*** ออกตัวก่อนเลย ตอนแรกบอกในกระทู้ไลฟ์ว่าจะไม่วิเคราะห์ สุดท้ายก็อดรนทนไม่ไหว อยากหาอะไรพักสมองจากการสอบปลายภาค เลยขอผิดคำพูดหน่อย 5555***
อย่างที่เห็นๆ นะครับ ว่าเหล่าพลพรรคปิศาจแดง ถูกจิ้งจอกสยามกัดมาซะเหวอะ 5-3 หาปี๊บกลับบ้านกันแทบไม่ทัน วันนี้ผมมีของฝากให้แฟนผีนะครับ
ไม่ใช่แล้ว
เข้าโหมดจริงจังกันดีกว่า ผมเชื่อว่า หลังจากจบแมตช์พบ Leicester City แล้ว แฟนผีหลายๆท่าน จะชี้นิ้วไปที่
1. เปา Mark Clattenburg
2. กองหลังระดับ Galapagos (ออกทะเล)
3. ท่านกัปปิตัน 300k
4. ฯลฯ
แต่เราจะมาวิเคราะห์กันอย่างละเอียดดีกว่าครับ ว่าทำไม ทีมเรา จากทำท่าจะปิดเกมส์ได้แล้ว กลับต้องพบการยิง 4 ประตู ในช่วง 20 นาทีกว่าๆ
เริ่มกันที่ Line-Ups ครับ
จาก Line-Ups จะสังเกตได้ว่าแมนฯยูใช้แผน 4-4-2 Diamond เหมือนเกมส์ที่ชนะ QPR
จะมาวิเคราะห์กันทีละหัวข้อเหมือนเดิมนะครับ
1. คนละแผนเดียวกัน
ผมเชื่อว่าแฟนผีหลายๆท่านจะสังเกตได้นะครับ ว่าพลพรรคปิศาจแดงของเรา ไม่ได้เล่น 4-4-2 Diamond ตลอดเวลา มีการสับเปลี่ยนแผนกันจนเรียกได้เลยว่าเป็น คนละแผนเดียวกัน ขนาดแฟนบอลเองอย่างผม ยังแทบจับไม่ได้ ดูมั่วๆ ดูเอาเองละกันนะครับ ว่าท่านๆทันแผนไหนกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็น 3-5-2 4-3-3 และ 4-5-1
ขนาดแฟนบอลยังมั่ว แล้วนักเตะหละครับ จะไม่มั่วเอามากหรอ
2. Rojo โด่ไม่รู้ลืม
ชัดเจนมากเลยละครับ สำหรับนักเตะคนนี้ ที่มีปัญหามาก ผมขอเรียกว่า "โด่ไม่รู้ลืม"
มาดู Heat Map ของ Marcos Rojo ครับ
ขึ้นสูงมาก ขนาดบางครั้งเป็น Wing Back ซะด้วยซ้ำ แล้วตัวเองก็ลงมาไม่ค่อยทัน แถมเจอกับ Tylor Blackett ซึ่งยังไม่มีประสบการณ์มากนัก เรียกได้ว่า เป็นบ่อน้ำมันบ่อใหญ่มาก
ข้อสังเกตนะครับ โอกาสสร้างสรรค์ในการโจมตีของเลสเตอร์ 11 ครั้ง 8 ครั้งมาจากทางซ้ายของ Marcos Rojo และ Tylor Blackett
หรือแม้แต่การเปิดบอล จากทั้งหมด 19 ครั้ง 14 ครั้ง มาจากซีกซ้าย
รูโหว่รูใหญ่รูแรกโผล่ขึ้นมาให้เห็นแล้วนะครับ
3. เกมส์กดดัน
เมื่อครั้งที่แล้วตอนผมวิเคราะห์หลังเกมส์พบ QPR มีท่านสมาชิกยูสนึงพูดถึงการโดนกดดันมากๆ แมตช์นี้แหละครับ ตัวอย่างที่ดีของการโดนกดดันเลย
ผมขอชื่นชมเลสเตอร์อย่างมากนะครับ ที่เป็นทีมที่ วิ่ง สู้ ฟัด ไม่ยอมหยุดเลย
