ขณะที่แข้งดาวรุ่งอย่าง'เม้าท์'และ'แทมมี่'
อยู่ในช่วงพักผ่อนหลังกรำศึกหนักแต่ละสัปดาห์
แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหญ่คนปัจจุบันของเชลซี
กลับมีนัดยามค่ำคืนกับทีมสตาฟฟ์ของเขา
"เราดื่มกันไปหลายแก้วแด่นีล บาธ"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แลมพ์ออกมายกย่อง'บาธ'
กับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ในศูนย์ฝึกอคาเดมี่
ซึ่งบาธทำหน้าที่ได้อย่างไร้ที่ติ
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ภายใต้การกุมบังเหียนของยอดกุนซือทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็น'โจเซ่ มูรินโญ่'หรือ'เมาริซิโอ้ ซาร์รี่'
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ยุคของอดีตยอดมิดฟิลด์คนนี้
แจ้งเกิดแเหล่าแข้งเยาวชนได้มากกว่าหลายเท่า
ซึ่ง'แลมพ์'เองก็ตระหนักดี
เขารู้ซึ้งในความสามารถของ'บาธ'
อย่างที่เยอร์เก้น คล็อปป์ เคยกล่าวไว้
ไม่มีทีมไหนรับมือเรื่องการถูกแบนตลาดซื้อขาย
ได้ดีเท่ากับ'เดอะบลูส์'อีกแล้ว
ถามว่าเครดิตทั้งหมดให้ใครดีล่ะ?
แลมพ์ยกให้บาธและทีมงานของบาธ
แม้ถูกลงโทษในตลาดอย่างรุนแรง
เชลซีสามารถขายแข้งส่วนเกินไปถึง 25 ราย
และมีปล่อยยืมอีกราว 28 ราย
มากกว่าครึ่งหนึ่งของนักเตะปล่อยยืม
ถูกคาดการณ์ว่าจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้สโมสร
ทั้งโมราต้า,บากาโยโก้ หรือโมเสส ฯลฯ
สตาฟฟ์ในห้องแต่งตัวทีมชุดใหญ่
มีอิทธิพลอย่างมากในการตัดสินใจคัดกรองดาวรุ่ง
แม้ว่าแลมพ์จะชอบทักทายเด็กอยู่เป็นทุนเดิมก็เถอะ
โจ เอ็ดเวิร์ด ทำมาแล้วเกือบทุกตำแหน่ง
ภายในอาคารศูนย์ฝึกอคาเดมี่ของเชลซี
ขณะที่เอ็ดดี้ นิวตัน เคยรับภารกิจใหญ่
ในการเก็บข้อมูลของเด็กปล่อยยืม
ส่วนคนที่เราไม่สามารถมองข้ามได้
คือผู้เป็นหัวหน้าผู้ช่วยผู้จัดการทีม
หรือ'มือขวาของแลมพ์' อย่างจอร์ดี้ มอร์ริส
เขาจบการศึกษาจากอคาเดมี่ของสโมสร
กลายเป็นนักเตะเชลซีตามความฝัน
ทั้งยังประสบความสำเร็จกับการคุมทีม U18
นี่แหละคือเหตุผลที่เด็กๆผูกพันกับตัวมอร์ริส
แลมพ์ยอมรับว่าไม่ใช่เขาเพียงคนเดียว
แต่เป็นสตาฟฟ์ทุกคนที่คัดกรองและผลักดัน
ในฐานะโค้ชของทีมจากลอนดอนตะวันตกเฉียงใต้
สถิติในฤดูกาล 2019-2020 นี้
จากนักเตะทั้งหมด 22 คนที่ได้รับโอกาส
แบ่งเป็นลูกหม้อสโมสรถึง 7 คนเลยทีเดียว
ยังไม่รวม'ลอฟตัส ชีค'ที่บาดเจ็บ
และสองดาวรุ่งที่ยังรอโอกาสอยู่อย่าง
'มาร์ค เกฮี'และ'เอียน แมทเซ่น'นะครับ
ย้อนกลับมาที่'บาธ'กันต่อ
เราจะมาย้อนประวัติของเขากันคร่าวๆ
เขาเข้าร่วมสโมสรเมื่อปี 1992
ในฐานะคุณครูพาร์ทไทม์ที่อคาเดมี่
ก่อนจะถูกเลื่อนขั้นในอีก 10 ปีต่อมา
ให้กลายเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์ฝึก
