BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักเตะหมู่บ้าน
Status: "Being captian is great for me personally" Cr.Ryan
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 131
ที่อยู่: 大连海事大学
โพสเมื่อ: Mon Dec 28, 2015 19:02
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 19 : สมเด็จพระเจ้าเลออปอลที่ 2
ห่างหายไปสองเดือนนะครับผม สำหรับสุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลกคนที่ 19 เชิญอ่านเลยดีกว่าครับ ผมไม่รู้จะเขียนอะไร 555 (เมียตามตอนกำลังเขียนพอดี)


สมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโปลด์ที่ 2





สมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโปลด์ที่ 2 เป็นพระมหากษัตริย์แห่งเบลเยียม ประสูติในกรุงบรัสเซลส์ เป็นพระราชโอรสองค์ที่สอง ของสมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโปลด์ที่ 1 และหลุยส์-มารีแห่งออร์เลอ็อง พระองค์สืบราชสมบัติต่อจากพระราชบิดาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 1865 และเป็นพระมหากษัตริย์กระทั่งสวรรคต

สมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโปลด์ที่ 2 ทรงเป็นที่จดจำกันมากที่สุดในฐานะผู้ก่อตั้งและเจ้าของเพียงพระองค์เดียวของรัฐอิสระคองโก ซึ่งเป็นโครงการส่วนพระองค์ที่ดำเนินการในนามของพระองค์ พระองค์ทรงใช้เฮนรี่ มอร์ตัน สแตนเลย์ช่วยพระองค์อ้างสิทธิ์เหนือคองโก พื้นที่ซึ่งปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ชาติต่าง ๆ ที่เข้าร่วมการประชุมเบอร์ลินผูกมัดให้รัฐดังกล่าวพัฒนาชีวิตของประชากร อย่างไรก็ดี นับแต่ต้น สมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโปลด์ที่ 2 ได้ทรงเพิกเฉยต่อเงื่อนไขเหล่านี้และปกครองคองโกอย่างโหดร้าย ทรงใช้กำลังทหารรับจ้าง เพื่อประโยชน์ส่วนพระองค์ พระองค์นำเอาความมั่งคั่งออกจากคองโก เริ่มจากการรวบรวมงาช้าง และหลังจากราคายางขึ้นในคริสต์ทศวรรษ 1890 ก็ทรงบีบบังคับให้ประชากรเก็บน้ำยางจากต้นยาง การปกครองอย่างโหดร้ายของพระองค์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมส่งผลให้มีประชาชนเสียชีวิตหลายล้านคน คองโกได้กลายมาเป็นหนึ่งในกรณีอื้อฉาวระหว่างประเทศที่เสื่อมเสียที่สุดในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 และสมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโปลด์ที่ 2 ท้ายที่สุดทรงถูกบีบให้ยกเลิกและโอนการควบคุมรัฐดังกล่าวให้แก่รัฐบาลเบลเยียม



สมเด็จพระราชาธิบดีเลโอโปลด์ที่ 2 ประสูติ ณ กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวันที่ 9 เมษายน ค.ศ. 1835 ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองของสมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งเบลเยียม กับพระอัครมเหสี สมเด็จพระราชินีหลุยส์-มารี พระราชธิดาในพระเจ้าหลุยส์-ฟีลิปที่ 1 แห่งฝรั่งเศส พระเชษฐาพระองค์ใหญ่ของพระองค์สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ในปีค.ศ. 1834 จึงทำให้พระองค์กลายเป็นองค์รัชทายาท พระองค์ได้รับการสถาปนาพระอิสริยยศเป็น "ดยุกแห่งบราบันต์" ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์ที่พระราชทานให้แก่มกุฎราชกุมารเท่านั้น



