คนผิวดำส่วนมากในแอฟริกา
จะย้ายมาตั้งถิ่นฐานแถบเร้ดบริดจ์
อันเป็นดินแดนหนึ่งในสหราชอาณาจักร
สถานที่นี้เป็นถิ่นที่รีซ เจมส์ ลืมตาขึ้น
การเกิดมาในครอบครัวนักฟุตบอล
ส่งผลดีกับเด็กชายรีซเป็นอย่างมาก
เมื่อคุณพ่อไนเจลรับอาสาเป็นโค้ชให้เขา
ตั้งแต่เจ้าตัวอายุได้เพียง 4 ขวบ
"ผมพยายามซ้อมกับลูกผมมาหลายปี
ผมแสดงออกถึงความสำคัญของพวกเขาเสมอ
มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้เล่นเด็กๆ"
สังเกตคำว่า'พวกเขา'กันไหม
ไม่ใช่แค่รีซ เจมส์ เท่านั้นที่อยู่ในจุดนี้ได้
เพราะพี่ชายอย่างโจชัวก็เคยเล่นกับเรดดิ้ง
ขณะที่พี่สาวอย่างลอว์เรนก็อยู่ในโอลด์แทร็ฟฟอร์ด
ไนเจลปลาบปลื้มกับความสำเร็จของลูกๆ
ในฐานะที่เขาเคยเป็นแข้งลูตันทาวน์มาก่อน
ซึ่งปัจจุบันกำลังไปได้ดีกับอาชีพโค้ช
และแมวมองนักเตะเยาวชน
เหมือนกับนักฟุตบอลหลายคน
สถานที่ยอดฮิตที่แรกของเด็กวัยกะเตาะ
"สนามหญ้าหลังบ้าน"
มันกลายเป็นจุดเติมเต็มในชีวิตเขา
การได้มองดูพีชายลงสนามไปเตะบอลกับเพื่อน
เชื้อเพลิงถูกจุดให้เขาลุกขึ้นมาจากคอมฟอร์ดโซน
ถึงอย่างนั้น เด็กชายรีซก็ขี้อายมาก
เขามักจะแอบสอดส่องทักษะเท่ๆยากๆ
แล้วนำมาฝึกซ้อมคนเดียวหลังบ้าน
ในยามที่มั่นใจว่าจะไม่มีใครเห็นด้วยนะ
ผ่านไป 2 ปี เขาอายุได้ 6 ขวบ
เจมส์เริ่มเดินตามฝันเล็กๆของตัวเอง
เขาเริ่มด้วยการลงเล่นกับสโมสรท้องถิ่นแถวนั้น
'คูวพาร์ค เรนเจอร์ส'
และนั่นเองเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
ฝีเท้าของเด็กผิวสีบ้านๆนิสัยขี้อายคนหนึ่ง
ไปเตะตาแมวมองของ'สิงโตน้ำเงินคราม'เข้า
จนถูกดึงมาร่วมศูนย์ฝึกอคาเดมี่แห่งใหม่
อันเป็นแหล่งรวมของเหล่า'แก๊งค์เด็กนรก'
'เมสัน เมาท์'
'เทรโวห์ ชาโลบาห์'
'เจค็อป แม็ดด็อกซ์'
นี่คือเพื่อนร่วมรุ่นของเขา
เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
รีซในวัย 13 ปี ประสบปัญหาน้ำหนักเกินเกณฑ์
ทำให้เขาไม่สามารถลงเล่นได้ครบ 90 นาที
เมื่อทำไม่ได้ดั่งที่หวังไว้
เขาเกิดความสงสัยในความสามารถของตนเอง
ยิ่งมองดูเพื่อนและรุ่นพี่ที่กำลังจะได้สัญญาอาชีพ
เปรียบตัวเองที่เป็นได้แค่เด็กอ้วนๆคนหนึ่ง
รีซตัดสินใจติดต่อโค้ชฟิตเนส
เขาลงซ้อมพิเศษในช่วงเช้าของวันอาทิตย์
