20 ปีกับ 'Wonderwall' และ 20 ความจริงของเพลงตำนานแห่งยุคบริทป็อป
VIDEO
OASIS: 20 Things You May Not Know About 'Wonderwall'
เริ่มจากหน้าปกอัลบั้มของเพลงนี้ก่อน คุณรู้หรือไหมว่าในตอนแรกนั้นมีความตั้งใจให้ Liam Gallagher ฟรอนต์แมนของวงเป็นบุคคลที่ยืนอยู่ในกรอบรูปนั่น Noel ที่นั่งแท็กซี่มาถึงกองถ่ายในนาทีสุดท้ายอธิบายอย่างสุภาพว่า "นี่มันเพลงรักนะโว้ย เพราะฉะนั้นจะไม่มีทางให้เด็กน้อยนี่ขึ้นปกเด็ดขาด"
หลายคนคิดว่านี่คือเพลงที่เกี่ยวกับ Meg Matthews ภรรยาของโนเอลในขณะนั้น ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ เพราะเจ้าของเพลงออกมาบอกแล้ว "ความหมายของเพลงนั้นถูกสรุปเอาโดยพวกสื่อทั้งนั้น แล้วคุณจะบอกเมียยังไงดีล่ะว่าเพลงนั้นไม่เกี่ยวกับเธอเมื่อเธอได้อ่านเรื่องนี้ไปแล้ว? มันเกี่ยวกับเพื่อนในจินตนาการที่จะมาหาแล้วช่วยเราตะหาก"
โดยเริ่มแรก เพลงนี้ถูกตั้งชื่อว่า 'Wishing Stone' เรื่องราวของมันเริ่มต้นในคืนวันอังคารฝนพรำที่ Rockfield Studios ในเวลส์ โนเอลตั้งใจจะร้องเพลงนี้ด้วยตนเอง แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจให้สิทธิ์นี้กับเลียม ซึ่ง Owen Morris โปรดิวเซอร์ของเพลงให้คำจำกัดความเกี่ยวกับเสียงของเลียมว่า "บลูส์แบบแหบๆ อย่างกับว่าอัดบุหรี่ไปแล้ว 100 มวนน่ะ"
เลียมไม่ได้ประทับใจเพลงนี้เท่าใดนักเมื่อฟังครั้งแรก "มึงคิดว่ามึงกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย ไอ้บ้า?" เขาตะโกนใส่โนเอลขณะที่มือกีต้าร์หนุ่มเดินทางมาถึงฉากซ้อมด้วยเบสไลน์ที่ต่างไป "โอเอซิสไม่ใช่วงฟังก์นะโว้ย" 19 ปีต่อมา ฟรอนต์แมนของวงก็เริ่มรู้สึกเย็นลงได้ "ทุกครั้งที่ผมร้องเพลงนี้ ผมต้องอุดปากตัวเองไม่ให้หัวเราะออกมา"
ส่วนโนเอลเองก็ไม่ได้ปลื้มเช่นใดนัก "ถ้าออกจากอังกฤษไป เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ทำให้เราดังระเบิดระเบ้อไปทั่วโลก แล้วมันก็โคตรน่ารำคาญสำหรับผมเลย นี่แม่งไม่ใช่เพลงร็อคแอนด์โรล แล้วก็มีเรื่องเล่าโง่ๆ เกี่ยวกับเพลงนี้อยู่บ้างนะ อย่างตอนที่มีคนเดินมาหาผมแล้วบอกว่ามันเป็นหนึ่งในเพลงที่ดีที่สุดที่เราเคยเขียนมา ผมก็คิดว่า 'แม่งเอ๊ย มึงเคยได้ยินเพลง 'Live Forever' บ้างไหมเนี่ย?'"
