นักเตะท้ายซอย
Status: งานก็ต้องทำ BNK ก็ต้องตาม
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 Oct 2013
ตอบ: 999
ที่อยู่: Highbury
โพสเมื่อ: Fri Jun 15, 2018 03:51
เจอผีครั้งแรกในโรงแรมครับ ยาวหน่อยนะครับ
ลองแต่งดู มีเรื่องจริงนิดๆ ใครยังไม่นอน ติชมได้นะครับ
#ประสบการณ์เจอผีครั้งแรก ครับ
เรื่องนี้ 4 ปีแล้วนะครับ อาจจะลืมๆรายละเอียดไปเยอะ แต่ว่าเรื่องความหลอนนี่ยังจำไม่เคยลืมเลือน เลยต้องเขียนคอยเตือนตัวเองเอาไว้ครับ
4 ปีก่อนผมทำงานอีเวนท์งานนึงสั้นๆ contact 3 เดือน งานใหญ่มาก ต้องไปต่างจังหวัดประจำ เพราะจัดพร้อมกันทั้งประเทศ เหนื่อยแต่สนุกมากเพราะหัวหน้าพากินพาเที่ยวตลอด
ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่ากลัวผีครับ ทั้งที่ไปนอนแต่โรงแรมจิ้งหรีด เก็บส่วนต่างไว้เที่ยว ส่วนนึงเพราะว่ากว่าจะเลิกงาน กว่าจะไปเที่ยวกันเสร็จคือเหนื่อย + เมา กลับโรงแรมกันทุกรอบ คือถ้าผีจะหลอก มึงก็ต้องปลุกกูก่อนอ่ะ แล้วก็มีกัน 3-4 คนในห้องเป็นงี้ทุกรอบครับ คืองานหนักเที่ยวหนักมาก มันไม่เคยมีเวลาคิดเลย
บางโรงแรมนี่มารู้ทีหลังว่าเฮี้ยนมากๆ เคยมีครั้งนึงจะเสิร์ชชื่อหาเบอร์ เพราะหาโรงแรมไม่เจอ กลายเป็นว่าเจอกระทู้รีวิวสุกี้น้ำเป็นแถว แต่ก็ไม่เคยเจอกับตัวเองจริงๆนะครับ
กระทั่งวันนึง เจ้านายมาบอกผมว่ารอบนี้เอ็งต้องบินเดี่ยวแล้วนะ คนไม่พอ ผมก็โอเค มันจะไปยากอะไรวะ เค้าก็เตือนเราว่าจองที่พักให้เรียบร้อยนะ เพราะที่ที่เราจะไปมันไม่ใช่ตัวอำเภอเมือง ผมหยิบตั๋วมาดูรถออกจากหมอชิตสี่ทุ่ม ถึงแปดโมง โอ้ย ชิวสิวะ เบิกค่าที่พักเต็ม แต่นอนบนรถ ถึง8โมง ลุยงานต่อเลย
ตัดภาพมาที่ปลายทางที่ผมจะลง คือเวลา ตีสาม. . .ฟัก!
แล้วมันไม่ได้ปล่อยลงที่ขนส่งในตัวอำเภอด้วยนะ แต่ให้กูลงศาลาพักรถที่ไหนก็ไม่รู้ ไฟหลอดก็กระพริบๆ ยังดีที่สองข้างทางยังเป็นอาคารเป็นบ้านบ้าง ไม่ได้รกร้างไปซะเลย
ก็คือ ผมดูเวลาผิดครับ คือถึง8โมงจริง ตามตั๋ว ถ้าไปลงปลายทาง แต่นี่ผมลงกลางทางครับ เอาไงล่ะ จะโทรหาคนที่ติดต่อไว้ก็เกรงใจ เพราะบอกเค้าไว้แล้วว่าเจอกันสายๆ เลยเปิด Mapมือถือหาโรงแรม เจอที่นึงไม่ไกลมากครับ ประมาณ 800 เมตร โทรหาปรากฏว่าไม่มีคนรับ เลยกะว่าเอาวะลองลากกระเป๋าไปดู ถ้าเช็กอินไม่ได้ อย่างน้อยก็ได้ชาร์จแบตที่ลอบบี้ก็ยังดี
หลังจากวนหาประมาณ 10 นาทีก็เจอครับ เป็นบังกะโลสองชั้น ระหว่างทางหาหมาก็เห่าระงมเลย คือเป็นคนกลัวหมาครับ แต่ตอนนั้นยังไงๆก็ขอไปหาที่นอนแหละ ตอนมาถึงทีแรกก็คิดว่าจะได้นอนมั้ยวะ เพราะโรงแรมปิดไฟหมด เปิดแค่ไฟโคมตรง Reception เอาไว้ พนักงานต้อนรับสาวผมม้า ท่าทางอดนอน แต่ก็ยังยิ้มแย้ม ต้อนรับผมอย่างดี หลังจากรับกุญแจ ผมก็รีบเข้าห้อง อาบน้ำ เตรียมเข้านอนทันที ปรากฏว่า...
นอนไม่หลับว่ะครับ
อาจจะเพราะทะเลาะกับหมามาตลอดทาง ทั้งๆที่ปกติเป็นคนหลับง่ายมาก คือมันเงียบเกินไปครับ ใจก็ฟุ้งซ่านครับ ได้ยินเสียงฝ้าลั่นบ้าง พอลืมตาดูก็เห็นเหมือนฝ้ามันยุบๆเหมือนมีอะไรอยู่ข้างบนบ้าง ก็คิดว่า ไม่ไหวละเลยเปิดทีวีเป็นเพื่อน แล้วก็เล่นมือถือไปเรื่อย กำลังจะเคลิ้มหลับก็ได้ยินเสียงกดชักโครก สารภาพว่าตกใจครับ รีบวิ่งไปดูเลยแล้วก็เห็นจริงๆ เห็นน้ำหมุนติ้วๆ เหมือนเพิ่งมีคนกด แต่เคยได้ยินว่าบางทีถ้าชักโครกที่ต่อท่อทิ้งเชื่อมกันเยอะๆ มีห้องไหนใช้น้ำก็จะเหือดเหมือนกันหมด ก็เลยไม่ได้กลัวอะไรมากครับ
แต่ก่อนจะกลับไปนอนที่เตียงก็เหลือบไปเจอครับ ในโถส้วมมันมีก้อนอะไรดำๆอยู่อุดอยู่ น้ำมันเลยไม่ออกครับ ก็เลยใช้แปรงขัดส้วมเขี่ยดู มันเป็นก้อนเส้นผมยาวๆครับ ยาวประมาณ 10 เซ็นได้ พันๆขดๆอยู่
ผมตัดสกินเฮด แล้วนี่มันผมใคร
กำลังงงกับเส้นผมในส้วม ก็ได้ยินเสียงเคาะกระจกบานเลื่อนระเบียงหลังห้องครับ เคาะครั้งเดียว แต่มั่นใจมากๆว่ามาจากหลังห้องแน่นอน ตอนนั้นเดินออกจากห้องน้ำหยิบมือถือคว้าผ้าห่มมาเลยครับ อยู่คนเดียวไม่ไหวแล้ว จะลงไปอยู่ล็อบบี้ข้างล่าง อย่างน้อยก็มี reception อยู่เป็นเพื่อน
