หุ้นคืออะไร ทำไมหลาย ๆ คนถึงชอบพูดถึง
อยากให้เพื่อน ๆ ลองนึกภาพเวลาเราจะทำธุรกิจอะไรสักอย่าง
เราเคยหุ้นกับเพื่อนไหมครับว่าออกทุนคนละเท่าไหร่ แล้วเป็นเจ้าของร่วมกันกี่เปอร์เซ็น
หุ้นในที่นี้นั้นก็เหมือนกันครับ เปรียบเสมือนว่าถ้าเราไปซื้อหุ้นของบริษัทนั้นก็เหมือน
เราเข้าไปเป็นเจ้าของร่วมด้วย ตามสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นก็ว่ากันไปครับ
สำหรับหุ้นในประเทศไทยนั้น มีการเปิดให้ซื้อขายผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
หรือที่เราเรียกกันว่าตลาดหุ้นครับ ก็มีบริษัทมากมายในประเทศนำบริษัทของตัวเองมาเข้าตลาดเพื่อเปิดให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนบริษัทของตัวเองได้มากมาย
ซึ่งหลาย ๆ คนคงรู้จักกันดี ทั้ง ปตท. เซเว่น Bts AIS ธนาคารต่าง ๆ
และบริษัทอื่น ๆ อีกมากมายให้เลือกลงทุน จะเห็นได้ว่าธุรกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันนั้นก็เปิดโอกาสให้เราเข้าไปเป็นเจ้าของได้เช่นกัน
เช่นถ้าคุณซื้อหุ้น Cpall 100 หุ้น คุณก็จงภูมิใจได้เลยว่า คุณเป็นเจ้าของ เซเว่นนะ
ถึงแม้จะแค่ 100 หุ้นจากหุ้นทั้งหมด เกือบ 9 พันล้านหุ้นก็ตาม ฮ่า ๆ
แล้วเราได้อะไรบ้าง จากการเข้าไปลงทุนในบริษัทนั้น หรือการลงทุนในหุ้น
หลัก ๆ เลยนะครับ
1. ผลตอบแทนจากเงินปันผล ซึ่งก็คือถ้าบริษัทมีกำไร ก็จะมีนโยบายจ่ายปันผล
ให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งจะจ่ายให้หุ้นล่ะกี่บาทก็ว่ากันไปครับ คงเคยได้ยินกันใช่ไหมครับ
ว่าเล่นหุ้นกินปันผล อะไรแบบนี้ ซึ่งสำหรับถ้าคนจะลงทุนในหุ้นเพื่อหวังปันผลนั้น
พยายามหาหุ้นที่จ่ายปันผลเกิน 4-6 % นะครับ ไม่งั้นผมว่าเอาเงินไปลงในพวกตราสารหนี้ดีกว่าครับ เพราะ ราคาหุ้นนั้นมีความผันผวน ซึ่งบางครั้งปันผลที่คุณได้รับมันอาจน้อย
กว่าเงินส่วนต่างราคาหุ้นที่คุณเสียไปก็ได้
2.ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา เช่นถ้าตอนคุณซื้อหุ้นราคา 5 บาท แต่เมื่อเวลาผ่านไป
หุ้นตัวนั้นอาจกลายเป็นราคา 7 บาท หรือขึ้นมา 40 % นั่นเอง และเมื่อคุณขายคุณก็จะได้ผลตอบแทนจากส่วนนี้ครับ ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาหุ้นนั้นเยอะมากครับ
ถ้าว่าง ๆ ผมอาจเขียนกระทู้แยกอธิบายเรื่องปัจจัยต่าง ๆ ให้ครับ
นอกจากผลตอบแทนหลัก ๆ ที่กล่าวมาในข้างต้นแล้วคุณอาจจะได้รับสิทธิต่าง ๆ ด้วยนะครับ เช่นบางบริษัทอาจจ่ายปันผลเป็นหุ้นให้คุณก็ได้ หรือแม้แต่จะให้สิทธิในการซื้อหุ้นก็ได้ครับ ซึ่งตรงนี้ผมยังไม่ขอเจาะลึกไปมาก คิดว่าน่าจะพอเห็นภาพผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในหุ้นล่ะครับ
แล้วทำไมคนถึงบอกว่าคนจน เล่นหวยแล้วคนรวยเล่นหุ้น
ผมโตมากับคำนี้จริง ๆ ครับตอนเด็ก ตอนนั้นผมเคยบอกแม่ว่าอยากเล่นหุ้น
ผมอยากเรียนเกี่ยวกับหุ้น แม่ผมก็ตอบคำนี้มาครับ
พอเริ่มศึกษาจึงได้รู้ความจริงว่าหุ้นบางตัวราคา 1 บาท และขั้นต่ำในการซื้อคือ
100 หุ้น นั่นหมายความว่ามีเงินแค่ 100 บาทก็ซื้อหุ้นได้แล้วน่ะสิ
แต่ทั้งนี้มันมีค่าคอมแล้วก็ขั้นต่ำด้วยนะครับ ถ้างบไม่เยอะหลักพันหลักหมื่น
แนะนำไปหาโบรกที่ไม่มีขั้นต่ำครับ เช่น บัวหลวง นักศึกษาเล่นโบรกนี้เยอะมากเพราะไม่มีขั้นต่ำ ตอนผมเป็นนักศึกษาก็เปิดพอร์ตกับบัวหลวงเช่นกันครับ
[ อันนี้ไม่ได้โฆษณานะครับแค่แนะนำ ผมไม่ได้ทำงานอยู่บัวหลวง ]
แล้วคำที่ว่าเล่นหุ้นก็เหมือนเล่นหวยล่ะ ?