คุณต้องชอบคำอธิบายของเลียมเกี่ยวกับเพลงนี้แน่ๆ "Wonderwall จะเป็นอะไรก็ได้ มันก็แค่เป็นคำที่สวยงามคำหนึ่ง เหมือนกับว่าเรากำลังพยายามหาคำๆ นั้น แล้วเราก็พยายามกันโคตรสาหัสสากรรจ์ แม่ง แล้วสุดท้ายพอเจอปุ๊บ ก็โดนปั๊บ 'เจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย กูไงจะใครล่ะ Wonderwall เอง'"
ชื่อเพลงนี้เหมือนกับบอกเป็นนัยไปหา 'Wonderwall Music' เพลงประกอบภาพยนตร์ในปี 1968 ของ George Harrison และอัลบั้มโซโล่แรกของเขาเมื่อไม่ได้ร่วมงานกับ Beatles "สำหรับผมนะ The Beatles คือทุกอย่างเลยล่ะ ทั้งเป็นจุดเริ่มต้นและจุดจบ" โนเอลกล่าวในปี 1995 และแน่นอน ตามมาด้วยการเปรียบเทียบเส้นทางอาชีพระหว่างวงแห่งลิเวอร์พูลนี้และโอเอซิสไปแบบไม่ต้องสงสัย
จนถึงปัจจุบัน เพลงนี้ขายได้ 1.26 ล้านก็อปปี้ นี่คือตัวเองแค่ในอังกฤษเท่านั้น หลังจากประสบความสำเร็จครั้งใหญ่นี้แล้ว เพลงนี้ก็พุ่งไปถึงอันดับ 2 ใน UK Singles Chart ก่อนจะแย่งตำแหน่งหัวตารางจากเพลง 'I Believe' โดย Robson and Jerome นอกจากนี้ เพลงนี้ยังกลายเป็นซิงเกิ้ลแรกของวงใน US ซึ่งสุดท้ายได้ครองตำแหน่งอันดับ 8 บนชาร์ท Billboard Top 100 ไป
อ้างอิงข้อมูลจาก Noel แล้ว Ryan Adams นักแต่งเพลงจากสหรัฐฯ ผู้นำเพลงนี้มาเรียบเรียงใหม่ในสไตล์อคูสติกช้าๆ ใน EP ปี 2004 ถือว่าทำเพลงนี้ได้ดีกว่าที่โอเอซิสทำเสียอีก มือกีต้าร์บอกกับผู้ชมในปี 2009 เมื่อเขาได้ยินเพลงนี้ถูกโคฟเวอร์ในแบบสดๆ "หลังจากนั้น ผมก็ไปบอกเขาว่า 'เอาเพลงนั้นไปเลยไอ้หนุ่ม เพราะเราทำได้ไม่ดีเท่าไหร่นักหรอก'"
เพลงนี้ถูกเล่นในงานศพของ Leah Betts วัยรุ่นที่เสียชีวิตในปี 1995 จากการเสพยา โอเอซิสให้อนุญาตการใช้เพลงนี้ประกอบในวิดีโอชั่วโมงสุดท้ายของชีวิตเธอเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญต่อต้านการใช้ยาเสพติด
ในวิดีโอเพลง Wonderwall มีฉากนักเชลโล่ในท่อนที่สองของเพลง แต่ต้องขอแสดงความเสียใจกับแฟนๆ ของเครื่องสายชนิดนี้ด้วย เพราะความจริงแล้วเสียงนั้นมาจากเมลโลทรอน (อิเล็กโทรนิกคีย์บอร์ดชนิดหนึ่ง)
มิวสิควิดีโอของเพลงนี้ชนะรางวัล Best Video บนเวที Brit Awards 1996 ไป อย่างที่เรารู้กัน
Lars Ulrich จาก Metallica, The Edge จาก U2, และที่น่าขันคือ Alex James จาก Blur ซึ่งเคยเป็นคู่กัดแสนดุเดือดต่างให้ Wonderwall เป็นเพลงที่พวกเขาหวังว่าตัวเองเป็นคนเขียน
