ประวัติศาสตร์น่าทึ่งของ Converse ที่คนใส่ไม่เคยรู้
รู้หรือไม่ว่ารองเท้าผ้าใบ Converse ที่ครองใจคนทุกเพศทุกวัยมาร่วมศตวรรษนี้มีที่มาจาก Marquis Mills Converse ผู้ก่อตั้งบริษัท Converse Rubber Shoe Company ในเมือง Massachusetts สหรัฐอเมริกา ต้องการผลิตรองเท้าสำหรับกีฬาบาสเกตบอลที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในขณะนั้น จึงได้ผลิตรองเท้า All Star เวอร์ชั่นแรกขึ้นในปี 1917 เป็นรองเท้าที่ทำจากผ้าใบสีน้ำตาลธรรมชาติซึ่งมียอดขายไม่สูงมากนัก ก่อนที่นักบาสเกตบอลอย่าง Charles “Chuck” H. Taylor จะเข้ามาผลักดันให้รองเท้า All Star กลายเป็นที่ฮือฮาในวงการบาสเกตบอล ถึงขนาดที่นักกีฬาบาสเกตบอลทีมชาติของสหรัฐฯ ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1936 ทุกคนใส่รองเท้าสีขาวรุ่น Chuck Taylor All Star ลงแข่งขัน อีกทั้งยังใช้เป็นรองเท้าฝึกของทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองอีกด้วย
© สนับสนุนโดย Trend VG3 Co., Ltd.
ในช่วงปี ค.ศ.1940 – 1960 นั้น ถือเป็นยุคทองของรองเท้า Converse เพราะว่ามันกลายเป็นรองเท้าที่โด่งดังมากในหมู่นักกีฬาหลากหลายชนิด จนทำให้บริษัทสามารถครองอุตสาหกรรมรองเท้าผ้าใบในสหรัฐฯ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 80% แต่หลังจากนั้นก็ต้องเจอกับคู่แข่งที่น่ากลัวอีกหลายแบรนด์ที่กำลังก้าวเข้ามาแทนที่ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้ Converse ต้องเผชิญหน้ากับวิกฤติขาลงหลายต่อหลายครั้งจนเกือบล้มละลายในปี 2001 ก่อนที่บริษัทคู่แข่งอย่าง Nike จะเข้ามาซื้อเอาไว้และกู้บริษัทให้ฟื้นคืนมาได้อีกครั้ง
หลังจากนั้นเป็นต้นมา รองเท้า Converse ก็กลายเป็นมากกว่ารองเท้ากีฬา ด้วยดีไซน์ที่สามารถใส่ได้ทั้งชายและหญิงทำให้รองเท้า Converse เป็นเสมือนรองเท้าอเนกประสงค์ที่ใช้ได้กับทั้งชุดลำลองหรือจะใส่ในโอกาสพิเศษก็ได้เช่นกัน
หลายคนอาจจะสงสัยว่ารองเท้า Converse มีหน้าตาคล้ายคลึงกันไปหมด แต่ทำไมจึงมีวิธีเรียกชื่อรุ่นที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับรองเท้าผ้าใบของคอนเวิร์สแต่ละรุ่นว่าจุดเด่นและดีไซน์ที่แตกต่างกันอย่างไร
1. Chuck Taylor All Star
© สนับสนุนโดย Trend VG3 Co., Ltd.
รุ่นดั้งเดิมที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของรองเท้ายี่ห้อดังด้วยดีไซน์สุดคลาสสิก ทนทาน และสวมใส่สบาย จากรองเท้าบาสเกตบอล Chuck Taylor All Star ก็ได้กลายเป็นรองเท้ารุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามเป็นวงกว้างจนกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมย่อย (Subcultures) ของคนกลุ่มต่างๆ ตั้งแต่นักดนตรีชาวร็อก เซเลบริตี้ ไปจนถึงนักกีฬายกน้ำหนัก ในปัจจุบันรองเท้า Chuck Taylor All Star ทั้งแบบข้อสั้นและหุ้มข้อก็ยังเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมอยู่แม้ว่าจะผ่านมากว่า 80 ปีแล้วก็ตาม
2. CONS
© สนับสนุนโดย Trend VG3 Co., Ltd.
รองเท้ารุ่น CONS เป็นรองเท้าผ้าใบที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ของรองเท้าที่ให้กลิ่นอายของวัฒนธรรมในช่วงยุค 90s ซึ่งรวมทั้งกีฬาสเก็ตบอร์ดและสตรีทสไตล์ไว้ด้วยกัน ลักษณะที่โดดเด่นของรองเท้า CONS คือวัสดุที่มีน้ำหนักเบาและคงทน ซึ่งช่วยเรื่องการยึดเกาะได้มากเป็นพิเศษ
3. Jack Purcell
© สนับสนุนโดย Trend VG3 Co., Ltd.
อีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมมากโดยเฉพาะในหมู่แฟชั่นแนววินเทจด้วยเจ้ารอยยิ้มที่เป็นร่องโค้งบนหัวรองเท้า เดิมทีแล้วรองเท้ารุ่นนี้มีต้นกำเนิดจากนักกีฬาแบดมินตันแชมป์โลกอย่าง Jack Purcell ผู้ออกแบบรองเท้าที่ให้การป้องกันและรองรับน้ำหนักได้ดีเหมาะสำหรับกีฬาแบดมินตันโดยเฉพาะ โดยในภายหลังบริษัทคอนเวิร์สก็ได้ซื้อเครื่องหมายการค้าของ Jack Purcell มาไว้ในครอบครองและผลิตรองเท้ารุ่นนี้มาจนถึงปัจจุบัน
4. Chuck Taylor All Star II
ในปี 2015 คอนเวิร์สได้ออกรองเท้ารุ่นใหม่ที่ปรับปรุงมาจาก Chuck Taylor All Star รุ่นดั้งเดิม โดยเพิ่มเทคโนโลยีของ Nike ที่จะช่วยให้มีน้ำหนักเบา ใส่สบาย และไม่เมื่อย โดยยังคงความคลาสสิกของดีไซน์เดิมไว้แต่ซ่อนความทันสมัยที่ดูเรียบง่าย
© สนับสนุนโดย Trend VG3 Co., Ltd.
ปัจจุบันรองเท้า Converse จะผลิตที่ประเทศจีน เวียดนาม และอินโดนีเซียเป็นส่วนใหญ่ ทว่ารุ่นที่ผลิตในสหรัฐฯ ได้กลายเป็นของวินเทจหายากสำหรับนักสะสมไปเสียแล้ว นอกจากนี้ยังมีหลายคนเข้าใจว่ารองเท้า Converse Japan และ Converse Italy เป็นรองเท้าที่ผลิตขึ้นในประเทศนั้นๆ แท้จริงแล้วเป็นรองเท้าที่ออกแบบมาวางขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นและอิตาลีเท่านั้นต่างหาก สำหรับรองเท้า Converse เจแปน เป็นที่รู้จักในเรื่องของการออกแบบที่โดดเด่นกว่าของประเทศอื่นๆ แถมส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งจะแตกต่างกับ Converse Made in Japan รุ่นพิเศษที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นเลย ทำให้ได้งานที่ประณีตขึ้นและมีราคาสูงกว่ารุ่นทั่วๆ ไปของคอนเวิร์สเจแปน ส่วนรองเท้าคอนเวิร์สอิตาลีนั้นเป็นรุ่นที่ออกแบบให้วางขายเฉพาะในประเทศอิตาลีและส่วนใหญ่เป็นงานผลิตที่ประเทศจีนกับอินโดนีเซีย
นอกจากนี้ เรามักจะได้เห็นรองเท้า Converse รุ่นพิเศษที่ร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ หรือดีไซเนอร์ชื่อดังเพื่อออกแบบเป็น Special Editions เช่น รองเท้า Converse Jack Purcell x United Arrows: Green Label Relaxing 2015 ที่เป็นกระแสมาแรงสุดๆ ในช่วงปีที่แล้ว โดยเป็นการร่วมมือระหว่าง Converse กับแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังของประเทศญี่ปุ่นอย่าง United Arrows ออกมาเป็นรองเท้ารุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ทุกคนไล่ล่าตามหาถึงขนาดที่ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ขาดจากตลาดญี่ปุ่นได้ในเวลาเพียงไม่นาน
แม้จะผ่านมาเป็นเวลาเกือบศตวรรษ แถมในอุตสาหกรรมรองเท้าผ้าใบเองก็มีการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยแบรนด์คู่แข่งอยู่ตลอดเวลา แต่รองเท้าคอนเวิร์สก็สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ และยังคงได้รับความนิยมในหมู่คนทุกเพศทุกวัยมาจนถึงปัจจุบัน จากดีไซน์เดิมที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นรองเท้ากีฬา Converse ก็ได้กลายมาเป็นรองเท้าดีไซน์คลาสสิกที่เข้ากับชุดหลากสไตล์ที่ไม่ว่าใครก็ต้องมีไว้ในครอบครอง
ที่มา