สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ “จับมือครั้งแรก” กับวงที่ผมติดตามมาตลอดหนึ่งปี แม้ว่าชีวิตนี้จะโดนน้อง ๆ BNK48 ตกไปแล้วนับได้แล้ว 4 คน แต่วงนี้แหละคือความชอบเป็นที่สุด
รูปวง “Siamese Kittenz” (ไซมิส คิทเท่นส์) เมื่อปี 2558
ขอเล่าเกี่ยวกับที่มาของความชอบ ด้วยความที่วงนี้เป็น “กลุ่มศิลปินหญิงแนวไอดอล” ที่ Debut มาก่อน BNK48 ถึง 2 ปีจนตอนนี้วงนั้นแทบไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แต่สำหรับ “เกิร์ลกรุ๊ป SME” ที่หนึ่งปีออกเพียงหนึ่งเพลง และนาน ๆ จะปรากฏในอีเวนท์ที่เกี่ยวกับการ์ตูน เช่น Thailand Comic Con หรือ TGCC ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะน้อง ๆ เรียนกันคนละที่ ไหนจะกิจกรรมส่วนตัวอีก ทำให้กว่าแมวสยามจะได้เพลงหนึ่งชิ้น รวมถึงท่าเต้นของแต่ละเพลง ต้องใช้เวลาในการทำค่อนข้างนาน..........แค่ไหนก็รอได้ ผมรู้จักวงนี้เพราะความบังเอิญตอนนั่งหาข้อมูลเกี่ยวกับเกิร์ลกรุ๊ปในประเทศไทยใน wikipedia (ซึ่งล่าสุดข้อมูลเหล่านั้นอันตรธานหายไปไหนไม่รู้) ผมก็ปาดชื่อแต่ละวงแล้วเปิดฟังเพลงในยูทูป จนมาถึงวงนี้ซึ่งเจอเพลงนี้เป็นเพลงแรก
เครดิต KelbaMusic
เพียงครั้งเดียว ตั้งแต่นั้นมาก็เปิดเพลงนี้ฟังวนไป จากนั้นก็เริ่มฟังอีกเพลงที่ออกมาใหม่ชื่อ “ความผูกพัน” ซึ่งเป็นเพลงที่ผมชอบมากเป็นการส่วนตัว เพราะ MV เป็นเรื่องเป็นราวดี และก็เริ่มติดตามอ่านเพจของวงซึ่งแต่ละคนจะเวียนกันโพสเรื่องราวของตัวเอง ยาวบ้าง สั้นมากบ้าง แต่ทุกคืนต้องเข้าไปอ่าน จึงทำให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างของน้อง ๆ ทั้งเรื่องการเรียน กิจกรรม และ Lifestyle ของแต่ละคน
ก่อนหน้านั้นไม่นาน เพิ่งสั่งโฟโต้บุ๊คกับโฟโต้เซ็ตของ BNK48 และกำลังจะซื้อซีดีเพื่อเอาบัตรจับมือช่วงมิถุนานี้ แต่พอได้ข่าวว่าน้อง ๆ จะจัดงานจับมือ ก็รู้สึกดีใจมาก เลยตั้งใจว่าต้องไปให้ได้ เพราะนี่คือโอกาสสำคัญที่จะได้คุยอย่างใกล้ชิด เลยไม่อยากให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป แต่ใจหนึ่งก็รู้สึกเกร็งพอสมควรเพราะด้วยความที่เป็นคนเงียบ ๆ ที่ติดตามวงอย่างเงียบ ๆ มาตลอด ตอนไปดูโชว์ที่บางกะปิ (ซึ่งเดินทางไกลมา กอนับไม่ถ้วน) ผมนี่ตัวลีบเลยครับ ก็ได้แต่เนียนผ่านบูธซึ่งจัดแบบง่าย ๆ ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็จะไม่รู้เลยว่านั่นคือบูธของศิลปินที่จะขึ้นโชว์ในงาน สิ่งที่คุ้มค่าเหนื่อยที่สุดคือการได้เห็นน้อง ๆ ตัวจริงซึ่งทุกคนน่ารักสดใส (จริง ๆ วันถัดมาวง sweat16 ก็ขึ้นโชว์ที่เดียวกัน แต่ไม่ได้ไปดูเพราะขึ้นเหนือจ้า
