ขอนำบทความจากเว็บ
www.manuclubthailand.com โดย
AJ44@แมนยูคลับ.com
มาให้ทุกคนอ่านกันเพลินๆครับ หากข้ำขออภัย
นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะปรับเปลี่ยนสไตล์และระบบการเล่นของทีม”ปีศาจแดง”เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงไปของฟุตบอลสมัยใหม่ ด้วยการดึง คาร์ลอส เคยรอซ โค้ชชาวโปรตุกีส เข้ามาเป็นผู้ช่วยด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้น คือการนำความทันยุคทันสมัยมาสู่สโมสรแห่งนี้ทั้งในและนอกสนาม
เนื่องจากโค้ชชาวโปรตุกีสรายนี้ผ่านการทำงานกับหลายทีมในยุโรป และบรมครูชาวสก็อตต์มองว่าโค้ชรายนี้คือผู้สืบทอดตำแหน่งนายใหญ่ในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด (เรื่องนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เผยผ่านหนังสืออัตตชีวประวัติของเขา) จนกระทั่งเขาเข้าไปรับงานคุมทีมชาติโปรตุเกสแม้โค้ชชาวโปรตุกีสจะอำลาทีมไปแล้วแต่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังคงเดินหน้าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องภายใต้การนำของ เซอร์ อเล็กซ์ และแท๊กติกบางส่วนของ เคยรอซ ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เก็บไว้ใช้กับทีม
หลังการวางมือจากการคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ สิ่งที่ทำให้ผู้คนประหลาดใจมากที่สุดคือการที่เขาเลือก เดวิด มอยส์ เข้ามาเป็นทายาท โดยเชื่อว่ากุนซือเพื่อนร่วมชาติสามารถนำเสนอความขยันทุ่มเทและ”ความซื่อสัตย์”ในการทำงานมาสู่ทีม ซึ่งจะช่วยรักษาความสำเร็จให้อยู่คู่กับสโมสรต่อไป โดยลืมไปว่าสิ่งที่สำคัญต่อสโมสรนี้มากกว่า”ความยอดเยี่ยมในฐานะบุคคล” ที่ เดวิด มอยส์ มี คือความก้าวหน้าจากการทำงานที่ยอดเยี่ยมผ่านผลงานของทีมในสนาม ซึ่งเป็นสิ่ง เซอร์ อเล็กซ์ ทำมาโดยตลอดในช่วง 26 ที่เขานั่งบัลลังก์นายใหญ่แห่งถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด
ต่างจากในตอนนี้ที่ หลุยส์ ฟาน กัล เพิ่งเข้ามากุมบังเหียนได้ไม่นานนัก กุนซือชาวดัตช์กลับทำให้เรารู้สึกได้ถึงพัฒนาการของทีมที่แท้จริง จากการทำงานทั้งในและนอกสนามในชนิดที่เราเรียกว่า”เก็บทุกรายละเอียด”ของกุนซือวัย 62 ปี
ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรัชญาการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด คือการเล่นเกมเร็วจากสปีดบอลอันรวดเร็ว และการเล่นในพื้นที่ด้านกว้างเพื่อเพิ่มความสับสนให้แก่คู่แข่งด้วยการเข้าทำจากทุศทิศทุกทาง แต่หากเรามองดูจากเกมที่เอาชนะ แอลเอ กาแล็กซี่ 7-0 และชนะ โรม่า 3-2 จะเห็นได้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีวิธีการเล่นที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนี่เป็นเพราะผู้จัดการทีมที่มีปรัชญาในการทำทีมที่แข็งแกร่งและมีแท๊กติกการเล่นที่ทันยุคอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล การเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะนี้จะต้องพิจารณาจากวิธีการทำเกมของทีมที่มีการพัฒนา ไม่เหมือนที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ที่บางครั้งทีมเล่นเกมเร็วจนเกินไป ทำให้ไม่อาจคุมจังหวะการเล่นของทีมได้ และไม่อาจกะระยะในการเคลื่อนที่เพื่อสร้างโอกาสให้ทีม นี่จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายว่าทำไมผู้เล่นอย่าง ชินจิ คากาวะ และ ฆวน มาต้า ถึงเล่นได้ไม่โดดเด่นกับทีมเนื่องจากพวกเขามักถูกเพื่อนร่วมทีมมองข้ามในขณะที่สอดเข้าไปอยู่ในพื้นที่แคบ ๆ หรือในพื้นที่ว่าง ที่เพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กทั้งคู่หาช่องในการสร้างโอกาสให้ทีมได้
และเมื่อทีม”ปีศาจแดง”จบการอุ่นเครื่องในสหรัฐอเมริกาด้วยการชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 คว้าแชมป์ฟุตบอลรายการอินเตอร์เนชั่นแนล แชมป์เปี้ยนส์ คัพ ด้วยแล้ว เรายิ่งมองเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของทีมอย่างชัดเจน โดย แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของ ฟาน กัล จบการเล่นเกมอุ่นเครื่อง 5 นัด ด้วยการชนะรวด(จาการดวลจุดโทษ 1 นัด) ยิงไป 16 ประตู และ เสียเพียง 4 ประตู ซึ่งแตกต่างจากเกมอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาลที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
เอาล่ะ!! หลายคนอาจจะบอกว่าอย่าตื่นเต้นกับผลงานของทีมมากจนเกินไป เพราะเกมเหล่านี้เป็นเพียงการเล่นกระชับมิตรก่อนเปิดฤดูกาลเท่านั้น แต่กับการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิงได้ถึง 16 ประตู จาก 5 นัด ทั้งที่การประสานงานและความลงตัวของทีมกับระบบการเล่นใหม่ยังไม่ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีที่สุด อ้างอิงจากการให้สัมภาษณ์ของ ฟาน กัล ที่ขอเวลาอย่างน้อย 10 สัปดาห์ เพื่อทำให้ทีมเล่นได้อย่างที่เขาต้องการ ย่อมเป็นสิ่งที่พวกเราควรตื่นเต้นกับมันใช่ไหมล่ะ
แต่ในบทความนี้เราจะชี้ให้เห็นถึงสาเหตุที่ทีม”ปีศาจแดง”ยิงประตูคู่แข่งได้มากขึ้น เกิดขึ้นได้ก็เพราะทีมมีช่องทางในการผ่านบอลในพื้นที่ที่เหมาะสมอันมาจากการเคลื่อนที่ของนักเตะควบคู่ไปกับการเดินทางของบอลไปตามตำแหน่งต่าง ๆระหว่างนักเตะในทีมได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้โอกาสในการเข้าทำที่มีคุณภาพที่ดีกว่าได้ถูกสร้างขึ้น ต่อมาก็ถูกเปลี่ยนเป็นประตูมากมายดังที่เราได้เห็นกันไปแล้ว
พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับช่องทางการผ่านบอลนั้นอยู่ตรงไหนบ้างล่ะ? พื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการผ่านบอลคือพื้นที่ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ของปีกกับโซนตรงกลางสนาม ดังภาพประกอบด้านล่างนี้