เพื่อรีดน้ำหนักให้มากและเร็วที่สุด
ในวัยหนุ่มกลัดมัน
สิ่งเดียวที่เขาสนใจหาใช่หญิงสาวไม่
แต่เป็นอนาคตในโลกลูกหนังต่างหาก
สุดท้ายมันสัมฤทธิ์ผล
เขากลับมาเกิดใหม่ ในฐานะ'มิดฟิลด์ตัวรับ'
ผู้หยุดเกมรุกสุดสะแด่วของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ในนัดชิงชนะเลิศ ศึกเอฟเอ ยูธคัพ ปี 2017
พา'แก๊งค์เด็กนรก'จม'เรือเล็ก'ไป 6-2
เชลซีจึงตัดสินใจมอบรางวัลให้กับเขา
ในปี 2018 สัญญาอาชีพของเขาจึงเกิดขึ้น
เขาถือเป็นหนึ่งในแบบอย่างวัยรุ่นที่ดี
เจมส์ชอบใช้ชีวิตกับครอบครัวและคนสนิท
เขาจึงไม่ชอบเปิดเผยตัวกับสื่อมากนัก
ในวันพักผ่อนหลังการทำงาน
เขาชอบไปว่ายน้ำเพื่อออกกำลังกาย
และหาหนังดีๆดูสักเรื่องก็เกินพอแล้ว
นั่นแหละเป็นเหตุผลหลักเลยครับ
เจมส์คว้านักเตะยอดเยี่ยมประจำซีซั่น
หลังถูกยืมตัวไปอยู่กับวีแกน แอตเลติก เมื่อปีก่อน
แถมยังติด 11 ผู้เล่นของเดอะแชมเปี้ยนชิพอีกด้วย
"ผมไม่มีอะไรจะพูดถึงรีซ เจมส์
เขาได้'แมนออฟเดอะแมตช์'เกือบทุกวีค
นักเตะยอดเยี่ยมเกือบทุกเดือนของเรา
ผมไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ เขาเจ๋งมาก"
พอล คุกส์ ผู้จัดทีมวีแกนกล่าว
เมื่อเจมส์กลับมาที่ค็อปแฮม
มีหรือเชลซีจะปล่อยให้สมบัติชิ้นนี้หลุดมือ
แลมพาร์ดปฏิเสธทุกข้อเสนอเพื่อรั้งตัวเขาไว้
ในฐานะตัวแทนเบอร์หนึ่งของกัปตันอัซปิลิกวยต้า
เขาเป็นคนมีเป้าหมายอยู่เสมอ
ในฐานะดาวรุ่งน่าจับตามอง มีมูลค่าที่ 7 ล้านยูโร
ในอนาคต เขาอยากมีบ้านพักรีสอร์ทสักหลัง
แต่เหนือสิ่งอื่นใดในโลก
เขาอยากเป็นเหมือนฮีโร่ในวัยเด็กของเขา
"ผมมองไปยังดร็อกบา,เทอร์รี่และแลมพาร์ด
พวกเขาคือผู้นำตัวจริง ตอนผมยังเล็กๆอ่ะนะ
ผมเชียร์เชลซีตั้งแต่เด็กและยังรักเสมอมา"
มันน่าปลาบปลื้มขนาดไหน
เมื่อฮีโร่ในวันนั้นคือ คนให้โอกาสตัวเขาในวันนี้
เจมส์ซาบซึ้งในบุญคุณของแฟร้งค์ แลมพาร์ด
ผู้มอบโอกาสและพัฒนาเด็กๆจากอคาเดมี่
"ผมเล่นให้สโมสรแห่งนี้ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ"
"ผมเคยเล่นต่อหน้าแฟนบอลไม่กี่คน
แต่นี่มันไม่ใช่...ครั้งนี้มันเต็มสนามแสตมฟอร์ด บริดจ์
บางทีแล้ว นี่อาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตผม"
"มันคือฝันที่เป็นจริงของผม"