เก็บของอยู่ดีๆ ไม่ได้ใช้เวลานานเลยครับ ทีวีเปลี่ยนช่องเอง
เท่านั้นไม่พอ แม่งเพิ่มเสียงเองด้วย
"รุกฆาต รุกฆาต รุกฆาต !!!!!!! " เพลงโฆษณาละครดังช่วงนั้นแผดมาจากลำโพงแตกๆ
ใจตกไปอยู่ตาตุ่ม นึกด่าคนทำเพลง ห่าเอ้ยย จะตะโกนทำไมวะ
"ไอสัส รู้แล้วเว้ย ไปแล้วๆ" ผมนี่ต้องอุทานออกเสียงเลย เจอครั้งแรกก็จัดหนักเลย ผมหอบผ้าห่ม วิ่งลงบันไดทีละสี่ก้าว ลงมาล็อบบี้ เจอน้องรีเซปชั่นยังยืนอยู่ที่เดิม เธอยิ้มให้เหมือนรู้ ตอนนั้นตี่สี่ สี่สิบห้าแล้ว แต่ล็อบบี้ไม่ว่างเปล่าเหมือนตอนที่ผมมาเช็กอิน ผมมองเห็นแขกจับจองโซฟาอยู่เป็นกลุ่มๆ สองสามโต๊ะในความมืด ผมไม่อยากจะเสวนากับใครก็เลยแยกไปนั่งเงียบๆมุมห้อง ส่วนที่ติดกับกระจกใสหน้าโรงแรม
ผมห่อตัวในผ้าห่มหนา หยิบมือถือมาเล่นฆ่าเวลา บังคับมือตัวเองไม่ให้สั่น แขกคนอื่นๆกระซิบกระซาบคุยกันแผ่วเบา ได้ยินชัดเพราะความก้องแต่จับใจความไม่ได้ น้องรีเซปชั่นยังง่วนทำอะไรอยู่ที่โต๊ะ
ผู้ชายเจ้าเนื้อคนนึงกระโจนลงมาจากบันไดจนพุงกระเพื่อม หน้าตาตื่นตกใจ ใส่แค่เสื้อกล้ามกับบ็อกเซอร์ แล้วก็เปลี่ยนเป็นท่าทีเขินอาย เมื่อเจอคนเยอะแยะในโถงล็อบบี้ เขามองหาที่นั่ง แล้วก็เดินตรงมาที่ผมซึ่งนั่งอยู่คนเดียว ผมเชิญเขานั่งที่นั่งตรงข้ามกับผม เราสองคนหันข้างเข้าหากระจก มองหน้ากันก็รู้เรื่องราวโดยไม่ต้องพูดอะไรซักคำ
น้องรีเซปชั่นมีน้ำใจยกกาแฟมาให้ ผมสังเกตว่าเธอเจาะจงยกมาให้เราสองคนโดยไม่ได้สนใจบริการโต๊ะอื่นๆ ผมกับอีกคนขอบคุณแล้วก็รับมาวางไว้ ผู้ชายเจ้าเนื้อชวนเธอคุย
ผชจน : น้อง..ที่นี่เนี่ย มีใช่มั้ย...
นรซช : มีอะไรคะพี่ (หัวเราะ)
นรซช : โรงแรมก็มีทุกที่ล่ะมั้งคะ
ผม : อ้าวละน้องไม่กลัวเหรอ?
นรซช : ชินแล้วค่ะพี่ จริงๆเหงามากกว่าค่ะ
ผมสังเกตเห็นเธอดูซึมๆ
นรซช : แต่คือ ยังไงงานมันก็ต้องมีคนทำใช่มั้ยคะ
ผม : นี่เขาให้เราอยู่กะดึกคนเดียวอย่างนี้ประจำเลยเหรอ
นรซซ : ใช่ค่ะ ... หนูก็ไม่รู้ว่าทำไมเค้าไม่สลับกันบ้าง
ผชจน : โห นี่ได้เงินเดือนเท่าไหร่เนี่ย มาทำกับพี่ดีกว่าสนใจมั้ย?
