดับ 80 ล้านปอนด์ หรือมากกว่านั้น
ใครล่ะ ที่จะมาแทนที่ 11 ตัวจริงของ Liverpool ในราคานั้น? 1 ในเรื่องถนัดของการซื้อขายสโมสรคือ การประเมินเป้าหมายอย่างละเอียดยิบ
เป้าหมายนั้นจะทนเป็นเดือนๆ เพื่อจะต้องปรับตัวให้ตรงกับความต้องการของ Klopp ได้มั้ย โดยที่ต้องปรับทั้งเรื่องในสนาม และนอกสนาม ลองดู Robertson หรือ Fabinho ที่ย้ายมาด้วยราคา 43.7 ล้านปอนด์ แต่ต้องรอราว 18 วีค กว่าจะได้เริ่มลงสนาม
Liverpool ตอนนี้ เลี่ยงที่จะต้องสร้างทีมใหม่ และมีเป้าหมายที่จะให้ทีมนั้น โตไปด้วยกัน แก่ไปด้วยกัน ในแบบเดียวกับ Bayern Munich ที่มี Robben และ Ribery ที่อยู่วิ่งกันยันแก่
แต่ถึงอย่างนั้น การผลัดใบผู้เล่น ก็ได้มีการเตรียมไว้แล้ว ทั้งการซื้อ Harvey Elliot เข้ามา และการมองหาผู้เล่นที่หน่วยก้านดี มีศักยภาพสูงในตลาด ที่อยากจะพัฒนาฝีเท้าตนเอง
ผู้เล่นเหล่านี้จะเข้าข่ายเดียวกับ Mane และ Firmino ที่เก่ง ในวันที่ย้ายมา แต่สามารถเติบโตขึ้นได้ จนเป็นสตาร์ได้ ด้วยการฟูมฟักดูแลของ Klopp
ในช่วง 2 เดือนถัดไป Liverpool จะตัดสินใจเรื่องดาวรุ่ง และผู้เล่นที่ถูกปล่อยยืม Curtis Jones พร้อมหรือยังสำหรับการขึ้นชุดใหญ่อย่างเต็มตัว หรือเขาควรออกไปหาประสบการณ์ยืมตัว เพื่อหาเวลาลงสนามมากกว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับ Harry Wilson, Rhian Brewster? การตัดสินใจเหล่านี้ จะทำให้แผนของตลาดซื้อขายของ Liverpool นั้นชัดเจนขึ้น
และเพื่อเป็นการย้ำว่า ความยืดหยุ่นในตลาดเป็นเรื่องที่จำเป็น ในปี 2017 Liverpool นั้นได้เล็งเป้าหมายหลักในแดนหน้าไว้เป็น Julian Brandt
แต่ในเบื้องหลัง ทีมงานแมวมองได้เก็บสถิติ ศึกษารายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับ Salah และไม่กี่เดือนถัดมา เขาก็ได้กลายเป็นเป้าหมายหลักแทน Brandt
Brandt นั้นกังวลเกี่ยวกับเรื่องการปรับตัว หากมาเล่นใน Premier League และกังวลว่าจะได้ลงตัวจริงเสมอๆหรือไม่ แต่ Edwards นั้นมองว่า Salah นั้นสามารถเป็นตัวอันตรายได้ดีกว่า และทำให้การถ่ายบอล เชื่อมเกมของแนวรุก Liverpool จะทำได้ดีกว่า
Klopp นั้นเห็นด้วยอย่างยิ่ง และ Liverpool ก็ได้ปรับเปลี่ยนเป้าหมายทันที ในตอนนี้มันมีบางชื่อที่เป็นมติในการซื้อขายของสโมสรอยู่ก็จริง แต่ในอีก 2 เดือน อาจจะเปลี่ยนคนก็เป็นได้ หรือในทางกลับกันก็เป็นไปได้เช่นกัน
แต่ Liverpool นั้น จะหนักแน่น และยึดอยู่กับหลักการเดิม ที่ทำให้หงส์แดงกลับมาบินสูงดังเดิมอย่างแน่นอน
ปล. เนื่องจากมียูสหนึ่งกล่าวหาผม ว่าไปคัดลอกจากเพจ Legend7 มาแล้วเอามาเปลี่ยนคำ เหมือนเดิมซะ 90% รบกวนทุกท่านช่วยเทียบบทความที่ผมแปล กับ link ด้านล่างด้วยครับ ว่าผมคัดลอกมาเปลี่ยนคำจริงหรือไม่
https://www.facebook.com/Legend7Seven/posts/2884159771675540?__tn__=K-R