นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 1624
ที่อยู่: RockaRhythm Studio
โพสเมื่อ: Sun Jan 25, 2015 21:50
บทเรียนล้ำค่าบอลไทย โดยธีรศิลป์ แดงดา
ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับการยกเลิกสัญญายืมตัวของ”เจ้ามุ้ย”ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าหมายเลขหนึ่งขวัญใจชาวไทย กับสโมสรอัลเมเรีย แห่งศึกลาลีกา สเปน หลังจากพยายามสู้เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริงแต่ไม่สำเร็จ ได้ลงสนามในศึกลาลีกาเพียง 6 นัดแบบเป็นตัวสำรองทั้งหมด ทิ้งไว้เพียง 1 ประตูที่ยิงใส่เรอัล เบติสได้ในโกปา เดล เรย์ เท่านั้น ท่ามกลางกระแสความไม่พอใจต่อโอกาสที่ได้รับเพียงน้อยนิดของธีรศิลป์ เสียงก่นด่าจากชาวเกรียนคีย์บอร์ดของไทยบนหน้าเพจของสโมสรอัลเมเรีย กระแสทั้งสนับสนุนและคัดค้านการตัดสินใจของตัวธีรศิลป์เองจากแฟนบอลรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลในประเทศไทย แม้จะมีการให้สัมภาษณ์ของทีมงานที่ประจำที่ประเทศสเปนของสยามกีฬาว่า เป็นปัญหาที่เรื่องของการสื่อสารที่ส่งผลกระทบให้ไม่เข้าใจการฝึกสอนในเรื่องของแทคติกการเล่นกับทีม ทำให้ไม่ได้รับความไว้วางใจในการลงสนาม
ตัวของธีรศิลป์เองอาจมองว่า อีกครึ่งฤดูกาลที่เหลือ สู้ต่อ แต่ก็ยังไม่เข้าใจที่โค้ชสั่งอยู่ดี นั่งข้างสนามต่อ ไม่ได้เล่น งั้นก็กลับดีกว่า
แต่ถ้าลองมองอีกด้านหนึ่ง ตามที่”โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุลกล่าวไว้ว่า “อยากให้มุ้ยอยู่สู้ต่ออีก 3 ปี”ล่ะ
(ที่มา: http://www.goal.com/th/news/4280/ฟุตบอลไทย/2015/01/21/8154902/เร็วเกินไปเฮงซังเสียดายมุ้ยน่าฮึดสู้ในสเปนสัก-3-ปี?CMPID=FBTHA_150121_wittaya_teerasil )
อยู่เพื่อปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตในสเปน ถึงปีแรกจะแค่ยืมตัว แต่พอหมดจากตรงนี้ ก็จะยังค้าแข้งที่นี่ต่อ พยายามพิสูจน์ตัวเองเพื่อที่จะเล่นฟุตบอลยุโรปต่อไป ถึงจะลงไปเล่นระดับเซกุนด้าค่อยๆไต่เต้าขึ้นมาก็เอา พิสูจน์ตัวเองว่า ฉันสามารถจะแจ้งเกิดบนเวทีฟุตบอลยุโรป ในลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกให้ได้
แต่จากคำพูดของมุ้ย ที่บอกว่า “เลยวัยที่จะลองผิดลองถูกแล้ว” และ “อยากจะเป็นตำนานของเมืองทองฯ” เราคงไม่ได้เห็นธีรศิลป์ แดงดา ร่ายเพลงแข้งในยุโรปอีกแล้ว เพราะเจ้าตัวดูจะไม่เคยคิดถึงการค้าแข้งใน”ระยะยาว”เลยแม้แต่น้อย คือมองแค่ว่า สู้แค่หมดสัญญา จบคือกลับไทย ไม่ไหวก็ขอยกเลิกก่อน ซึ่งนี่เป็นอะไรที่น่าเสียดายมากที่สุด แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของธีรศิลป์ เพราะเราอยู่ประเทศไทย ได้แต่มองห่างๆ ไม่รู้หรอกว่า พอเข้าไปในสนามซ้อมแล้ว “มุ้ย”แบกรับความกดดันขนาดไหนในการพยายามปรับตัวเข้าหาทีม ด้วยภาษาที่ไม่คุ้นเคย ที่ต้องใช้เวลาเรียนเป็นปีกว่าจะพอเข้าใจ
ส่วนตัวเข้าใจการทำงานในต่างประเทศดีครับ จากที่เคยไปทำที่ญี่ปุ่น ล้อมรอบด้วยคนญี่ปุ่นล้วนๆ เข้าไปไม่มีใครคุยภาษาอังกฤษซักแอะ ซัดภาษาบ้านตัวเองกันอย่างเดียว ฟังไม่ทันแถมฟังไม่รู้เรื่อง ต้องรอคนแปลงานให้อย่างเดียว แต่ส่วนตัวผมชอบบ้านเมืองที่ญี่ปุ่นมาก และถ้าได้โอกาสก็คงจะอยู่ยาว ยอมเหนื่อยที่จะปรับตัว เรียนภาษาใหม่ คงต่างจากธีรศิลป์ที่อาจจะไม่ได้มองสเปนเป็นที่สำหรับการอาศัยอยู่และทำงานในระยะยาวอยู่แล้วด้วย เมื่อรวมปัจจัยด้านภาษาเข้าไป ก็เลยทำให้เรื่องนี้จบลงเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
ก็ได้แต่ให้กำลังใจนักเตะไทย ทั้งธีรศิลป์และคนอื่นๆสำหรับการไปค้าแข้งต่างประเทศ เพราะผมเชื่อว่านักฟุตบอลไทยมีศักยภาพ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถจะปรับตัวกับต่างบ้านต่างเมืองได้ นอกจากบุคลิกและไลฟ์สไตล์แล้ว ยังอยู่ที่ศักยภาพในการเขียนภาษาและการสื่อสารภาษาต่างประเทศที่อาจจะไม่ใช่ภาษาอังกฤษด้วย ถือว่า”มุ้ย”เป็นตัวอย่างที่ดีและเป็นใบเบิกทางที่เยี่ยมสำหรับนักฟุตบอลรุ่นหลังที่จะออกไปค้าแข้งนอกประเทศ และหวังว่า”ทุกคน”ในวงการฟุตบอลไทย จะนำเหตุการณ์ของมุ้ยไปเป็นบทเรียน ไม่ใช่แค่ตัวนักเตะที่จะมองวิธีการปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่ แต่บรรดาผู้ใหญ่ โค้ช ผู้บริหารต่างๆก็ต้องมองถึงการพัฒนาในระยะยาวเหมือนกัน เพราะสุดท้ายหากจะยกระดับของฟุตบอลไทย แค่ยกระดับไทยพรีเมียร์ลีกคงไม่พอ ควรสนับสนุนให้นักเตะไปเก็บประสบการณ์รวมถึงการค้าแข้งในต่างประเทศด้วย ดูได้จากเกาหลีและญี่ปุ่นที่ส่งออกนักเตะไปแจ้งเกิดในเวทียุโรปได้มากมายในหลายๆปีหลัง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