ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status: "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน"
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 26616
ที่อยู่: รับบูชาพระเครื่อง วัตถุโบราณ ของแปลก PM
โพสเมื่อ: Sun Aug 31, 2014 23:47
อีกมุมหนึ่งของการจมของเรือ "ไททานิค"
... “เรือไททานิคถูกทำให้จม ตามแผนการครองโลกของกลุ่มนายธนาคาร”
... ตามการรับรู้สู่สาธารณะชนทั่วไปเรือไททานิคนั้นถูกจ่มลงโดยการชนภูเขาน้ำแข็งโสโครกอย่างแรงจนทำให้ล่มลงจนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 1,517 คน ของวันที่ 23.40 ดึกคืนวันที่ 14- เช้าตรู่15 เมษายน 1912
... แต่ถ้าสาวลึกลงไปจะพบความจริงอีกชุดที่ว่า เรือไททานิคเป็นเรือที่อยู่ในโครงการเรือสามใบเถา ของบริษัท “เจ พี มอร์แกน” ที่ต้องการสร้างระบบขนส่งมวลชนทางน้ำที่เชื่อมระหว่างฝั่งยุโรปและอเมริกาในปี 1908 ที่กำลังพัฒนาสู่ระบบอุตสาหกรรม คือ เรือ Olimpic, Titanic, Britanic, โดยก่อนนั้น โอลิมปิกได้ถูกสร้างเสร็จและใช้ไปก่อนแล้ว แต่โชคร้ายที่เกิดไปชนกับเรือของกองทัพเรืออังกฤษ HM Hawker ในเดือนกันยายน ปี 1911 และเมื่อสืบสวนต่อมาก็เพราะว่าเป็นความผิดของ เรือโอลิมปิก ทำให้ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ยังไม่นับ ค่าซ่อมแซมเรือที่มหาศาล และ เงินที่เสียโอกาศจากรายได้ในการเดินเรือ
... ในขณะที่เรือไททานิคสร้างกำลังจะเสร็จที่อู่ต่อเรือ Harland, Wolf ใน Belfast ไอร์แลนด์ และเรือโอลิมปิกก็ถูกส่งไปซ่อมแซมครั้งใหญ่ ภาพเรือพี่น้องสองสาว ที่ขนาดหน้าตาเหมือนกันมากแบบฝาแฝด จอดเทียบเคียงข้างกันอยู่ เจ้าหน้าที่ของ White Star Line ที่เป็นบริษัทบริหารการเดินเรือจึงเกิดความคิดที่จะหาเงินมาเข้ากระเป๋าแบบไม่ซื่อ จากคำเล่าขานของคนงานในอู่ต่อเรือที่มีความคุ้นเคยและรู้รายละเอียดของเรือเล่าต่อกันมาว่า มีการเปลี่ยนชื่อ แต่งเติมทาสี เพื่อ”สลับร่างสร้างเรือ” กันระหว่างสองลำ เพื่อจะทำให้เรือพี่โอลิมปิกที่กำลังป่วยหนักซ่อมแซมอยู่ในอู่ กลายเป็นเรือลำน้องไททานิค ที่กำลังรอวันเปิดตัวเดินทะเล เพื่อหวังจมเรือโอลิมปิกในร่างชื่อไททานิค และหวังเอาเงินประกันการเดินเรือ จากบริษัทประกัน
... ดังนั้นเรื่องจริงก็คือ เรือไททานิคตามชื่อในสื่อหน้าข่าวที่ถูกจมลง แท้ที่จริงคือร่างเรือที่ป่วยหนักของเรือพี่สาวโอลิมปิกที่ยังซ่อมไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมแต่พอใช้งานได้นั่นเอง นอกจากคำบอกเล่าของคนงานเรือแล้ว ผู้เชี่ยวชาญเรื่องเรือก็บอกว่าสีของเรือพี่โอลิปปิกจะมีสีขาวมากกว่า ส่วนเรือน้องจะสีดำมากกว่าในส่วนท้องเรือ และส่วนรูกลมด้านข้างที่เป็นลายขอบเรือก็จะไม่เหมือนกัน ประกอบกับเมื่อปี 1995 ได้มีการดำน้ำไปถ่ายรูปเรือที่จม ในจุดที่อ้างว่าโดนภูเขาน้ำแข็ง ก็ปรากฎว่าท้องเรือจุดนั้นเป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ที่เกิดจาดแรงระเบิดมากว่าแรงชนด้านข้าง
