[RE: แชร์ประสบการณ์หลอน !!]
เช้าวันต่อมาเนื่องจากว่าวันนี้เราจะเช่าเรือไปเที่ยวเกาะจึงต้องตื่นเช้า พวกผมที่นอนน้อยปกติจะขอตัวไม่ไป หรืออ้างว่าไม่ไหว เพื่อจะนอนต่อนั้น
วันนี้กลับตื่นมาพร้อมหน้าพร้อมตากันไปเที่ยว พวกผมตกลงกันว่าจะไม่เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ใครฟังเลยจนกว่าจะกลับกรุงเทพฯ เพราะเดี๋ยวจะหมดสนุกกัน
พอพวกผมนับจำนวนคนปรากฏว่า หายไป 1 คน !!!! พวกเราเลยโทรเช็ค โทรตามเพื่อนคนนี้ กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้น เพราะมันเป็นคนที่เข้ามาปากดีเรื่องผีในบ้านคนแรกเลย
จนพบว่ามันนั้นหนีกลับไปก่อน แล้วบอกกับพวกเราว่าแฟนมันโทรตาม บอกให้กลับตั้งแต่เมื่อเช้า ซึ่งพวกเราก็เชื่อมันเพราะแฟนมันขึ้นชื่อเรื่องขี้หึงมาก
พวกเราก็เลยไปเที่ยวกันต่ออย่างสนุกสนาน จนลืมเรื่องหลอนๆเมื่อคืนไปซะสนิท เมื่อถึงเวลาเย็นที่พวกเราต้องกลับไปที่บ้านพัก ผมกับเพื่อนตัดสินใจว่าคืนนี้ถ้าไม่เมาจนหลับ
ก็จะกินมันยันเช้าหน้าบ้านนี่ละ ใครจะไปหลับลงหลังจากเจอผีเป็นหมู่คณะครั้งแรกในชีวิตกันและอีกอย่างพรุ่งนี้ก็จะกลับแล้วด้วย
เมื่อถึงเวลาแยกย้ายไปนอน พวกผมสามคนจึงบอกกับเพื่อนๆว่า "พวกกูว่าจะกินถึงเช้า ใครสนนั่งเลย" ปรากฏว่าแปลกใจสุดๆไปเลยครับ
พวกขาประจำยันเช้ากลับบอกขอไปนอนไม่ไหว เหนื่อยมาก แต่พวกที่ชอบกินแบบดึงเชง กินพอกึ่มๆ หรือพวกที่ไม่กินเหล้าเลย
เช่น พวกเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มหรือแฟนเพื่อนทั้งหลาย กลับมานั่งขออยู่ยันเช้าด้วย พวกผมได้แต่มองหน้ากันแล้วพยักหน้า แล้วหาเรื่องคุยให้ถึงเช้า
เมื่อถึงเช้าวันกลับ พวกเราที่เก็บกระเป๋ารอกันตั้งแต่เมื่อคืนก็ชวนกันถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก แล้วก็วางแผนไว้ว่าจะกินส้มตำที่ชายหาดก่อนกลับ
พอพวกเราตื่นกันหมดแล้วก็เลยชวนกันไปกิน แล้วก็ถ่ายรูปกันต่อที่ชายหาด พวกเราตัดสินใจกลับกันตอนเย็น เมื่อถึงกรุงเทพฯ พวกเราก็เลยแวะกินข้าวกันก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน
พอพวกเราทานกันเสร็จก็เลยคุยกันตามประสาว่าไปที่ไหนมายังไง ตรงนั้นนี้ดีไม่ดี คราวหน้าเอายังไง เที่ยวไหนกันดี พร้อมทั้งนำโทรศัพท์ที่ถ่ายรูปไว้มาดูกัน
มาส่งให้กันผ่านบลูทูธ (ตอนนั้นยังไม่มีline) มือถือผมตอนนั้นใช้โนเกียจอหมุนได้มีสี รุ่นที่ฮิตกันก็โนเกียใบไม้
"กรี๊ดดดด.....ปัง" เพื่อนผู้หญิงคนนึงในกลุ่มที่ดูรูปจากมือถืออยู่นั้น กรี๊ดพร้อมปล่อยมือถือตกลงพื้น
พวกเราเข้ามาดูอาการแล้วก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนคนนั้นบอกว่า "ดูในรูปสิๆ" พวกเราก็ต้องพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คิดมาก่อนว่าจะพบเจอในชีวิต
มีหน้าของชายปริศนาติดมาในรูปหมู่ของพวกเรา รวมทั้งมีภาพที่อธิบายไม่ได้อีกหลายภาพที่ถ่ายติดมา ซึ่งมือถือตอนนั้นมีสีแล้ว พร้อมความคมชัดสูง ไม่น่าจะเพี้ยนหรือมีข้อบกพร่องของรูปแบบนี้