Paul "Guigsy" McGuigan ไม่ได้มีส่วนรวมในวิดีโอของเพลงนี้แต่อย่างใด อ้างอิงจากโนเอล "ขอให้พระเจ้าคุ้มครองกิกส์ ดันเป็นโรคสันหลังยาว แล้วทำมาเป็นว่าตัวเองมีอาการป่วยทางอารมณ์" Scott McLeod เข้ามาแทนที่่ในฐานะมือเบสในวิดีโอและบนเวทีคอนเสิร์ต เมื่อแม็คเลอ็อดออกจากวงระหว่างทัวร์ปี 95 ที่สหรัฐฯ ตามรายงานโนเอลได้บอกกับเขาว่า "ขอให้โชคดีกับเซ็นสัญญาครั้งหน้าแล้วกัน"
Jay Z ได้เป็นที่ฮือฮาจากการเปิดการแสดงของเขาด้วยการโคฟเวอร์เพลงนี้ที่งาน Glastonbury ในปี 2008 เมื่อโนเอลประกาศว่า "มันเป็นเรื่องที่ผิดมาก ผมจะไม่ยอมให้ฮิปฮ็อปเกิดขึ้นที่แกลสตันบิวรี่" "ลุงนั่นบอกว่าผมเล่นกีต้าร์ไม่ได้" Hova บอกในภายหลัง "ใครก็ได้ไปบอกเขาทีว่าผมนี่แหละโคตรร็อคสตาร์ของจริง" ต่อมาโนเอลถึงกับต้องกลืนน้่ำลายตัวเอง "ผมพูดแบบนั้นจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ผิดเลยล่ะ"
ข้อนี้สำหรับผู้ตื่นตัวทางเสียง เพิ่มวอลลุ่มลำโพงให้ดังๆ ในตอนท้ายเพลงแล้วคุณจะได้ประจักษ์ยิน 'Supersonic' ในระดับความเบาสุดเสียงจากการดีดกีต้าร์อะคูสติก
One Direction เป็นอีกรายที่นำเพลงนี้มาร้องใหม่ในฉบับของตัวเอง ซึ่งทำให้โนเอลที่เคยเรียกพวกเขาว่าเป็น "ไอ้กลุ่มเด็กงั่ง" ที่ทำ "เพลงป็อปกากๆ" ซึ่งควรจะทำอาชีพเด็กร้านขายของชำมากกว่าถึงกับตะลึงงันไป
วง Beady Eye ของเลียมได้แสดงเพลงนี้ในพิธีปิด Olympic Games ซึ่งลอนดอนเป็นเจ้าภาพเมื่อปี 2012 แต่พวกเขาต้องขออนุญาตจากโนเอลเสียก่อน มือกีต้าร์รายนี้ได้รับคำเชิญให้ขึ้นแสดงในงานเช่นกันแต่เขาได้ปฏิเสธไป ให้เหตุผลว่ากระบวนการเตรียมงานและรักษาความปลอดภัยนั้นเป็นความลับมากเสียจน "รู้สึกอย่างกะโปรแกรมนิวเคลียร์ของอิหร่านหรืออะไรประมาณนั้น"
เคยได้ยิน Radiohead โคฟเวอร์ 'Wonderwall' แล้วใช่ไหม? นั่นเป็นอะไรที่ใหญ่พอตัวเลยนะ แต่เลียมไม่ได้ให้ค่าอะไรกับพรรคพวกของ Thom York นัก เขากล่าวว่าตนไม่เคยฟัง 'OK Computer' ไม่เข้าใจว่าวงนี้ดังได้อย่างไร และเมื่อ 'The King Of Limbs' ถูกปล่อยออกมาในปี 2011 ก็สับพวกเขาไปด้วยเหตุผลว่า "เขียนเพลงเกี่ยวกับต้นไม้โง่ๆ"
สำหรับศิลปินรายอื่นที่โคฟเวอร์เพลงนี้ไม่ได้มีแค่ Pavement, Rihanna และ Beastie Boys เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง Jason Mraz, Jessie J และ David Guetta ด้วย เชิญลองหาฟังใน YouTube และขนลุกได้ตามอัธยาศัย
CREDIT http://www.nme.com/photos/oasis-20-things-you-may-not-know-about-wonderwall