เหตุผลสำหรับการที่ต้องเจาะเข้าทำตรงพื้นที่ว่างบริเวณนั้น ก็เพราะโซนตรงกลางจะมีความแออัดจากกองกลางของคู่แข่งที่จะสลับหมุนเวียนมาป้องกันพื้นที่ตรงกลางอย่างแน่นหนา ใขณะที่พื้นที่ของปีกก็จะถูกแบ็คของคู่แข่งป้องกันไว้ด้วยเช่นกัน ดังนั้น ช่องว่างที่อยู่กึ่งกลางระหว่างสองโซนนี้ จะเป็นพื้นที่ ที่ถูกทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดในยุโรปอย่าง บาเยิร์น มิวนิค,บาร์เซโลน่า และ แมนฯ ซิตี้ ใช้ประโยชน์ ขณะที่นักเตะแนวรุกที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันอย่าง เมสซี่,ซิลบา,โรนัลโด้,อเกวโร่ และ อิเนียสต้า มักจะทำได้ดีในพื้นที่ตรงนี้ เพราะบรรดานักเตะเกมรุกเหล่านี้จะหาจังหวะเคลื่อนที่ไปที่ช่องว่างบริเวณนี้ ซึ่งจะมีมุมสำหรับการเล่นของพวกเขาอย่างอิสระ และใช้จินตนาการในเกมรุกของพวกเขาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการรับบอลแล้วจ่ายให้เพื่อน,วิ่งดึงตัวประกบ และลากเข้าไปยิงประตูเอง
“มันเป็นเรื่องการชิงจังหวะเล่นระหว่างไลน์ของนักเตะ การหาช่อง ซึ่งมันจะอยู่ระหว่างไลน์เหล่านั้นเสมอ เพราะระบบการเล่นนี้มันเป็นเรื่องยากที่คู่แข่งจะเอาชนะคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีนักเตะที่มีคุณภาพเฉพาะตัวสูง”
หลุยส์ ฟาน กัล
ตอนต่อไปเราจะมีภาพประกอบบทความนี้จากการเล่นของทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมกับ โรม่า มาอธิบายถึงระบบการเล่นนี้ รอติดตามอ่านได้นะครับ
ขอบคุณภาพประกอบจาก : LiveLiveUnited
AJ44@แมนยูคลับ.com
_______________________________________________________________________________________________
ต่อจากไขปมแท๊กติกการเล่นที่แข็งแกร่งของ “หลุยส์ ฟาน กัล” (เกมรุก1.1)
มาถึงตอนต่อของบทความที่แล้ว ซึ่งเราพูดถึงสาเหตุที่ทำให้เกมรุกของทีม”ปีศาจแดง”ภายใต้การนำของ หลุยส์ ฟาน กัล ดุดันขึ้นผิดหูผิดตา และมีมิติการเล่นที่หลากหลายนั้น เป็นเพราะกุนซือชาวดัตช์วางระบบ,แท็กติกการเล่นของทีมให้มีช่องทางสำหรับการผ่านบอลที่เหมาะสม โดยในตอนนี้เราจะนำภาพในเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด พบ โรม่า มาอธิบายถึงระบบการเล่นแบบนี้ และต่อไปนี้เราขอเรียกพื้นที่ที่เหมาะสมซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างพื้นที่ของปีกกับโซนตรงกลางสนามว่าพื้นที่”กึ่งกลาง”เพื่อความเข้าใจที่กระชับนะครับ
นอกจากฟูลแบ็คทั้งสองฝั่ง(เจมส์กับวาเลนเซีย) จะสังเกตได้ว่านักเตะทุกคนในทีมจะยืนตำแหน่งทั้งในโซนกลางสนามหรือในพื้นที่”กึ่งกลาง”(วงกลมสีแดง)