วันนี้ผมจะเน้น Heat Map ให้ท่านดูกันนะครับ เปรียบเทียบของทั้งสองทีม
สังเกตได้เลยนะครับ ว่า เลสเตอร์ มีการเคลื่อนที่กันมากกว่า แสดงว่า มีการกดดันมากกว่าด้วย
ผลของการถูกบีบ ทำให้แมนยู ไม่สามารถบุกได้ถนัด และ กลายเป็นฝ่ายต้องลงมาตั้งรับเองเยอะมาก
4. จุดเปลี่ยนไม่ใช่เพราะจุดโทษ
หลายๆท่านบอกว่า จุดโทษแรกของเลสเตอร์คือจุดเปลี่ยนของเกมส์ เพราะหลังจากนั้นอีกไม่กี่อึดใจ Cambiasso ก็มายิงลูกยิง Trademark ตีเสมอ
แต่ความจริงแล้ว ในจุดนั้น 3-3 เรามีสิทธิ์จะกลับมาขึ้นนำได้อีกครั้ง แต่เป็นเพราะการเปลี่ยนตัว ที่เอา
"ตัวที่เล่นดีที่สุดในเกมส์" ออก อย่าง A.Di Maria แล้วส่ง Juan Mata ลงมา
ข้อแตกต่างของ Mata กับ Di Maria ผมเคยอธิบายไปในบทความแรกของผมเลย คือ
ต่างคนต่างมีดี แต่ขึ้นอยู่กับการใช้งาน เกมส์นี้ ความจริงดูจะเหมาะกับ Di Maria มากกว่า เพราะ เกมส์นี้ต้องการตัวสร้างสรรค์และทะลุทะลวง
Mata เองก็มีส่วนนั้น เพียงแต่ดูตัว Mata กับกองหลังของ Leicester สิครับ ยังกับช้าง ขนาด Di Maria เองยังโดนไล่เตะซะน่วมเลย ตัว Mata เองยิ่งแล้วไปใหญ่ บอลถึงเขา มีเพียงแค่จังหวะสองจังหวะเท่านั้นที่พาขึ้นไปได้
5. 3 กองหน้า มีคนต้องนั่ง
แม้ว่าทีมเราจะมีกองหน้าระดับเวิล์ดคลาส ถึงสามตัว แต่สำหรับผม การลงพร้อมกัน ถือเป็นหายนะ แม้ว่าบางท่านบอกว่า เห้ย ! มันก็ดูไม่เห็นเลวร้ายตรงไหน
ผมจะให้ทรรศนะอย่างนี้นะครับ
5.1. Rooney ควรเล่นกองหน้า
บางท่านอาจแย้งผมอย่างรุนแรงในข้อนี้ว่า Rooney เล่น Playmaker ก็ได้ 1 assist นิ อย่ามองแต่ assist สิครับท่าน
นับดูนะครับ 4 ครั้งเท่านั้นที่ผ่านบอลขึ้นไป แล้วสำเร็จ ที่เหลือคือ ป้ายออกข้าง
มันทำให้เห็นเลยว่า การจับเขามาเล่นตำแหน่งนี้ มันไม่เหมาะเอาเสียเลย อย่างเขา สิ่งที่ควรทำคือ การเป็นกองหน้ามากกว่า
5.2. การขาดตัวสร้างสรรค์เกมส์
เมื่อ กองหน้าสามคนลงด้วยกัน แน่นอนว่า Rooney ต้องถอยต่ำมาเล่นหลังหน้าสองตัว ซึ่งพบกับปัญหา กองหน้าอีกสองตัวก็จะเหมือนถูกตัดท่อลำเลียงออกทางหนึ่ง เหลือแต่เพียงริมเส้น ซึ่งก็พึ่งได้แต่ Di Maria ที่คอยกระชากลากเลื้อยอยู่
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลครับว่า ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งยอมนั่ง Falcao หรือ RVP ก็แล้วแต่ละครับ
แล้วจะใส่ใครแทน ?
