ความสุขไม่ใช่เป้าหมาย แต่คือภาวะที่เป็นอยู่
“ความสุขไม่ใช่เป้าหมาย แต่คือภาวะที่เป็นอยู่” ถึงแม้ว่าเราจะรู้สึกมีความสุขเมื่อเราบรรลุเป้าหมายอะไรได้สักอย่าง การสานฝันให้สำเร็จก่อให้เกิดความสุข แต่มันก็ไม่ใด้แทนที่ความเศร้าที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทางได้ ที่พูดแบบนี้ ผมแค่อยากบอกว่าความสุขที่เกิดขึ้นในขณะที่คุณกำลังทำอะไรบางอย่าง เช่น กำลังสานฝันให้เป็นจริง ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กันครับ
ทีนี้ถามว่าเราจะมีความสุขในขณะที่กำลังทำอะไรบางอย่างได้อย่างไร คำตอบนั้นแสนง่ายครับ เราต้องทิ้งบางอย่างที่ปิดกั้นความสุขไป มีหลายๆอย่างในชีวิตที่คนเรากำลังแบกไว้บนบ่าแล้วก็โอดครวญว่า เมื่อไรฉันจะมีความสุขสักที วันนี้ผมจะมาแนะนำสิ่งที่ควรทิ้ง เพื่อยกระดับความสุขของคุณครับ
1. ทิ้งความอิจฉา
บางคนคิดเสมอครับว่าการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่ดี จะบอกว่า มันก็ไม่ผิดครับถ้าจุดประสงค์ของคุณคือเพื่อการแข่งขัน โดยเป็นแรงบันดาลใจสำหรับตัวเองให้ก้าวไป แต่ถ้ามันเริ่มมากเกินไป จนนำพามาสู่ความอิจฉาแล้วล่ะก็ ให้ทิ้งมันไป แล้วคุณจะมีเวลามากขึ้นที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่คุณกำลังทำไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นกำลังทำอยู่
2. เลิกกลัวความเปลี่ยนแปลง
หลายๆครั้งที่สิ่งที่เราเผชิญอยู่นั้นมันแย่มากๆ แต่เรากลับไม่กล้าที่จะขยับไปไหน เรารู้ดีว่าสิ่งที่เราเจออยู่ตอนนี้มันแย่ แต่เรากลับกลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น (ทั้งที่มันอาจจะส่งผลดี) การทิ้งนิสัยนี้ไปจะทำให้คุณเจอกับสิ่งใหม่ๆมากขึ้น ลองดูครับหากเรากล้าที่จะเผชิญกับอะไรใหม่ๆแล้วสู้กับมัน เราจะรู้สึกเบิกบานและมีชีวิตชีวาหลังจากหลีกหนีสิ่งเดิมๆได้
3. ปล่อยวางบ้างก็ดี
ถึงแม้ว่าหลายๆคนนั้นชอบที่จะมีอำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเอง (อาจรวมไปถึงชีวิตของคนอื่นด้วย) แต่เราต้องรู้ครับว่า เราไม่สามารถควบคุมทุกๆอย่างได้ ในบางครั้ง ไม่ว่าจะพยายามขนาดไหน หลายๆสิ่งกลับไม่เป็นดั่งใจ อย่างไรก็ตามถ้าเราเริ่มทำความเข้าใจว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เหนืออำนาจการควบคุมของเรา เราก็จะเริ่มยอมรับและทำความเข้าใจกับมัน
4. ลดการทำงานล่วงเวลา
การที่จะก้าวไปสู่จุดหมายได้นั้นบางครั้งทำให้นักธุรกิจหลายคนจำเป็นจะต้องทำงานเป็นเวลานานๆ ผมเข้าใจครับว่าเราทำเพื่อความฝันของเรา แต่เราจำเป็นที่จะต้องรักษาสมดุลเพื่อให้มีความสุขกับการใช้ชีวิต การไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ว่าการแบ่งเวลาสักนิดให้กับส่วนอื่นๆของชีวิต เช่น ครอบครัว เพื่อน เวลาว่าง ก็เป็นสิ่งที่ดีเช่นกัน