ในภาพนี้ ไทเลอร์ แบล็คเกตต์(วงกลมสีแดง) ได้ครองบอลและกำลังมองหาเพื่อนร่วมทีมเพื่อเริ่มสร้างจังหวะการเล่นของทีม เวลเบ็ค(วงกลมสีฟ้า)ยืนตำแหน่งค้ำอยู่สูงในแดนของ โรม่า ในขณะที่ รูนี่ย์ และ มาต้า(วงกลมสีเหลือง)ยืนตำแหน่งอยู่ในพื้นที่”กึ่งกลาง”ของ โรม่า(ตรงกลาง+ด้านข้าง) ซึ่งส่งผลให้ อันเดร์ เอร์เรร่า(วงกลมสีเขียว)มีพื้นที่ว่างมากมายสำหรับการรับบอลไปเล่นในจังหวะต่อไป
ไทเลอร์ แบล็คเกตต์ ไม่ได้มีความเร็วพอที่จะกระชากบอลผ่านนักเตะของ โรม่า แต่ในขณะเดียวกัน นักเตะโรม่าก็ต้องวิ่งไปปิดพื้นที่ของ เอร์เรร่า ที่ยืนอยู่พื้นที่กึ่งกลางค่อนไปในโซนกลางสนาม ทำให้พื้นที่ถูกเปิดขึ้นให้ แบล็คเกตต์ พาบอลเคลื่อนที่เข้าไป ซึ่งเขาพาบอลเคลื่อนที่เข้าไปในพื้นที่”กึ่งกลาง” และในพื้นที่ตรงนั้นเขาจะมีพื้นที่จากทุกมุมของสนามเป็นตัวเลือกสำหรับการผ่านบอลจังหวะต่อไปของเขา
มาต้า ดึงตัวเองลงต่ำมารับลูกผ่านจาก แบล็คเกตต์(วงกลมสีแดงทั้งสองอัน)เพื่อหลอกล่อกองหลังของโรม่า ให้หลุดออกมาจากรูปทรงโซนรับของพวกเขา
จากการถอยลงต่ำของ มาต้า เป็นผลให้ เวลเบ็ค(วงกลมสีแดง) มีช่องวิ่งไปรับบอลในจังหวะต่อไป
เราจะเห็นได้ว่า เวลเบ็ค มีพื้นที่”กึ่งกลาง”ซึ่งว่างอยู่ ให้เขาได้ใช้ประโยชน์(ในวงกลมสีขาว) และกองหน้าทีมชาติอังกฤษกำลังจะไปรับบอลในพื้นที่สุดท้ายที่จ่ายมาจาก มาต้า แต่น่าเสียดายที่ในจังหวะนี้ ที่ในทีแรก เวลเบ็ค ตัดสินใจเลือกที่จะวิ่งไปรับบอลตรง ๆจาก มาต้า ก่อนที่จะ(คิดได้)วิ่งตัดหลังแนวรับของ โรม่า ทำให้เขาช้าเกินกว่าจะได้บอลในจังหวะนี้
หากการเริ่มต้นสร้างจังหวะการเล่นของทีมมาจากนักเตะวิงแบ็คมากกว่าที่จะเป็นนักเตะที่อยู่ในพื้นที่”กึ่งกลาง” การผ่านบอลก็คงไม่อาจไปถึง มาต้า ได้ง่าย ๆเช่นเดียวกันกับหาก มาต้า เคลื่อนที่ไปยืนอยู่ในตำแหน่งที่กว้างเกินกว่าพื้นที่”กึ่งกลาง” บอลก็จะไปไม่ถึงเขา และพื้นที่สำหรับ เวลเบ็ค ก็จะไม่ได้ถูกสร้างขึ้น ซึ่งในจังหวะต่อมาการเล่นของทีมก็สามารถผ่านบอลเปลี่ยนไปยังนักเตะที่อยู่ริมเส้น และโดยส่วนใหญ่อาจเป็นไปได้ทั้งการครอสบอลเข้ามาที่เขตโทษคู่ต่อสู้ หรือผ่านบอลกลับเข้ามาให้ เวลเบ็ค หากว่าพื้นที่ริมเส้นถูกแนวรับคู่แข่งปิดไว้
ภายใต้การคุมทีมของ ฟาน กัล นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมองหาเพื่อนร่วมทีมที่วิ่งสอดตัวเองไปตามพื้นที่ต่าง ๆมากขึ้น และคิดล่วงหน้าไว้ก่อนในยามที่พวกเขาจะผ่านบอล แทนที่จะสาดบอลยาวขึ้นไปข้างหน้าหรือผ่านบอลยาวทะแยงมุมไปด้านกว้าง ซึ่งจากที่ผ่านมา นี่มักจะเป็นตัวเลือกแรกของพวกเขาเสมอในยามที่จะผ่านไปให้เพื่อนร่วมทีมที่อยู่โซนตรงกลาง และด้วยความจริงที่ว่ารูปทรงการเล่นของทีมที่ หลุยส์ ฟาน กัล วางไว้ให้ทีมนั้นสนับสนุนการเล่นของทีมทำให้มีช่องผ่านบอลเข้าตรงกลาง ด้วยรูปทรงการเล่น”แบบสามเหลี่ยม”ที่มีให้มากที่สุด ทำให้การผ่านบอลไป-มาระหว่างนักเตะในทีมทำได้ไหลลื่นกว่าที่เคย
ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าด้วยรูปทรงการเลน”แบบสามเหลี่ยม”จำนวนมาก ทำให้นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด มีช่องสำหรับผ่านบอลสูงสุดจากหลายทิศทาง ซึ่งทำให้การถ่ายบอลไป-มาระหว่างนักเตะทำได้ดีขึ้น
ภาพนี้จะเห็นได้ว่า นักเตะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในวงกลมสีแดง กรูกันเคลื่อนที่เข้ามาในพื้นที่ตรงกลางเพื่อมาเป็นตัวเลือกสำหรับการผ่านบอล เป็นผลให้นักเตะ โรม่า ต้องวิ่งตามมาประกบ และเปิดช่องว่าง เอร์เรร่า(วงกลมสีฟ้า) ซึ่งมีไหวพริบในการยืนตำแหน่งในแดนกลางที่ดีมาก ได้รับบอลจากในจังหวะนี้
จังหวะต่อมา เอร์เรร่า รับบอลแล้วม้วนหนึ่งจังหวะก่อนที่จะผ่านให้ เวลเบ็ค((วงกลมสีแดง) ที่ยืนตำแหน่งในพื้นที่”กึ่งกลาง” ที่ทั้ง ซัวเรส และ สเตอร์ริดจ์(ขออนุญาตนำมาเป็นตัวอย่าง) ยิงประตูได้มากมายในฤดูกาลที่แล้ว จากจังหวะแบบนี้
แต่น่าเสียดายที่ เอร์เรร่า ผ่านบอลแรงไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เจตนาของกองกลางสแปนิชก็ต้องการที่จะทำอย่างนั้น
ด้วยรูปแบบการเล่นในลักษณะนี้ ส่งผลให้ทีมมีการสร้างโอการเข้าทำที่มีคุณภาพมากขึ้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายว่าทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงยิงได้ 16 ประตู จากการเล่น 5 นัด การเคลื่อนที่ของนักเตะมีความสำคัญในลักษณะการเล่นของระบบนี้ เพราะหากไม่มีการเคลื่อนที่ที่ดีของนักเตะในยามที่ทีมได้ครองบอล การได้ครองบอลของทีมก็จะไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง เมื่อมีนักเตะที่ถอยตัวเองลงต่ำ นักเตะคนอื่นก็ควรสลับขึ้นไปยืนค้ำในตำแหน่งที่สูงเพื่อใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างที่เพื่อนร่วมทีมสร้างขึ้น
ในภาพนี้จะเห็นได้ว่า เวลเบ็ค(วงกลมสีฟ้า) ถอยลงต่ำ มาต้า(วงกลมสีเหลืองที่ถูกนักเตะ โรม่า ประกบอยู่)ก็จะดันขึ้นสูงเพื่อตอบสนองต่อการวิ่งของ เวลเบ็ค
จากการวิ่งของ เวลเบ็ค เป็นผลให้ 2 แนวรับของ โรม่า หันไปให้ความสนใจในการเคลื่อนที่ของเขา
จากนั้นพื้นที่”กึ่งกลาง”(ในวงกลมสีขาว)ก็เปิดโล่งให้ มาต้า ได้ใช้ประโยชน์จากมัน
เอร์เรร่า ที่ตาไวเห็นช่องว่างนั้นจึงแทงบอลทะลุช่องผ่านแนวรับของ โรม่า ไปให้ มาต้า
มาต้า ซึ่งได้รับบอลในพื้นที่”กึ่งกลาง”ที่ทางเปิดโล่งตัดสินใจยิงในจังหวะนี้ แต่น่าเสียดายที่เขายิงหักข้อมากเกินไปจนบอลหลุดเสาสองออกไป
นอกเหนือจากช่องทางในการผ่านบอลเข้าสู่พื้นที่ตรงกลางและการเคลื่อนที่ของนักเตะในทีมที่มีมากขึ้น ซึ่งทั้งสองอย่างเป็นหนึ่งในความแตกต่างที่โดดเด่นของทีม”ปีศาจแดง”ภายใต้การคุมของ หลุยส์ ฟาน กัล แล้ว นักเตะในทีมก็กล้าเล่นในพื้นที่แคบ ๆมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ ที่ส่วนใหญ่พวกเขาเลือกจะทำมันง่าย ๆด้วยการผ่านบอลไปให้นักเตะที่อยู่ด้านกว้าง
ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นสถานการณ์นี้ในฤดูกาลที่แล้ว ส่วนใหญ่บอลมักจะถูกผ่านไปที่ วาเลนเซีย ซึ่งยืนรอที่ริมเส้นด้านขวา
แต่นักเตะในทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล เลือกที่จะผ่านบอลเข้าสู่ตรงกลางซึ่งเป็นพื้นที่ที่แคบ
ก่อนที่ เวลเบ็ค จะเลือกฝากบอลไปที่ เอร์เรร่า เพื่อให้เขาผ่านบอลเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่กองกลางสแปนิชจะผ่านบอลในแบบเล่นชิ่งหนึ่ง-สองกลับไปให้ เวลเบ็ค ก่อนที่กองหน้ามหาเทพของผองแฟนผีจะถูกกองหลัง โรม่าดึงล้มลง จนทีมได้ลูกโทษในที่สุด ซึ่งการเล่นในลักษณะนี้เป็นรูปแบบการเข้าทำที่ แมนฯ ซิตี้ ใช้ในฤดูกาลที่แล้ว
เราพอจะสรุปได้ว่า หลุยส์ ฟาน กัล เป็นกุนซือที่มีปรัชญาการเล่นที่”แข็งแกร่ง”และสง่างาม ด้วยแท็กติกการเล่นที่เขาวางไว้ให้กับทีมนั้นทำได้ดีมาก จนถึงตอนนี้ที่ผ่านมา 5 นัด เราก็สามารถเห็นได้ว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการให้ทีมเล่น การเล่นโดยผ่านช่องของพื้นที่ต่าง ๆด้วยการเคลื่อนที่ที่ดี และการถ่ายบอลหมุนเวียนไป-มา สิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับแฟนผีอย่างเราๆคือสิ่งที่เราเห็นผ่านตาใน 5 นัดแรกนั้น เป็นเพียงการเริ่มปรับตัวของทีมให้เข้ากับระบบและการเล่นในลักษณะนี้เท่านั้น ซึ่งมันจะดียิ่งขึ้นกว่านี้ได้อย่างแน่นอนเมื่อนักเตะในทีมคุ้นเคยกับระบบการเล่น และนั่นจะทำให้ทีมยิ่งมีการประสานงานที่ลงตัวมากกว่านี้ แน่นอนว่าบททดสอบที่แท้จริงจะมาถึงเมื่อฤดูกาลเริ่มต้นขึ้น และเป็นที่คาดว่า ฟาน กัล จะปรับเปลี่ยนบางอย่าง(เช่น ซื้อนักเตะมาเสริมทีม) และปรับเปลี่ยนระบบการเล่นในยามที่เจอคู่แข่งที่แตกต่างกัน
“ผมฝึกนักเตะให้ใช้สมองไม่ได้ฝึกให้ใช้ขาของพวกเขา มันเป็นเรื่องของพลังทางสมอง”
หลุยส์ ฟาน กัล
ที่ต้องพูดถึงเป็นพิเศษคือ อันเดร์ เอร์เรร่า เขาคือนักเตะที่ดีที่สุดใน 5 นัด ที่ผ่านมา อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยไหวพริบในการยืนตำแหน่งและการเคลื่อนที่ที่ดีของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ได้เห็นในแดนกลางของทีมมานานมากแล้ว และมันเป็นความสุขสำหรับแฟนบอลอย่างเรา ๆที่ได้เห็นกองกลางสแปนิชรายนี้เล่นให้ทีม ถ้าลองสังเกตดดูจากภาพประกอบข้างต้นทั้งหมดให้ดีจะเห็นว่า เอร์เรร่า จะมีส่วนร่วมในแทบทุกภาพโดยที่ทางเราไม่ได้เจตนา ฉนั้น อย่าได้แปลกใจหากเขาจะกลายเป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด และทีม”ปีศาจแดง”ยุคใหม่ของ หลุยส์ ฟาน กัล จะถูกสร้างขึ้นโดยที่มีเขาเป็นแกนหลัก
ขอบคุณภาพประกอบจาก : LiveLiveUnited
AJ44@แมนยูคับ.com
มาต่อให้จนจบครับยาวเลยแหะๆ