1. MATA ทำการทะลุทะลวงตรงกลางได้ แต่ข้อเสียคือ ตัวเล็ก เจอกองหลังแพคแน่นๆก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
2. DI MARIA ถ้าเราหาปีกได้เพิ่มซักตัว DI MARIA ก็ถือเป็นชอยส์ที่ดีชอยส์หนึ่งเลยทีเดียว เพราะหลายครั้งที่เขาสอดเข้ามาตรงกลาง แล้วสร้างสรรค์โอกาสได้ดีระดับหนึ่งเลย
6. กองหน้า Galacticos กองหลัง Galapagos
ผมเก็บข้อนี้ไว้เป็นข้อสุดท้ายเลย
ให้ดูกันจะๆอีกแล้วครับ
1. พื้นที่การเข้าทำ (Heat Map)
กองหลังแมนยู กับ เลสเตอร์ แมนยู ดูจะไม่ค่อยขยับป้องกัน เท่ากับ เลสเตอร์นะครับ ที่พอเข้าเขตตัวเองปุ๊บ กองหลังเขาไล่หนักเลย
2. Take Ons (การแย่งบอลจากการจ่ายผิดพลาด หรือ แย่งจากเท้า)
เลสเตอร์ก็ทำได้มากกว่า
3. Arial (ลูกกลางอากาศ)
ชัดเจนชัดแจ้งเลยนะครับ เลสเตอร์สูงกว่าโข
นอกจากนั้นนะครับ ประตูที่เสียของเราทั้ง 5 ลูก มาจากความผิดพลาดของกองหลังไปขั้นต่ำ 4 ลูก
คือ ลูกที่ 1 2 4 5
ลูกที่ 1
จังหวะแรกเลย Rojo พลาด เคลียร์บอลไม่ขาด
แม้ว่าลูกเปิดจะออกหลังไปแล้ว แต่เมื่อเปิดมา
กองหลังสองตัวในกรอบเขตโทษ มี Ulloa อยู่ตัวเดียว แต่กลับปล่อยให้เขาวิ่งหนีมาเทคตัวขึ้นโหม่งได้
ลูกที่ 2
อันนี้ Rafael เลยนะครับ ไม่มี comment มาก เคยเสียจากจังหวะแบบนี้มาครั้งนึงแล้ว ผมจำไม่ได้ว่าแมตช์ไหน (ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ)
ลูกที่ 4
4 คนของแมนยูในภาพนะครับ มี Blackett Blind Smalling และ Herrera
คำถามคือ ไหน Rojo ?
ท่านไปตามคลิปเอานะครับ จังหวะนี้ Rojo อยู่ข้างหน้า คู่กับ Mata เลย และเขาก็หลุดตำแหน่ง ทิ้งไว้ให้ Blackett อยู่ตัวเดียว
ลูกที่ 5
สถานการณ์มันบีบให้ Blackett ทำครับ ถามว่าบีบอย่างไร
Smalling ครับ ปล่อยให้ Ulloa ยืนอยู่เดี่ยวๆเลย หรือแม้แต่ Rafael เช่นกัน ถ้าใครซักคนมาบีบ อาจไม่ประชิด แต่พอกดดันได้ Blackett ก็คงไม่เข้าพรวดแบบนั้น
เลยโดนใบแดงไปตามระเบียบ
พอเสียลูกที่ 5 เท่านั้นแหละครับ ผมอุทานขึ้นมาเลยว่า "กองหลัง แ*่ง ยังกะจะออกทะเลไปเที่ยวกาลาปากอส !"
นั่นไงครับ กองหน้า Galacticos กองหลัง ออกทะเลไป Galapagos หมด
อาทิตย์นี้อาจเป็นอาทิตย์ที่น่าหดหู่สำหรับแฟนปิศาจแดงนะครับ ผมอยากจะให้พวกท่านมองโลกในแง่ดีว่า. . .
ทีมเรายิงได้ตั้ง 3 ลูกแหนะ !. . .
สู้ต่อไปครับพลพรรคปิศาจแดง !!!
ปล.1. อยากเห็นฟานฮาลลงมากระตุ้นลูกทีมมากกว่านี้
ปล.2. วันนี้ ผมยอมรับเลยว่า การวิเคราะห์แมตช์ครั้งนี้ ผมอาจเบลอๆ มึนๆ ไปบ้างนะครับ ขออภัยทุกท่านด้วย วันนี้ผมพึ่งสอบ FINAL วันแรกไป พรุ่งนี้หยุด มะรืนนี้สอบยาวถึงวันศุกร์เลยทีเดียว เมื่อวานก็ไม่ได้ดูเต็มที่เพราะอ่านหนังสือ (ดูขยันความจริงมาอ่านวินาทีสุดท้าย 
)
ขอบคุณครับ
: 0 ใบ
: 0 ใบ
My Locker