พระองค์ทรงมีความสนพระราชหฤทัยในด้านการเมืองของประเทศ โดยเริ่มต้นขึ้นในปีค.ศ. 1855 เมื่อทรงเป็นสมาชิกวุฒิสภา และในปีเดียวกันนั้นทรงผลักดันให้รัฐบาลเริ่มหาอาณานิคมเป็นของตน ในปีค.ศ. 1853 ทรงอภิเษกกับมารี เฮนเรียตแห่งออสเตรีย พระธิดาของอาร์ชดยุกโจเซฟแห่งออสเตรีย เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ค.ศ. 1853 มีพระราชโอรสและธิดารวมทั้งสิ้นสี่พระองค์ เป็นพระราชธิดาทั้งหมดสามพระองค์ และพระราชโอรสพระองค์เดียว คือ เจ้าชายเลโอโปลด์ ดยุกแห่งบราบันต์ สิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชันษาเพียง 9 ปี

ในปีค.ศ. 1865 ทรงเสวยราชย์ต่อจากพระราชบิดา ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในหลายด้าน รัฐบาลพรรคเสรีนิยมนั้นได้ปกครองเบลเยียมตั้งแต่ปีค.ศ. 1857 ถึงค.ศ. 1880 โดยเฉพาะในช่วงปลายสมัย ได้มีการผ่านร่างพระราชบัญญัติปีค.ศ. 1879 ซึ่งประกาศให้มีการศึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายในชั้นประถมศึกษา โดยมีรัฐเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายทั้งหมด รวมทั้งการยกเลิกการสนับสนุนจากรัฐต่อโรงเรียนประถมโรมันคาทอลิกทั้งหมด ต่อมาในปีค.ศ. 1880 พรรคคาทอลิกได้รับเสียงข้างมากในรัฐสภาและต่อมาได้แก้กฎหมายเพื่อคืนการสนับสนุนจากรัฐให้แก่โรงเรียนคาทอลิกอีกครั้งหนึ่ง ในปีค.ศ. 1855 กลุ่มการเมืองฝ่ายสังคมนิยม และสังคมนิยมประชาธิปไตยได้ร่วมมือกันจัดตั้งพรรคแรงงานขึ้น ซึ่งต่อมาได้เป็นตัวแปรทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่สงบหลายครั้งตั้งแต่มีการจัดตั้งพรรคแรงงานขึ้น ซึ่งต่อมาได้ผลักดันให้ออกพระราชบัญญัติการเลือกตั้งทั่วไปสำหรับบุรุษขึ้นในปีค.ศ. 1893 พระองค์ทรงสนับสนุนการพัฒนากองทัพเพื่อป้องกันประเทศอันถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับประเทศที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะทรงผลักดันให้มีการผ่านร่างกฎหมายการเกณฑ์ทหารได้จนกระทั่งในคืนสวรรคต



พระองค์มีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าดินแดนอาณานิคมในต่างทวีปนั้นเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับประเทศได้ และพระองค์ก็ทรงบากบั่นที่จะหาดินแดนอาณานิคมสำหรับเบลเยียม ในที่สุดพระองค์ก็ได้มาซึ่งอาณานิคมในฐานะพระราชสมบัติส่วนพระองค์ โดยที่รัฐบาลนั้นเป็นผู้ให้ยืมเงินสำหรับการนี้โดยเฉพาะ

ในปีค.ศ. 1866 พระองค์ทรงมีพระราชโองการให้เอกอัครข้าราชทูตประจำกรุงมาดริดในขณะนั้น เป็นผู้แทนฯร้องขอดินแดนหมู่เกาะฟิลิปปินส์จากสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 2 แห่งสเปน แต่อย่างไรก็ตามเอกอัครข้าราชทูตนั้นก็มิได้ทำตามที่ทรงรับสั่งเนื่องจากเห็นควรว่าเป็นการไม่เหมาะสมต่อสถานการณ์ในขณะนั้น และต่อมาพระองค์ได้มีรับสั่งให้ย้ายเอกอัครข้าราชทูตนี้โดยให้แทนที่ด้วยคนที่พร้อมที่จะเชื่อฟังพระองค์และสามารถจะทำให้แผนการของพระองค์สำเร็จลงได้[1]