5. หยุดโทษคนอื่น
บางครั้งบางสิ่งก็ไม่เป็นไปตามที่หวัง ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆในชีวิต และหลายๆคนก็เริ่มจะกล่าวโทษคนอื่นๆ หรือปัจจัยต่างๆ มันเป็นกลไกการป้องกันตัวเองครับ เราแค่ไม่อยากจะต้องรู้สึกรับผิดชอบกับสิ่งร้ายๆที่เกิดขึ้น แต่ถ้าเราเลิกโทษคนอื่นได้แล้ว เราจะมีเวลาที่จะหาทางแก้ปัญหาและออกจากสภาวะเหล่านั้นได้
6. หยุดบ่น
การบ่นอยู่บ่อยๆไม่เพียงแต่ทำลายความสุขของตัวเอง แต่ยังทำลายความสุขของคนอื่นด้วย มีแค่สิ่งเดียวที่เราควบคุมได้คือการตอบสนองต่อเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้น เราเลือกได้ครับ เราเลือกที่จะหยุดบ่นและมองหาทางออกได้
7. ล้มเลิกความคิดที่ว่า เราจะต้องถูกเสมอไป
ไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะล่วงรู้ทุกอย่างในจักรวาลได้ จริงมั้ยครับ ดังนั้นผมก็เลยไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเราถึงยังคิดว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายถูกอยู่เสมอๆด้วย และถึงแม้เราจะเป็นฝ่ายถูก คุณคิดว่ามันมีประโยชน์ขนาดไหนครับที่เราจะต้องไปถกเถียงกับคนอื่น การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกันนั้นสำคัญกว่าชัยชนะบนความสัมพันธ์แย่ๆแน่นอนครับ
8. เลิกดูถูกตัวเอง
ยังมีบางคนที่คิดว่าเราไม่สามารถจะทำความฝันให้สำเร็จได้ โดยขาดความทะเยอทะยานและคิดว่าความสามารถของเขานั้นมันจำกัด นี่แหละครับคืออุปสรรคใหญ่ต่อความสุข ถ้าเราทลายกำแพงเหล่านี้ได้ เราจะค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวของเรามากมาย
9. ทิ้งคนพาล
คนเราถูกชักจูงโดยบุคคลรอบข้างได้ง่ายและเราก็แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่เรียนรู้นิสัยและแนวคิดของบุคคลรอบข้าง การมีเพื่อนแย่ๆทำให้เราด้อยค่าลงจากเดิม เราจะขาดโอกาสที่จะได้รับความสุขที่เราควรจะได้ เราควรจะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่คอยสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราและนำทางชีวิตไปสู่สิ่งดีๆ
10. ทิ้งอดีต
ผมยอมรับครับ ว่าอดีตนั้นเต็มไปด้วยประสบการณ์ให้เราได้เรียนรู้ ทั้งดีและไม่ดี แต่สิ่งเหล่านี้จะมีความหมายก็ต่อเมื่อเรานำมาปรับปรุงตัวเอง อดีตไม่ใช่เทปบันทึกความผิดพลาดในอดีตให้เราย้อนกลับไปนึกเสียใจ แต่เป็นแหล่งที่อุดมไปด้วยปัญญา ผลักดันชีวิตเราไปสู่สิ่งที่ดีและชีวิตที่มีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ? ผมไม่ได้บังคับให้ต้องเชื่อและปฏิบัติตามทั้ง 10 ข้อนะครับ แต่อยากให้ค่อยๆนำไปประเมินและวิเคราะห์ดูว่ามันจริงหรือไม่ ถ้าคิดว่าจริงและคิดว่าตรงไหนที่เราสามารถปรับได้ ก็ค่อยๆปรับกันไป แล้วเราจะมีความสุขในการมีชีวิตอยู่ในทุกๆวันครับ
บทความโดย YimSu.com