)
รูปงานที่เดอะ มอลล์ บางกะปิ
แต่เพราะยังไม่เคยไปงานของ bnk นี่แหละ นักฉายเดี่ยวอย่างผมก็เลยไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ยิ่งเป็นวงอินดี้ที่มีแฟนพันธุ์แท้ซึ่งตามเชียร์ไปทุกงานจนสนิทกันดีแล้ว ก็เลยตั้งกระทู้ขอคำแนะนำท่านสมาชิกในเว็บบอร์ด ตอนวันจันทร์ตั้งไป แต่หาได้มีผู้ใดตอบไม่ เมื่อวันเสาร์ก็เลยมาตั้งอีกรอบ ซึ่งก็ได้สมาชิกหลายท่านให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ก็ขอบคุณทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ เอาล่ะ เข้าโหมดรีวิวเถอะ
วันอาทิตย์ที่ตื่นแต่เช้า (ปกติยังนอนอืดอยู่เลย) พอจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็ขึ้นรถเมล์ ซึ่งกว่าจะมาก็นานอยู่ พอลงปุ๊ป ดันหลงได้อีก จึงต้องใช้เทคโนโลยีช่วยเลยทีเดียว
ประมาณ 10 โมงนิด ๆ ก็ถึงม.สวนดุสิต ที่ภายในมีการจัดงาน maruya#22
ลุย!!!
เข้าไปข้างในจะมีให้เลือกระหว่าง 60 บาท เข้าได้ชั้นล่าง กับชั้นบน 100 แต่ผมเลือก 140 ไปทั้งสองโซนเลย ชั้นล่างจะเป็นการจำหน่ายผลงาน Handmade อันนี้ขอข้ามไป เดินหาอยู่นานว่าบูธ Siamese Kittenz อยู่ไหน เดินวนสองรอบก็ไม่เจอ จนมารู้จากเจ้าหน้าที่ว่า อยู่ด้านบนค่ะ พอขึ้นมาแล้วก็เดินหาอยู่พักหนึ่ง และก็เดาไม่ผิด ทรงนี้เลย
ใช่แน่ ต้องใช่แน่ ต้องใช่ต้องใช่แน่!!! (ท่อนหนึ่งจากเพลงนี่แหละเพื่อนของยูเอชที)
บนโต๊ะมีสินค้า อาทิ โปสเตอร์ของแต่ละซิงเกิ้ล โปสการ์ด พวงกุญแจ เข็มกลัด สแตนดี้ตั้งโต๊ะ รวมทั้งเสื้อวงหลายเวอร์ชั่น โดยช่วงนั้น “แพตตี้” น้องเล็กของวงมาช่วยขายด้วย
“ของมันต้องมี!!!” คำชวนสั้น ๆ ที่เธอทักมายังผม ช่างติดตรึงและหลอนหูดีเหลือเกิน แต่ด้วยงบที่จำกัดและมีเป้าหมายที่แน่นอน ขอโทษด้วยน้องแพะ
ผมจัดโปสเตอร์สองแผ่น โปสการ์ดสองใบ เข็มกลัดสามอัน รวมหกร้อยบาท ผมนี่โล่งเลยครับ
เพื่อบัตรจับมือซึ่งโปรดิวเซอร์ควบเจ้าของค่ายภูมิใจนำเสนอว่าวาดรูปเอง ปั๊มเอง และนี่คือสิ่งที่ท่านเห็น
รูปของ (เป็นบัตรที่น่าเก็บสะสมเป็นคอเลคชั่นจริง ๆ
)
ในรอบเช้า ประกอบด้วย พิม แพตตี้ และเฟย์ บรรยากาศเป็นไปอย่างอุ่นหนาฝาคั่งตามสไตล์อินดี้เกิร์ลกรุ๊ปไทย โดยมีแฟนประจำที่มากันอยู่สิบกว่าคนคอยสร้างบรรยากาศให้คึกครื้น มีคนมาจับมือเป็นระยะ ๆ ซึ่งคนที่มาจับมือพิมก็จะได้รับคุ้กกี้ฝีมือเธอเองเป็นที่ระลึก (ที่ปรากฏในคลิปโปรโมทงานของเธอนั่นเอง) ช่วงนั้นผมก็เก็บบรรยากาศรอบ ๆ ที่แวดล้อมไปด้วยคนแต่งคอสเพย์ทั้งแนวแฟนตาซี และแนวเหล่าทัพ เดินว่อนเอย ถ่ายภาพเอย แม้ว่าข้างนอกอาคารจะร้อน (แรง) ก็ตาม