... ซึ่งก็สอดคล้องกับอีกทฤษฎีที่ว่าอาจถูกยิงตอร์ปิโดจากเรือ U ของเยอรมัน ที่เป็นทีมงานหนึ่งสมคบกับเจ้าของเรือ และเรือไททานิคแท้ๆเองนั้น ตามข้อมูลบอกว่าหลังจากเรือโอลิมปิกโดนชนช่วงท้องเรือ ไททานิคก็ได้เสริมเหล็กเหมือนกันชนด้านท้องเรือช่วงด้านข้างเข้าไปอีก ทำให้โอกาศที่จะหักสองท่อนนั้นค่อนข้างยากตามการทดสอบทางวิศวกรรมเมื่อ 100 ต่อมาจากซากเรือ
... ซึ่งจากจมครั้งนั้น เจพีมอร์แกนก็ได้เงินค่าประกันคืนมาเป็นการลวงต้มตุ๋นเอาเงินครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งก็มีคำถามตามมาอีกมากมาย เช่น
“และในวันเดียวกันนี้เอง ไททานิกได้รับวิทยุโทรเลขเตือนเรื่องภูเขา น้ำแข็งในเส้นทางเดินเรือถึง 6 ครั้งจากเรือเดินสมุทรในสายแอตแลนติกเหนือ อาทิ จากเรือ อาร์เอ็มเอส แคโรเนีย (RMS Caronia), อาร์เอ็มเอส บอลติก, เอสเอส อเมริกา (SS Amerika) [22], เอสเอส แคลิฟอร์เนียน (SS Californian) และ เอสเอส เมซาบา (SS Mesaba) ฯลฯ และที่ร้ายก็คือ เมื่อเวลา 21.45 น. ไททานิกได้ รับวิทยุโทรเลขเตือนว่ามีภูเขาน้ำแข็งและน้ำแข็งกระจัดกระจายอยู่ในเส้นทาง ข้างหน้า แต่พนักงานวิทยุโทรเลขไม่ได้ส่งข้อความนั้นให้แก่กัปตันหรือเจ้าหน้าที่เรือ คนใดเลย ทั้งนี้ เพราะมัวยุ่งอยู่กับการส่งวิทยุโทรเลขให้แก่ผู้โดยสาร”
... หรือคำถามที่ว่ากับตันเรือเอ็ดเวิร์ด จอห์น สมิธ ที่มีประสบการณ์มากในการเดินเรือย่านนี้หลายสิบปีทำไมจะไม่รู้ร่องแนวภูเขาน้ำแข็งเลยหรือซึ่งผิดสังเกตมาก และที่สำคัญ ตอนเจอภูเขาน้ำแข็งทำไมผู้จัดการเรือ อิสเมย์ ของไวต์สตาร์ สั่งให้กับตันเรือเอ็ดเวิร์ด จอห์น สมิธให้เร่งความเร็วสูงตอนนั้นพอดี โดยแม้จะอ้างว่าเพื่อทำเวลาให้ดีกว่าเรือโอลิมปิกในการถึงที่หมาย แต่มาเร่งกลางภูเขาน้ำแข็ง ยิ่งกว่านั้นบางคนบอกว่าเขายังมีแผนสองที่จะทำให้เกิดไฟไหม้ในเรืออีกด้วย
... นั่นยังไม่เพียงพอสำคัญความอื้อฉาวของเรือไททานิค เพราะความจริงอีกชั้นที่ลึกลงไปอีกจะทำให้เห็นภาพรวมของผู้จัดการการจมเรือครั้งนี้ เพราะแท้จริงแล้วเป้าหมายหลักของ “การจมเรือไททานิค” ครั้งคือการกำจัดคนที่ไม่เห็นด้วยกับ การตั้ง “ธนาคารกลางของอเมริกา” หรือ Federal Reserve ที่เจ้าของเรือทั้งสามคือ เจพี มอร์แกนเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดตั้งขึ้น