ผลงานหลายสิบปีที่ผ่านมา
พิสูจน์ฝีมือของเขาได้เป็นอย่างดี
เช่น แชมป์เอฟเอ ยูธคัพ เมื่อปีก่อน
"โค้ชจะไม่ประสบความสำเร็จหรอกครับ
หากเราขาดนักเตะที่มีพรสวรรค์และฝีเท้า
นั่นแหละเหตุผลว่าที่ต้องคัดเลือกเด็กๆ
ทั้ง'จิม เฟรเซอร์'กับ'ดาร์เรน เกรซ' ฯลฯ
พวกเขาควรได้รับเครดิตเหล่านั้น"
"ส่วนสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ
การฝึกสอนเด็กๆอย่างถูกวิธีและมีทีมโค้ชที่ดี"
บาธ ผู้อำนวยการอคาเดมี่กล่าว
ส่วนคนที่ท่านผู้อำนวยการกล่าวถึง
จิม เฟรเซอร์ ทีมงานของผอ.อคาเดมี่
เขาคนนี้แหละคือ คนที่กวาดสายตาไปรอบๆ
ทั้งในประเทศอังกฤษ และต่างประเทศ
ในขณะที่คู่หูอย่าง ดาร์เรน เกรซ
จะเป็นคนตัดสินใจฝีเท้าของเด็กเหล่านั้น
ว่ามีความสามารถพอจะได้ไปต่อหรือไม่
การปล่อยยืมก็ส่งผลได้ไม่แพ้กัน
เชลซีเลือกใช้งานอดีตนักเตะของทีมทั้งสิ้น
ทุกคนล้วนคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
คาร์โล คูดิชินี่ อดีตนายทวารจอมหนึบ
เปาโล เฟร์เรร่า ฟูลแบ็คยุคทองของทีม
และทอเร่ อังเดร โฟล กองหน้าจากเมืองโฟล
พวกเขายังทำหน้าที่เชื่อมสัมพันธไมตรี
กับสโมสรต่างๆ รวมถึงดูแลภาพลักษณ์ด้วย
ทีมที่ใช้บริการ'สิงห์สำอาง'บ่อยที่สุด
คงหนีไม่พ้น วิเทสส์ อาร์เนม จากฮอลแลนด์
มาร์ค ฟาน ฮินทัม ผอ.เทคนิคของทีมดัตช์
เผยถึงนักเตะที่มีศักยภาพสูงสุดที่เขาเคยยืมตัว
"เมสัน เมาท์ เขาแกร่งไปหมดทุกด้าน
เขาทำได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะจิตใจที่โคตรสุดยอด
ผมนึกจุดอ่อนเขาไม่ออกเลย...ให้ตายเถอะ!"
"ความสมบูรณ์แบบทำให้เขาแตกต่าง
ต่อให้ไม่มีการแบนตลาดซื้อขายของเชลซี
เขาก็ได้ขึ้นชุดใหญ่อยู่ดีนั่นแหละ"
"เขาเหมือนโยฮัน ครัฟฟ์"
เมสัน เมาท์ ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม
เขายิงไป 4 ประตู 1 แอสซิสต์
จากการลงสนามเพียงแค่ 11 นัด
"เขายอดมากๆ ผมเรียนรู้จากเขาทุกวัน
ผมอยากสมบูรณ์แบบทั้งเกมรุกและเกมรับ
สำหรับผม ไม่มีใครดีกว่าเขาแล้ว"
เขายกความดีความชอบให้แลมพาร์ด
ในฐานะหัวเรือใหญ่ของเชลซี
ต้องยอมรับว่าแลมพาร์ดทำได้ดีเกินคาด
เขากลายคนหนุ่มที่น่าจับตามองที่สุด
ในวงการผู้จัดการทีมของโลกลูกหนัง
เคนนี่ คันนิ่งแฮม อดีตดาวดังจากไอร์แลนด์
ให้สัมภาษณ์กับช่องออฟ เดอะ บอล
ถึงความสามารถของแลมพาร์ดไว้ว่า
"เขาคือผู้จัดการทีมอังกฤษไม่กี่คน
ที่เก่งมากพอจะบริหารสโมสรยักษ์ใหญ่ของโลก
เขาทำเชลซีเข้าใกล้'ลิเวอร์พูล'กับ'แมนฯ ซิตี้'"
"เขากำลังกลายเป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่
เขาสามารถอยู่ยาวที่นี่ได้เลย ผมคิดแบบนั้นจริงนะ
เพราะแฟร้งค์มีเหล่าเด็กๆที่เก่งที่สุดในประเทศ
เชลซีมีแต่จะดีขึ้นไปเรื่อยๆนั่นแหละ"