ครัวน้องพิม
เครดิต KelbaMusic
ผมลองถามน้องผู้หญิงที่ “ฉายเดี่ยว” มางานนี้ว่าเป็นไงบ้าง เธอก็บอกว่ามาจับแพตตี้ มาให้กำลังใจ และมอบของให้ด้วย ส่วนเวลาการจับมือนั้น การันตีเลยว่าทุกคนได้เกิน 10 วิมานิดหน่อย แต่ก็นั่นแหละ นาน ๆ จะมีคนเดินมาจับ ช่วงที่ว่าง ๆ พวกนางก็จับมือกันเองเล่นกันเองซะ
พอหมดรอบเช้าก็แยกย้าย ผมก็อยากไปข้างนอก แต่มันร้อนมากจริง ๆ ก็เลยเข้าไปนั่งพักผ่อนด้านในงาน ทานขนมที่ติดตัวมา และก็อ่านหนังสือที่เพิ่งซื้อมาฆ่าเวลา
รอบบ่าย ช่วงเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง
เมื่อมีจำนวนคนเพิ่มขึ้นจากเมื่อเช้าอีกนิดหนึ่ง ทำให้บรรยากาศดูคึกคักมากขึ้น โดยแพตตี้แม่เหล็กของวงยังอยู่ โดยมีหลิวกับไหมร่วมด้วย ซึ่งก็มีผู้เข้ามาจับมือพูดคุยเป็นระยะ ๆ ส่วนผมเองก็เตรียมบัตรซึ่งพร้อมที่จะเป็นเศษกระดาษทันทีเมื่อถึงเวลา 15.30 น. เพื่อ...
.........
.........
.........
“ยืนดูเขาจับ”
“ลีลาจัด”
“คิดคำที่จะพูดกับน้อง”
“รอตัดริบบิ้น”
ช่วงใกล้บ่ายสาม ผมตัดสินใจเดินไปหา “กัปตันไหม” พอยื่นปุ๊ปจับได้ก็ทักทาย จำได้ถามประมาณว่า 1 ปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง ได้ที่เรียนรึยัง ไหมตอบว่าได้ที่ศิลปากร รอบแรกเลย (ดีใจด้วย แต่ตอนนั้นไม่ได้พูด กลัวหมดเวลาก่อน) ช่วงสุดท้ายก็ขอบคุณที่ดูแลน้อง ๆ และนำไซมิส คิทเท่นส์มาถึงวันนี้ได้ แล้วก็หมดเวลา
โล่งไปละใบแรก แว่บเดียวก็มาตื่นเต้นหนักมากกับอีกคน ก็เหมือนเดิมล่ะครับ...
โฆษกท่านก็บิวด์ไปเรื่อย ๆ ใน ระหว่างนั้นก็มีพี่ผู้ชายท่านหนึ่งซึ่งได้รับเลือกอย่างเป็นเอกฉันท์ให้เป็น Man of the SMKT Event จากการอุดหนุนสินค้าของวงทุกประเภทจนได้บัตร(กระดาษโน้ต)จับมือซึ่งสามารถจับได้ถึง 11 รอบเลยทีเดียว (ไม่รู้ว่ารวมตอนรอบเช้าด้วยมั้ย และขอบคุณข้อมูลที่ได้จากเพจโอตะสไตล์ฟรีมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)
กลับมาขึ้นฝั่ง ด้วยเวลาที่เหลืออีกเพียง 10 กว่านาทีเท่านั้น ใครต่อใครก็ยังเข้ามาเรื่อย ๆ ช่วงนั้นเอง เดิน เดิน เดิน หลายก้าวอยู่ไปหาคนกลางที่เป็นความตั้งใจที่สุดคือ “ต้นหลิว” ซึ่งมาในลุคใหม่ไว้ผมม้า ชนิดลืมลุคตอนเป็นหลีดเมื่อวันกีฬาสีที่โรงเรียนไม่กี่วันก่อนไปได้เลย