โดยร่วมมือกับอีกสองตระกูลดังคือ รวมกันเป็นสามตระกูลพ่อค้านายทุนธนาคารใหญ่ อย่างร๊อกกี้เฟลเลอร์ มอร์แกน และ ร๊อธไชลด์ ( Rockefeller, Morgan, and .Rothschilds ) โดยทั้งสามเป็นหัวเรือใหญ่ของแนวคิด “เสรีนิยมใหม่” ที่นิยามแบบชาวบ้านก็คือว่า “ให้พ่อค้านายทุนปกครองรัฐบาล และ รัฐบาลก็ปกครองชาวบ้าน” เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรม จึงต้องให้เอกชนนายทุน นายธนาคารมีบทบาทสูง มีอิสระมากไร้เขตจำกัดใดๆจากกฎหมายของรัฐ
... แต่มีตระกูลพ่อค้าอีกกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยในการตั้ง ธนาคารกลางจึงเกิดการขัดแย้งขึ้นและสุดท้ายกลุ่มที่ต่อต้านก็ถูกกำจัดโดยทั้งหมด ทั้งหมดได้โดยสารอยู่ในเรือลำนี้ทั้งหมดคือ Benjamin Guggenheim, Isa Strauss, Jacob Astor จมไปพร้อมกับเรือไททานิค (ปลอม) ส่วน เจพี มอร์แกนและเพื่อนๆ งดเดินทางไปกับเรือแบบนาทีสุดท้าย โดยอ้างว่าป่วย พร้อมกับงดขนของมีค่าไปกับเรือด้วย อย่างน่าสงสัย
... หลังจากนั้นปีเดียว1913พรบ. ธนาคารกลางอเมริกาก็ได้เกิดขึ้นภายใต้ประธานิบดี วู๊ดโรว์ วิลสัน ที่นายธนาคารอุดหนุนการเงินมาโดยตลอด ตอนนั้นถ้าจะมองให้เห็นภาพ คือเป็นปีก่อนการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี1914 เพราะนายธนาคารเหล่านี้ต้องการตั้งธนาคารกลางขึ้นมาให้ทันก่อนสงครามโลกที่มีแนวโน้มจะระเบิดขึ้นในยุโรป และพอสงครามเกิดขึ้นทำให้ประเทศต่างๆเหล่านั้นทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อเมริกาต่างเป็นลูกหนี้ของนายธนาคารเอกชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นเชื้อสายยิว เป็นอย่างมาก เพราะต้องกู้มาสร้างกองทัพ
... สุดท้ายหลังสงครามระบอบกษัตริย์ได้สลายไปพร้อมกับสงคราม เช่นเยอรมัน ตุรกี รัสเซีย กลุ่มนายธนาคารดังกล่าวที่มีเครือข่ายทั่วยุโรปและอเมริกา ก็เป็นใหญ่ครองโลกมาตั้งแต่บัดนั้น สอดคล้องกับแผนการของกลุ่ม “ยิว ไซออนนิสต์” ที่ตั้งขึ้นมาในปี 1897 ในบาเซิล สวิทเซอร์แลนด์ที่มีจุดประสงค์เพื่อตั้งประเทศตัวเองให้ได้ และ “ต้องการครองโลก” ตามแผนที่เขาร่างออกมา “The Protocol” ของ Zionism
... ปัจจุบัน “ธนาคารกลางของอเมริกา” ที่เป็นเอกชน ( ไม่ใช่รัฐบาล ) ยังคงปกครองอเมริกา และโลกอยู่ โดยมีจุดเริ่มจาก “การจมเรือไททานิค(ปลอม)” ในวันนั้นเมื่อ 102 ปีก่อน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน และ ไว้อาลัยต่อผู้จากไป
Credit :
แก้ไขล่าสุดโดย Sigmund•VI เมื่อ Tue Oct 07, 2014 02:02, ทั้งหมด 4 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