ต่อมาในปีค.ศ. 1868 เมื่อสมเด็จพระราชินีนาถอีซาเบลที่ 2 แห่งสเปนถูกถอดลงจากราชสมบัติ พระองค์จึงได้พยายามฉวยโอกาสนี้ในการครอบครองดินแดนฟิลิปปินส์ แต่ก็ไม่สำเร็จลุล่วงเนื่องจากปัญหาด้านเงินทุน พระองค์จึงทรงเปลี่ยนแผนการโดยทรงพยายามผลักดันให้ฟิลิปปินส์กลายเป็นรัฐอิสระ และจะได้ถูกยึดครองได้ง่ายโดยเบลเยียม แต่ทว่าแผนการนี้ก็ไม่สำเร็จ พระองค์จึงทรงเปลี่ยนพระทัยไปยังการครอบครองดินแดนในทวีปแอฟริกาแทน

ภายใต้ความพยายามของพระองค์ ในที่สุดเมื่อปีค.ศ. 1876 พระองค์ได้ทรงจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งส่วนพระองค์ โดยให้เป็นเสมือนองค์กรระหว่างประเทศด้านวิทยาศาสตร์และมนุษยธรรม ซึ่งได้ตั้งชื่อว่า "สมาคมแอฟริกันนานาชาติ" (Association Internationale Africaine) และในปีค.ศ. 1878 กิจการในนามของบริษัทได้จ้างนักสำรวจผู้โด่งดัง เฮนรี สแตนลีย์ (Henry Morton Stanley) เพื่อที่จะสำรวจและสร้างอาณานิคมภายในดินแดนของคองโก ซึ่งด้วยความสามารถในการทูติของพระองค์ ทำให้ผลของการประชุมเบอร์ลินในปีค.ศ. 1884-1885 ซึ่งเกี่ยวโยงกับเรื่องของแอฟริกานั้น ทำให้ทั้งสิบสี่ประเทศในยุโรปรวมทั้งสหรัฐอเมริกาได้ยอมรับพระองค์ ในฐานะองค์ประมุขในดินแดนซึ่งพระองค์และเฮนรี สแตนลีย์ได้กล่าวอ้าง ในที่สุด เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1885 "รัฐอิสระคองโก" ก็ได้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการภายใต้การปกครองส่วนพระองค์ ซึ่งดินแดนแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าเบลเยียมกว่า 76 เท่า ซึ่งพระองค์ได้ทรงควบคุมผ่านกองทัพส่วนพระองค์ ในนามว่า "Force Publique"

หลังจากมีเรื่องราววิพากษ์วิจารณ์จากพรรคสังคมนิยมคาทอลิกและพรรคแรงงาน จึงเป็นแรงกดดันให้ฝ่ายรัฐบาลได้บังคับพระองค์ให้ปลดปล่อยการถือกรรมสิทธิ์ในคองโกโดยโอนเป็นกรรมสิทธิ์ของแผ่นดินในปีค.ศ. 1908 ทำให้รัฐอิสระคองโกได้กลายเป็นดินแดนอาณานิคมของเบลเยียมในนามว่าเบลเจียนคองโกภายใต้การปกครองของรัฐบาล และต่อมาได้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเพื่อให้อิสรภาพจนกลายเป็น สาธารณรัฐคองโก , สาธารณรัฐซาอีร์ และในปัจจุบัน คือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก หรือ "DRC"



มื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 1902 ผู้นิยมลัทธิอนาธิปไตยชาวอิตาเลียน เกนนาโร รูบิโน ได้พยายามลอบปลงพระชนม์พระองค์ในขณะที่ทรงม้าในพระราชพิธีพระบรมศพของสมเด็จพระราชินีมารี เฮนเรียตเทอพระมเหสีซึ่งเพิ่งเสด็จสวรรคตไม่นาน รูบิโนได้ยิงปืนสามนัดโดยเล็งไปที่พระองค์ขณะที่ขบวนกำลังเคลื่อนที่ผ่านหน้าเขาไป แต่กระสุนทั้งสามนัดนั้นพลาดจึงทำให้เขาถูกจับกุมในทันที