สวัสดีครับ ผมชอบน้องมาก ๆ เลย และก็...Dead Air...ดำน้ำพูดประมาณว่า เห็นตอนเป็นหลีดนี่เป๊ะมาก น่ารักมาก จากนั้นก็อวยพรให้เก็บคะแนนเพื่อให้ได้คณะที่ชอบคณะที่ใช่ และทำความฝันให้เป็นจริงไปถึงดวงจันทร์เลย ซึ่งหลิวถึงกับดีใจมากกับที่ผมพูด (ผมทราบจากการดูคลิปแนะนำตัวเมื่อสองปีก่อน ซึ่งหลิวยัง ม.ต้นอยู่เลย) พอเสียงหมดเวลาแว่วมา ก็ขอบคุณและเดินออกมาชนิดสติยังหลุดลอยอีกหลายวินาที
แต่ในที่สุดกระดาษจับมือทั้งสองใบก็ผ่านไปได้ด้วยดี บอกได้คำเดียว
ช่วงที่จับมือนั้นสัมผัสได้ถึงความนิ่มจนไม่ได้สนใจรอบข้างเลย เพราะพยายามพูดตามที่เตรียมมา ซึ่งก็มีลืมไปบ้าง ด้วยเวลาอันจำกัด แต่ก็ถือว่าทำได้ตามที่วางแผนไว้
5 สาว ณ ปัจจุบัน (ขาดเพียงจุ๊ยที่ยังเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ที่อเมริกา)
น้องแพตตี้
เบื้องหลังการถ่ายทำ
เหตุผลหลักที่ตั้งใจมางานนี้
จนเมื่อกิจกรรมจับมือจบลง ผมเข้าไปในงาน นั่งรับแอร์เย็น ๆ บนเวทีก็แข่งเกมดราก้อนในรอบชิงที่สามและชิงชนะเลิศ บรรยายด้วยภาพ
จนได้เวลาดีสี่โมงครึ่ง น้อง ๆ Siamese Kittenz ขึ้นเวที เริ่มด้วยเพลง “ซึนเดเระ” ผลงานชิ้นแรกเมื่อสามปีที่แล้ว ต่อด้วยการสัมภาษณ์ความยาวครึ่งชั่วโมงได้
เพลงซึนเดเระ
มีผู้ชมมาพอสมควร
มิกซ์ “ญาติมา” โดยทีมงานคุณภาพ
อีกหนึ่งความพิเศษของกิจกรรมจับมือแมวครั้งนี้ คือการเปิดตัวเพลงใหม่ล่าสุดของวงที่แรกในโลก “เตือนฉันที” ผมเห็นครั้งแรกบอกได้เลยว่าเซอร์ไพรส์มากกกก เพราะได้เป็นเพลงประกอบซีรีส์ด้วย ซึ่งก็น่าจะทำให้คนรู้จักวงนี้มากขึ้น โดยเพลงเต็มจะมาในช่วงสิ้นเดือนนี้ เช่นเดียวกับเอ็มวีที่จะมาเมื่อซีรีส์เรื่องดังกล่าวออนแอร์
เครดิต Mello Thailand
อันนี้แคปจากกล้องมา ก็ได้ประมาณนี้
ปกเพลงเตือนฉันที จะเห็นได้ว่ายังมีเฟท (ตัวผมสีขาว อดีตสมาชิก) รวมอยู่ด้วย ซึ่งเธอได้ร้องไว้ก่อนจะออกจากวงไปเพื่อมุ่งกับการเรียน
เสน่ห์เฟย์คนแมน
คลิปเพลงเตือนฉันที เครดิต Raccoon Smile
คลิปบรรยากาศของงาน เครดิต Mj Attack
คลิปเพลงซึนเดเระกับเตือนฉันที เครดิต PropsOps Cosplay Site
คลิปสัมภาษณ์ เครดิต PropsOps Cosplay Site เช่นกัน
หมายเหตุ
1. ภาพทั้งหมดถ่ายจากกล้อง DSLR ซึ่งขนาดไฟล์ใหญ่เกินไปจะลงในนี้ เลยใช้วิธีครอบส่วนที่ไม่จำเป็นออก เพื่อให้สามารถโพสในนี้ได้
2. เนื่องจากไม่เคยเขียนรีวิวมาก่อน เลยขอลงภาพให้เห็นบรรยากาศของกิจกรรม โดยอิงจากการนำเสนอภาพกิจกรรมจับมือของ bnk48 และ sweat16