อันนี้ผมไม่เเปลกใจเลยครับว่าทำไมคนทั่วไปถึงได้พูดแบบนี้
เพราะเค้าไม่เข้าใจการลงทุนในหุ้นเลยด้วยซ้ำ บางครั้งไปซื้อหุ้นตาม
มาร์ ตามนักวิเคราะห์ ตามเพื่อน แล้วก็ไม่เข้าใจ เหมือนลุ้นดวงว่ามันจะขึ้นหรือลง
แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบริษัทที่ตัวเองซื้อนั้นทำอะไร และมีความเสี่ยงอะไรบ้าง
สำหรับการเตรียมความพร้อมก่อนที่จะลงทุนในหุ้นนะครับ
1.อยากให้รู้จักภาพรวมของการวิเคราะห์หลักทรัพย์ต่าง ๆ ครับ ว่าการหาหุ้นที่น่าสนใจสัก
1 ตัว ควรวิเคราะห์อะไรบ้าง ซึ่งรายละเอียดตรงนี้นั้นเยอะมาก ๆ ครับ แต่อยากให้พยายามหา หุ้นที่พื้นฐานดี ธุรกิจมีแนวโน้มที่ดี และอยู่ในราคาที่เหมาะสม ซึ่งพูดอาจง่ายแต่การหาหุ้นแต่ละตัวนั้นยากพอควรเลยครับ [ บทความต่อไปผมจะลองวิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัวเป็นตัวอย่างให้ดูนะครับ เพื่อจะได้เห็นภาพมากขึ้น ]
2.รู้จักปัจจัยต่าง ๆ และประเด็นการลงทุนในหุ้นแต่ละอุตสาหกรรม และ หมวดธุรกิจ
เช่นถ้าคุณอยากลงทุนในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวคุณควรรู้อะไรเกี่ยวกับตัวธุรกิจประเภทนั้นบ้าง
3.ต้องรู้ปัจจัยการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บางครั้งเราก็วิเคราะห์มาเป็นอย่างดี
และราคามันวิ่งไม่มีเหตุผลเอาซะเลย อันนี้มันเชิงจิตวิทยาหน่อย ๆ
เพราะ ราคาหุ้นมันขึ้นลงมีหลายปัจจัยมาก ผมอยากให้มองมันเป็นๆ เกมส์ๆนึง
ว่าเราจะแก้ปัญหายังไง และจะสร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง จากอารมณ์ของนักลงทุนขณะนั้น
4.อันนี้ผมว่าสำคัญสุดครับ คือการบริหาร Portfolio อยากให้เราลองถามตัวเองดูว่าลงทุนแล้วมีเป้าหมายอย่างไร แล้วลองทำพอร์ตของตัวเองออกมาคร่าว ๆ
เช่นถ้าต้องการ 5-7 % ต่อปี คุณจะเลือกหุ้นไหนมาเข้าพอร์ตและกระจายความเสี่ยงบ้าง
จะเห็นได้ว่าถ้าผลตอบแทนมันไม่สูงมากคุณก็มีโอกาสที่จะได้รับความเสี่ยงน้อยลงตามไปด้วย
แต่ถ้าคุณต้องการสัก 20-30 % คุณอาจจำเป็นต้องหาหุ้นเติบโตมาใส่ในพอร์ต
ซึ่งมันก็อาจจะเพิ่มความเสื่องขึ้นมา
ซึ่งอันนี้ผมว่ามันบอกกันยากว่าควรถือหุ้นประเภทไหนกี่เปอร์เซ็นของพอร์ต
เพราะมันขึ้นอยู่กับผลตอบแทนที่คุณต้องการด้วย แต่ผมเชื่อว่าถ้าหากคุณบริหารจัดการ
พอร์ตของคุณได้ดี คุณจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในระยะยาวและยั่งยืนได้ครับ
เจอกันใหม่ในบทความหน้า ขอบคุณทุกท่านมากครับที่อ่านจนจบ หวังว่าทุกท่าน
จะได้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนเพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อยครับ ผิดพลาดหรือตกหล่นอะไรไป
ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