จะให้บอกว่าเหมือนรูปที่พวกคนที่เอามาออกในรายการผีทางทีวีหยั่งไหงอย่างนั้นเลยก็ได้ครับ พวกเราจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่พบเจอทั้งหมดให้เพื่อนๆทุกคนฟัง
ปรากฏว่าเพื่อนที่ไปกันเกือบทั้งหมดนั้น พบเจอกับเหตุการณ์ประหลาดในบ้านนั้นกันหลายคน แต่ไม่มีใครบอกเพราะคิดเหมือนกันว่า มันจะทำให้ไม่สนุกเลยเก็บไว้ไม่บอกกัน
อย่างคนที่จะไปเอาที่เปิดขวดก็เล่าว่าตอนวิ่งขึ้นไปเอาที่เปิดขวดนั้น เจอคนตัวสูง ใหญ่มากนอนอยู่ในห้อง จึงไม่กล้าจะเข้าไปเอาของแล้ววิ่งกลับลงมา
ไอ้คนที่เตะของไหว้นั้น มันนอนข้างๆผมเจอพร้อมกัน
ไอ้คนที่หนีกลับก่อนนั้น เมียมันก็ไม่ได้โทรตาม มันเจอคนแรกเลยแล้วหนีกลับก่อนไม่บอกเพื่อน
คนสุดท้ายอาการหนักที่สุดคือคนที่หลอกเป็นเจ้าที่ มันบอกว่าตอนนั้นถึงบ้านแล้ว ป้าของมันมาต่อว่ามันว่า มีคนมาบอกว่าไปทำอะไรไม่ดีมา ไปเมามา มันก็ไม่เข้าใจว่าใครมาฟ้อง มันจึงโมโหจะเดินออกไปหน้าบ้าน
ป้ามันก็ตามมาบอกว่าก็เพื่อนแกที่ยืนหน้าบ้านคนนั้นไงบอก มันก็หันไปดูเจอคนๆนึงยืนมองมันอยู่หน้าบ้าน และคนๆนั้นไม่ใช่เพื่อนเราแน่นอน
ต่อมามันจับไข้นอนซมโรงพยาบาลเลยทีเดียว หมอบอกมีอาการเหมือนไข้เลือดออก แต่ไม่ใช่ หรือว่านี่คืออาการที่เรียกว่า จับไข้ หัวโกร๋น ดังคำโบราณกล่าวไว้
หลังจากทานข้าวพร้อมบรรยากาศความกลัวกันเสร็จ พวกเราตัดสินใจกันไปนอนคอนโดผม เพราะมันยังกลัวๆกันอยู่ แล้วตอนเช้าจะไปทำบุญที่วัดพร้อมกันค่อยกลับ เพื่อความสบายใจ
พอเช้าเราจึงไปถวายสังฆทานกันที่วัดใกล้ๆคอนโดผมกัน เมื่อพวกเราเข้าไปนั่งในวัดรอถวายอยู่นั้น พระท่านกลับทักพวกเราว่า
ไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม พวกเราด้วยความที่กำลังตกใจจึงถามว่าท่านรู้ได้อย่างไร พระท่านบอกว่า "โยมที่เดินมากับพวกโยม ที่ยืนอยู่ข้างนอกเขาบอกมา" ............................................................................................
ใครยืนอยู่ข้างนอก ใครตามมา ใครมาบอกพระท่าน ไอ้เชี่ยยยยยยยเอ้ยยยยย ผมคิดในใจตอนนั้น !!!!!!!!!!!!
พวกเราได้แต่เงียบแล้วถวายไป พอเสร็จพวกเราก็เลยตกลงว่าจะต้องกลับไปที่บ้านหลังนั้นเพื่อขอขมา ไม่งั้นอาจจะไม่จบก็ได้ (ตอนนั้นเพื่อนเข้าโรงพยาบาลแล้ว)
พวกเราจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปขอขมา พอเราไปถึงก็เข้าไปถามเจ้าของบ้านเลยว่าที่บ้านนั้นมีผีใช่ป่ะพี่ เจ้าของบ้านกลับหันหน้ามาตอบแบบขำๆว่า "พวกน้องเจออะไรเข้าหละ"
พวกเราก็เลยเล่าให้เจ้าของบ้านฟัง เจ้าของบ้านจึงอนุญาติให้เราเอาของไว้ไหว้เจ้าที่ ที่บ้านนั้นรวมทั้งทำพิธีขอขมา
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเรื่องเล่าของกลุ่มพวกผมมาจนถึงวันนี้ แล้วพวกคุณที่อ่านๆกันอยุ่ละ เคยเจอแบบนี้บางไหม ?
ขอบคุณที่อ่านกันนะครับ ตอนแรกกะว่าจะแต่งเขียนใหม่เลยให้ออกเป็นนิยาย แต่ว่าเริ่มขี้เกียจคิดครับ เลยเล่าเอาง่ายกว่า