3. ต้องขอโทษน้องอีกสามคนที่ไม่ได้ไปจับมือด้วย ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ไม่รู้จะพูดอะไร จริง ๆ น้องทั้งห้าคนน่ารักสดใสและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ขอวิเคราะห์ภาพรวมของน้อง ๆ เท่าที่มีข้อมูลในฐานะคนนอก
ไหม การเป็นกัปตันและพี่ใหญ่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ SMKT ยืนระยะมาได้กว่า 4 ปีแล้ว ขณะที่เกิร์ลกรุ๊ปที่เดบิวต์พร้อมกันล้วนหายไปจากสารบบเรียบร้อย
พิม ไม่เพียงสร้างรอยยิ้มแก่แฟนคลับ แต่การทำอาหารน่าจะเป็นสิ่งที่เธอมีความสุขพอ ๆ กับการกิน
เฟย์ สาวมาดนิ่งผู้รักการอ่าน นอกจากโคนันแล้ว ก็คงเป็นตำราเรียนนี่แหละ ในเพจวงชอบบ่นเรื่องคะแนนสอบออกจะบ่อย
แพตตี้ สาวแว่นน้องเล็กผู้รักศิลปะและเคป็อป หลายครั้งที่บ่นว่านกบัตรคอนเสิร์ต แต่ล่าสุดเพิ่งไปดู exo มา คงฟินกันไปหลายวัน
หลิว สาวไซส์เล็กที่ว่ากันว่าเสียงดีที่สุดในวง โดดเด่นทั้งวิชาการและกิจกรรม แต่เสน่ห์อันแท้จริงนี่แหละ ทำให้ฉายาลิงหลิวจึงไม่ได้มาแบบลอย ๆ (ช็อตฮาของเธออยู่ในท้ายคลิปสองเพลงที่โพสนี่แหละ (นาที 13.05)
)
ถ้าให้ประเมินตัวเองสำหรับงานนี้ เต็ม 10 ให้ 8.5 โดยหัก 0.5 ที่ลืมพูดอันหนึ่งที่อยากพูด (เลยตามไปเม้นในเพจวงแทน) ส่วน 1 คะแนนเต็มนั้น มาจากความสะเพร่าของตัวเอง ที่ทำโปสเตอร์ยับ ตอนให้น้อง ๆ เซ็นนี่อนาถมาก โดยเฉพาะรอยตรงหน้าไหม ขอโทษในนี้ก็แล้วกัน ไหมคงไม่ได้อ่านหรอก
โปสเตอร์ซิงเกิ้ลที่แล้ว
ทั้งหมดนี้คือการรีวิวครั้งแรกของผม หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้
และถ้ามีโอกาสได้ไปงานของ BNK มีเวลาจะมาเขียนรีวิวประสบการณ์อีก
สุดท้ายนี้
ขอขอบคุณเว็บไซต์ซ็อคเกอร์ซัคดอตคอมที่เปิดพื้นที่ให้ยูสขาพเนจรอย่างผมได้มาแบ่งปันประสบการณ์ดี ๆ กับศิลปินที่ชื่นชอบ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เมื่อเทียบกับอีกสองวงซึ่งมาทีหลัง และมี “ต้นทุน” ที่ดีในหลายมิติ แต่ทุกนาทีที่อยู่ภายในงาน ตั้งแต่ต้นจนจบงาน ในฐานะนักสังเกตการณ์และแฟนคลับผู้สันโดษ ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันอบอุ่นที่น้อง ๆ ทั้งห้าคนมอบให้แก่แฟนคลับพันธุ์แท้ และผู้ที่มาจับมือทุกคนื (ผู้หญิงก็มีนะ แม้จะแค่ไม่กี่คน) ไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมีเพื่อนมาด้วย
ทุกท่านจะได้รับคำพูดและรอยยิ้มที่สดใสจากน้องแมวสยาม Siamese Kittenz ตอบแทนกลับมาอย่างไม่มีวันลืมเลือน
ผมเองก็เช่นกัน
ขอบคุณทุกท่านสำหรับการรับชมครับ