เบอร์บาตอฟ: เส้นทางชีวิตสู่ United [Part 1]
เบอร์บาตอฟ: เส้นทางชีวิตสู่ United [Part 1]
แปลจากบทสัมภาษณ์ของเบอร์บาตอฟ จาก ManUtd.com ใครรักใครคิดถึงเบอร์บาตอฟ มาอ่านชีวิตของเขากว่าจะมาเป็นนักเตะแมนยูฯว่าต้องผ่านอะไรมาบ้างกันครับ
"เมื่อตอนที่ผมอยู่บนเครื่องบินมาแมนเชสเตอร์ ผมใส่เสื้อสีแดงรอไว้เลยล่ะ และแน่นอนหัวใจของผมก็เป็นสีแดงแล้วด้วยเหมือนกัน"
"แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องดีที่มีข้อเสนอเข้ามาจากหลายๆทีม เป็นเรื่องดีที่คุณเป็นที่ต้องการ เพราะมันแปลว่าคุณเล่นได้ดี แต่ผมจินตนาการณ์ภาพว่ากำลังเล่นกับกิ๊กส์ สโคลส์ และคนอื่นๆที่ยูไนเต็ดไปเรียบร้อยแล้ว"
"สำหรับผม ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสำคัญมากนะ ประวัติศาสตร์ของทีมทำให้เราได้มองย้อนกลับไป และการให้ความเคารพแก่ประวัติศาสตร์ มันคือการชี้ทางให้อนาคต และยูไนเต็ดยังมีตำนานนักเตะมากมายอีกด้วย ดังนั้น หลังจากที่เอเยนต์บอกผมว่ายูไนเต็ดอยากได้ตัวผม คำตอบมันก็เลยมีเพียงช๊อยเดียวเลยล่ะ"
"ตอนเราไปถึงสนามบินแมนเชสเตอร์ ผมกำลังเดินและคุยกับเอเยนต์ เมื่อผมหันหน้าไปมองอีกที ผมเห็นท่านเซอร์อเล็กฯกำลังรอผมอยู่"
"ผมคิดว่าผมกำลังจะหัวใจวาย"
"นี่มันบ้าอะไรวะเนี่ย" (เบิร์บพูดว่า WTF)
"ผมเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาจากประเทศเล็กๆ แต่ผู้จัดการทีมแมนฯยูไนเต็ด-หลังจากที่ได้แชมป์แชมเปียนลีกส์ไม่กี่สัปดาห์-เขามารอเจอผมเป็นการส่วนตัวที่สนามบิน เขาอยากได้ตัวผม"
"ตอนคุณเป็นเด็ก คุณไม่สามารถฝันถึงวินาทีนั้นได้หรอก โดยเฉพาะเมื่อคุณเติบโตมาในบัลแกเรียซึ่งตอนนั้นยังเป็นคอมมิวนิสอยู่เลยนะ"
"เหมือนเด็กๆทั่วไป ผมตื่นหกโมงเช้าเพื่อไปต่อคิวซื้อขนมปังกับครอบครัว เว้นแต่ว่าครอบครัวคุณจะทำเหมือนเล่นเกมอะไรบางอย่าง ซึ่งคุณจะไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
"ฟังนะ ตอนแรกพ่อของคุณไปต่อแถวรอ หลังจากนั้นชั่วโมงนึงแม่ของคุณไปต่อคิวแทนพ่อ หลังจากนั้นก็ลูกชายคนโต ผม และทุกๆคนในบ้าน เราทุกคนต้องสลับกันไปต่อคิวซึ่งแถวมันยาวหลายกิโลเมตร เพื่อแค่รอซื้อขนมปัง เมื่อคุณไปยืนต่อคิวคุณต้องรออย่างโดดเดี่ยวคนเดียว และถ้าถึงคิวแล้วคุณไม่อยู่รักษาสิทธิไว้ วันนั้นคุณก็จะไม่ได้กินอะไรเลย"
"แม้ว่าตอนที่ผมโตขึ้นมาหน่อยแล้ว และย้ายไปอยู่เมืองใหญ่-เมืองโซเฟีย เพื่อฝึกซ้อม มันก็ยังไม่ง่าย คุณต้องพักอยู่กับเด็กผู้ชายคนอื่นอีกสี่คนในห้องเดียวกัน และผู้ปกครองก็จะเอาอาหารมาส่ง"
"ทุกคนเอาของกินของตัวเองวางไว้กลางโต๊ะและกินร่วมกัน มาดูซิว่าวันนี้เรามีอะไรกินกันบ้าง เราต้องดัดแปลงอาหารต่างๆ ซึ่งบางอย่างก็แทบจะกินไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ เพื่อให้เป็นอาหารที่กินได้ มันทำให้เราทุกคนรักและสามัคคีกัน ทีมของเราชนะถ้วยเยาวชนเพราะเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบนี้แหละ"
"เมื่อคุณคิดย้อนกลับไปมองเรื่องพวกนี้ตอนที่คุณโตแล้ว ใช่เลย มันเป็นเวลาที่ยากลำบาก แต่มันก็ทำให้คุณยิ้ม และดีใจว่าเมื่อก่อนเคยเป็นยังไง แล้วชีวิตคุณตอนนี้เป็นยังไง เรื่องพวกนี้เป็นบทเรียนสำคัญในชีวิตผม ซึ่งผมพยายามสอนลูกสาวเสมอ ‘ลูกไม่ต้องต่อแถวซื้อขนมปัง หรือทำอาหารจากเศษอาหาร’ มันจำเป็นนะสำหรับให้เด็กๆได้เรียนรู้นะ"
"คุณรู้มั้ย มีนักฟุตบอลที่มีพรสวรรค์มากมายในบัลแกเรีย หลายๆคนเก่งกว่าผมด้วยซ้ำ พ่อผมก็เป็นนักฟุตบอลเช่นกัน วันนึงตอนที่เราเดินเล่นด้วยกัน เขาหยุด เรียกผม แล้วชี้ไปที่คนๆนึง"
‘ดิมิตาร์ เห็นผู้ชายคนนั้นมั้ย’
"ชายคนนั้นเป็นคนเร่ร่อน หรืออาจจะไม่แย่ขนาดนั้น แต่คุณกำลังมองเห็นคนที่ต้องสู้ชีวิตมาอย่างหนัก"
"พ่อผมพูดต่อว่า ‘รู้มั้ย คนๆนี้เคยเป็นนักฟุตบอล มีพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อ เขาแข็งแกร่ง เขาทำลายกองหลังได้ แต่รู้มั้ย เกิดอะไรขึ้นกับเขา เขาคิดว่าเขาเก่ง เขาดัง เขาเริ่มกินเหล้า เล่นพนัน คั่วหญิง คบคนไม่ดี แล้วดูสิ ชีวิตเขาตอนนี้เป็นยังไง เขาเคยเป็นคนที่เก่งมากๆในสายตาพ่อนะ แล้วดูสิ ตอนนี้เขาไม่เหลืออะไรเลย’"....
to be continue part 2 (ถ้ามีคนรออ่านผมจะแปลต่อไปนะครับ)
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1683205
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านครับ
-------------------------------------------------------------
ใครเป็นแฟนคลับเฮียเบิร์บ ไปอ่านมู้เก่ารอพลางๆก่อนนะครับ
Berbatov: "เมื่อซิตี้สนใจผม ผมตอบกลับไปว่า..."
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1679963