น้องรีเซปชั่นไม่ตอบ แต่หัวเราะ แล้วขอตัวกลับไปทำงานต่อ
เราสองคนกลับไปสนใจมือถือกับกาแฟของตัวเอง เสียงพูดคุยซุบซิบยังได้ยินอยู่ ชายอ้วนเงยหน้าจากมือถือมองออกไปนอกโรงแรม จู่ๆก็ผุดลุกวิ่งออกไปลานจอดรถข้างนอก พักนึงผมก็ได้ยินเสียงสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ออกไป
ไม่มีทางได้รู้เลยว่าเขาได้เห็นอะไร
นอกนั้นเหตุการณ์ก็ปกติจนถึงเช้า ผมเผลอหลับไป รู้สึกตัวตอนที่ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอด ผู้ชายคนนึงแต่งตัวเหมือนพนักงานโรงแรมเดินเข้ามาในล็อบบี้ ทำหน้าตกใจ น้องรีเซปชั่นและแขกคนอื่นๆหายไปหมดแล้ว เขาถามว่า ผมนอนตรงนี้ทั้งคืนเลยเหรอ ผมเล่าเรื่องที่ผมเจอเมื่อคืนให้เขาฟัง เขายังถามต่อว่า
แล้วพี่เข้าห้องได้ยังไงครับ ใครเป็นคนเปิดห้องให้ ?
ผมบอกว่าพนักงานต้อนรับกะกลางคืนเปิดให้ ผมจำชื่อน้องไม่ได้ เขาลากผมมาที่เคาเตอร์ reception ชี้ให้ดูรูปถ่ายใบหนึ่ง เป็นรูปรวมของสตาฟโรงแรม ผมมองเห็นน้องหน้าม้าก่อนใครๆ เธออยู่ในชุดเดียวกันกับเมื่อวาน ดูสดใสมีสุขภาพดีกว่า แต่ยังมีรอยยิ้มกว้างเป็นมิตรเหมือนกัน พนักงานหนุ่มชี้ถามว่าคนนี้ใช่มั้ย ก่อนจะเล่าให้ฟังว่า
"น้องชื่อฝน เสียไปเกือบห้าปีแล้วพี่"
น้องฝนเป็นพนักงานใหม่ ขยันขันแข็ง ใครๆเห็นก็เอ็นดู แต่มีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัว แล้ววันนึงเธอก็ช็อกเสียไปตรงที่ที่เธอทำงานอยู่นั่นเอง แต่หลังจากนั้นก็ยังมีคนเห็นเธอมาทำงานทุกวันๆ จนไม่มีใครกล้าทำกะกลางคืนอีก
โดนแล้วกู โดนหนักอีกแล้ว
"อ้าวอย่างนี้ใครจะรู้ล่ะ ถ้าเกิดแขกจะเข้าพักกลางคืนทำยังไง" ผมมานั่งนึกย้อนหลัง ถามไปทำไมวะ ผมไม่คิดจะกลับมาพักอยู่แล้ว 5555
"อ๋อ ต้องโทรเข้ามาอีกเบอร์นึงครับ เป็นเบอร์ติดต่อหลังหกโมง เป็นเบอร์บ้านพักผมเอง อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มาก ผมก็จะขี่มอเตอร์ไซค์มาเปิดห้องให้ครับ ในเว็บไซต์ก็มีบอกนะครับ"
"แล้วเบอร์นี้ล่ะ" ผมยื่นเบอร์โทรศัพท์ที่ได้จากกูเกิ้ลส่งไปให้
"อ๋อ อันนี้ไม่ใช้แล้วครับ เบอร์ลงผิด เขายังไม่แก้ให้ซักที"
"ฟวย" อันนี้ผมคิดเองในใจ ไม่ได้พูดออกไป
#เรื่องผี #เรื่องลี้ลับ #โรงแรม
ปล. เรื่องแต่งจากเค้าโครงเรื่องจริงจ้า ไม่ต้องไปสืบนะว่าโรงแรมอะไร เดี๋ยวเค้าฟ้องผม
แก้ไขล่าสุดโดย ไม่หล่อแต่โสด เมื่อ Fri Jun 15, 2018 03:53, ทั้งหมด 1 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