สมเด็จพระเจ้าเลออปอลที่ 2 เขาถือหุ้นหลายบริษัทและนำเงินมาพัฒนาประเทศเบลเยี่ยม ในขณะที่ ชาวคองโกเสียชีวิตประมาณ 3 ล้านคนเพราะทำงานหนักจนตาย จนกระทั้งในปี 1907 พระองค์ได้ถูกบังคับให้สละการควบคุมประเทศให้แก่รัฐบาลเบลเยี่ยม แต่สำหรับคองโกนั้นพวกเขากลับได้รับผลเสียที่ยากจะกลับมาเป็นอย่างเดิมได้จนถึงปัจจุบันเพราะจำนวนเงินที่เสียหายให้แก่สมเด็จพระเจ้าเลโอโปลด์ที่ 2 มีมูลค่า เท่ากับ ค่าGNP ของคองโกปัจจุบันสำหรับ 22 ปีขึ้นไป

ความโหดร้ายของพระองค์นั้น ถ้าเทียบกับข้อความข้างต้นที่กล่าวมายังถือว่าไม่โหดร้ายนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการฟอกเงินที่ชั่วร้ายอย่างมากมากกว่า แต่ทว่า เส้นทางการเงินที่ทำให้พระองค์ร่ำรวยมหาศาสนั้นต้องแลกกับชีวิตคนงานแอฟริกาหลายชีวิต เนื่องจากปกครองด้วยความทารุณ สั่งทหารฆ่าเด็กและผู้หญิง เฉือนจมูก หูและมือของคนงาน ทั้งหมดนั้นก็เพื่อ "เงิน" เพื่อที่เขาจะร่ำรวยที่สุดนั่นเอง






ชอบไม่ชอบอย่างไรช่วยกดแผล่บและโหวตกระทู้ผมให้ด้วยนะครับ อยากให้เพื่อนๆได้อ่านกันทุกคนครับ แล้วคุณจะหลงรักประวัติศาสตร์!!






Credit : Wikipidia



สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 18 : รานาวาโลนาที่ 1
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1290881
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 17 : วิลเลียม แฮร์ และ วิลเลียม เบอร์ค
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1289857
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 16 : ชากา ซูลู
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1287322
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 15 : มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1208346
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 14 : เอ็ดเวิร์ด ทีช
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1208107
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 13 : โอดะ โนบุนากะ
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1206624
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 12 : ซาร์ อิวาน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1206143
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 11 : กิลส์ เดอ เรยส์
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1188908
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 10 : ฟรานซิสโก ปิซาร์โร
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1184080
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 9 : วลาด ดรากูล
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1183485
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 8 : คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1183322
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 7 : ติมูร์มหาราช
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182902
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 6 : เจงกิสข่าน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182420
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 5 : พระเจ้าเบซิลที่ 2
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182304
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 4 : บูเช็กเทียน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182134/1
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 3 : อัตติลา เดอะ ฮั่น
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1153400
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 2 : พระเจ้าเฮโรดมหาราช
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1152716
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 1 : กษัตริย์อัสเชอร์บานิปาล
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1152578
แก้ไขล่าสุดโดย ๑๑TolleNg๑๑ เมื่อ Tue Dec 29, 2015 15:49, ทั้งหมด 3 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Mar 2009
ตอบ: 5769
ที่อยู่: https://www.facebook.com/vichayaplace
โพสเมื่อ: Mon Dec 28, 2015 19:05
[RE: สมเด็จพระเจ้าเลออปอลที่ 2]
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 45294
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Mon Dec 28, 2015 19:12
[RE: สมเด็จพระเจ้าเลออปอลที่ 2]
น่ามีรูปประกอบบ้างนะครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: "I'm GUNNER"
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Aug 2008
ตอบ: 19016
ที่อยู่: ปาปัวนิวกีนี
โพสเมื่อ: Mon Dec 28, 2015 19:24
[RE: สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 19 : สมเด็จพระเจ้าเลออปอลที่ 2]
มีรูปแล้ว น่าอ่านขึ้นเป็นกอง...
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Oct 2008
ตอบ: 5
ที่อยู่: Emirates Stadium
โพสเมื่อ: Sun Jan 03, 2016 18:50
[RE: สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 19 : สมเด็จพระเจ้าเลออปอลที่ 2]
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel