เมื่อก่อนแยกชัดเจน ป๋า ทำเกี่ยวกับฟุตบอลอย่างเดียว เดวิด กิล ทำเกี่ยวกับธุรกิจอย่างเดียว
แยกกันชัดเจนไม่ใช่ยุคนี้ที่ เอ็ดซึ่งไม่ใช่คนเก่งด้านฟุตบอลแต่มีพาวเว่อร์ทั้งแนวทางธุรกิจและแนวทางฟุตบอลเลย

กิล+ป๋านั่นละ = DOF

2คนนี้ทำงานร่วมกันตลอด คนที่โดนปาดๆเพราะป๋าไม่ได้เดินหน้าจะเอาเต็มที่นั่นละ เจอเอเย่นเรียกเพิ่มนิดหน่อยป๋าก็ไม่เอาแล้ว ป๋าเราอินดี้

แต่พอกิลออก เกลเซอร์ให้เอ็ดมาทำต่อ แต่ยังมีป๋ามาคอยกั๊กอยู่มันเลยยังไม่มีผลอะไรมาก ป๋ายังเป็นคนตัดสินใจในเกือบทุกๆดีลเหมือนเดิม

แต่พอป๋าออก ปีแรกแต่งตั้งมอยส์การซื้อขายก็ยังดูเหมือนเอ็ดยังเกรงใจป๋ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายมาก

พอลุงกัลมาเหมือนการซื้อขายเริ่มเปลี่ยนแปลงนโยบาย แต่ยังตามใจลุงกัลอยู่ไม่ล้วงลูกมาก อยากขายใครก็ขายให้ แต่เริ่มซื้อตัวแพงๆทำสถิติ

เลยมายุคมู นี่ละที่มีการเปลี่ยนแปลงที่จริงจัง นโยบายซื้อนักเตะทำสถิติโลกทำการตลาดและลงมาล้วงลูกการขายนักเตะอย่างจริงจังมากขึ้น เน้นการตลาดและรายได้มากขึ้น ปัญหาก็ล่วงเลยมาจนปัจจุบัน

ต้องย้อนความไปยุค2000

Peter Canyon เป็น​ Chairman
David​ Gill เป็น​ CEO(DoF)​
Sir Alex Ferguson เป็น​ First team​ manager
คาลอส​ กีย์รอส(เคยรอส)​ เป็น​ Asst.First team​ mgr
เรเน่ มูเลนสตีล เป็น​ coach

ทั้ง5คนนี้เป็นหัวใจในการทำทีมแมนยูในยุคนั้น​ โดยป๋าเฟอร์กี้เป็นคนวางแนวทางการทำทีมทั้งหมด​ สไตล์การเล่​น​ ระบบการทำทีมและการคัดเลือกนักเตะ​ ป๋าเฟอร์กี้จะตัดสินใจโดยได้รับคำแนะนำจาก4คนที่กล่าวมาในข้างต้น​ ซึ่งป๋ามีสิทธิ์​ขาดที่จะเลือกหรือไม่เลือกก้อได้ตามที่ใจต้องการ

หน้าที่การบริหารจัดการดูแลนักเตะ​ การวางกรอบนโยบายและการสร้างทีมงานของสโมสรรวมทั้งการเฟ้นหานักเตะและโค้ชเป็นของแคนยอน​และกิลล์

การฝึกสอน​ การพัฒนาผู้เล่นและการมองหานักเตะดาวรุ่งยุโรปทั้งในโปรตุเกสและฮอลแลนด์​ ได้กีย์รอสและเรเน่มาเป็นผู้ดูแลซึ่งเป็นแนวหน้าของวงการโค้ชทั้งสิ้น

ทั้ง5คนทำงานภายใต้จุดมุ่งหมายเดียวกันคือผลักดันให้ยูไนเต็ด​เป็นสุดยอดสโมสรฟุตบอลของโลก แมนยูเลยยิ่งใหญ่มากในยุคนั้นเพราะทีมงานนี้คือระดับโลกที่แท้จริง

มันไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนแมนยูไม่มีDoF แต่คนที่เป็นทีมงานเก่าๆนั้นปัจจุบันไม่มีเหลืออีกแล้ว​ มีแต่ทีมงานใหม่ที่ตระกูลเกรเซอร์​จ้างมาดูแลผลประโยชน์​เชิงธุรกิจ​ ไม่ใช่ผลประโยชน์​เชิงลูกหนัง

ตามที่เม้นนึงบอกไว้ สมัยนู้นทีมในอังกฤษไม่มีใครใช้ DOF ทั้งนั้นแหละ เขาถึงเรียกว่าผู้จัดการทีม ไม่ใช่เฮดโค้ช เป็นเอกลักษณ์ของลีคอังกฤษเขา

และผู้จัดการทีมลีคนี้สมัยก่อนยี้ DOF กันมากๆด้วย ดูอย่างเวงเกอร์หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมให้สโมสรมี DOF ยุคท้ายๆก่อนเปลี่ยนผ่านอย่างราฟา มู ก็เกลียดระบบนี้

จริงๆยุคนั้นระบบแมนฯยูมีแต่คนชมด้วยซ้ำ เพราะสมัยนั้นการที่ผู้บริหารไปกำหนดแนวทางอะไรที่กระทบเรื่องในสนาม = ล้วงลูกผู้จัดการ จะโดนเกลียดขี้หน้าทันที ซึ่งแมนฯยูตามหน้าสื่อคือผู้บริหารบทบาทน้อยมาก มีแต่คนอิจฉา

แต่ก็นะ เวลาเปลี่ยนทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนตาม 10 ปีก่อนแมนฯยูมีโครงสร้างยังไงทุกวันนี้ก็ยังเหมือนเดิม กลายเป็นตามโลกไม่ทัน

รอบเบน กับ โรนัลดินโญ่

เพราะ เคนยอน ครับ มันเป็นคนเดินเรื่องไว้

ตอนนั้น กิลล์ ยังไม่ขึ้น CEO

กระทั่ง เคนยอน ไปเชลซีนั่นแหละ

กิลล์ ถึงขึ้นมา

ก็ผมบอกตอนท้ายไงว่า เคนย่อน อะเก่งจริง เกือบได้ดิญโญ่ด้วย อาจพิมตกหล่นว่าเกือบได้ตอนอยู่แมนยู


รอบเบน นี้ก็เพราะ เคนย่อนเล็งไว้ตั้งแต่อยู่แมนยู พอไปอยู่เชลซีกิลก็เลยโดนปาดไป

สมัยนั้นไม่มี DOF หรอกมีแต่ Manager กับ CEO

เพิ่งจะมี DOF ตามพวกเยอรมันก็ช่วงหลังๆนี่แหละ และก็มี Head Coach มาทำหน้าที่แค่คุมทีม ถ้ามีอำนาจหน่อยก็สั่งให้ DOF หานักเตะตามที่เขาต้องการได้

Manager คนสุดท้ายลีก EPL ยุคปัจจุบันก็น่าจะเป็น เวนเกอร์ นี่แหละ ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จในตัวคนเดียว

ครับผมเห็น แต่สองบรรทัดก่อนสุดท้าย

ถ้าคนไม่ทราบ จะเข้าใจว่า กิลล์ ทำดีลล่มไป

ซึ่งผมเลยแย้งว่า ไม่ใช่ ที่ดีลล่มเพราะ เคนยอน ต่างหาก

อยู่ที่ผลงานด้วยครับ ถ้าโอเล่ผลงานดี ทุกคนจะลืม DOF ไปเลย

ผู้เล่นFailก็เยอะออกแค่ราคามันไม่สูงเหมือนยุคนี้คนก็เลยไม่จำ

เซอร์คุมทุกอย่างไง