โคลเซ่กับอีก 2 ประตูในฟุตบอลโลก
มหกรรมฟุตบอลโลก 2014 ที่บราซิลกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า แฟนบอลทั่วทุกมุมโลกต่างก็ติดตามรอดูนักเตะตัวโปรดที่ได้ไปร่วมศึกเวิลด์คัพได้สำแดงฝีเท้ากันให้ประจักร ซึ่งบอลโลกหนนี้แย่หน่อยที่บรรดาดาวดังหลายต่อหลายคนได้รับบาดเจ็บกันถ้วนหน้า ซึ่งล่าสุด มาร์โค รอยส์ ปีกตัวเก่งชาวเยอรมันก็เซย์กู๊ดบายไปอีกคนในเกมอุ่นเครื่องที่ทัพอินทรีเหล็กไล่ถลุงอาร์เมเนียไป 6-1 นั่นเอง
สืบเนื่องจากแมตช์กระชับมิตรนี้ ก็ยังมีอะไรดีๆให้จดจำอยู่บ้างเมื่อมิโรสลาฟ โคลเซ่ ศูนย์หน้าตัวเก๋าของเยอรมันทุบสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลในนามทีมชาติ หลังจากพุ่งโขกลูกเปิดจากลูคัส โพดอลสกี้ ในนาทีที่ 77 ซึ่งประตูนี้ส่งผลให้โคลเซ่กลายเป็นดาวยิงสูงสุดของทีมชาติที่จำนวน 69 ประตู ทำลายสถิติเดิมของ "ไอ้ลูกระเบิด" แกรด มุลเลอร์ไปในที่เรียบร้อย
ในศึกฟุตบอลโลก 2014นี้ โคลเซ่ยังสามารถที่จะสร้างอีกหนึ่งสถิติ นักเตะที่ยิงประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมากที่สุด เจ้าของสถิติเดิมคือ โรนัลโด้ จากบราซิล ที่จำนวน 15 ลูก อันดับ 2 ก็คือแกรด มุลเลอร์และตัวเขาเอง ที่จำนวน 14 ลูก ซึ่งหมายความว่า โคลเซ่ต้องการอย่างน้อยอีกเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น ก็จะขึ้นกลายเป็นดาวยิงสูงสุดในทัวร์นาเมนต์นี้ทันที
โคลเซ่ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในการทำทีมของโยอัคคิม เลิฟแม้ในวัยร่วงโรย 35 ปี โคลเซ่ได้สร้างชื่อทำผลงานเรื่อยมาและรับใช้เยอรมันมาหลาย 10 ปีแล้ว
โคลเซ่ประเดิมเกมทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกในศึกฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือกที่พบกับแอลเบเนีย รูดี้ โฟลเลอร์ผู้จัดการทีมในตอนนั้นให้โอกาสโคลเซที่ขณะนั้นอายุได้ยังไม่ถึง 23 ขวบดี ลงไปแทน โอลิเวอร์ นอยวิลล์ หลังจากลงไม่นานก็ทำประตูแรกของตัวเองได้สำเร็จและกลายเป็นประตูชัยให้เยอรมันเอาชนะไปได้ 2-1 พร้อมกับท่าฉลองตีลังกาของตัวเองเป็นเอกลักษณ์
บอลโลก 2002 โคลเซ่ระเบิดแฮตทริกได้ตั้งแต่เกมแรกในรอบแบ่งกลุ่มที่ถล่มซาอุดิอาระเบียไป 8-0 แถมมาจากลูกโหม่งทั้ง 3 ลูก และในเกมกับไอร์แลนด์และแคเมอรูนโคลเซ่ก็ทำได้ 1 ประตูทั้ง 2 เกม
ในบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน โคลเซ่ทำ 2 ประตูในเกมได้ทั้งกับคอสตาริกาและเอกวาดอร์ ก่อนที่รอบก่อนรองชนะเลิศกับอาร์เจนตินา โคลเซ่ต่อชีวิตคนเยอรมันทั้งประเทศด้วยการโขกตีเสมอช่วง 10 นาทีสุดท้าย ก่อนดวลจุดโทษซึ่งเยอรมันแม่นกว่าเข้าป้ายไป แม้จะจบด้วยการเป็นอันดับ 3 แต่โคลเซ่ก็ได้รางวัลรองเท้าทองคำไปครอง ด้วยการทำไป 5 ประตูด้วยกัน
เข้าปี 2010 เวิลด์คัพที่แอฟริกาใต้ โคลเซ่ยิงลูก 2-0 ช่วยให้เยอรมันเอาชนะออสเตรเลียไปสบายเท้า 4-0 แต่เกมต่อมากับเซอร์เบีย โคลเซ่ต้องโดนเหลือง-แดง ออกจากสนามจากการเข้าสกัดสองครั้ง ส่งผลให้เซอร์เบียเบียดชนะไปแบบหวุดหวิด 1-0 โคลเซ่กลับมาอีกครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โคลเซ่กระทุ้งอีก 1 ประตู ไล่ถล่มอังกฤษไป 4-1 รอบ 8 ทีมสุดท้ายพบกับอาร์เจนตินา โคลเซ่แผลงฤทธิ์อีกครั้งด้วยการทำ 2 ประตูใส่ทีมของ ดิเอโก้ มาราโดน่า หมดสภาพพ่ายไปแบบสู้ไม่ได้ด้วยสกอร์ 0-4
ด้วยขวบปี 35 ในปีนี้น่าจะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของกองหน้าเจ้าเวหารายนี้ หากหมายมั่นที่จะทำลายสถิติเจ้าโด้อ้วน คงจะเหลือแค่ครั้งนี้เท่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าโคลเซ่จะใช้โอกาสที่มีทำได้ขนาดไหน เยอรมันชุดนี้บ่มเพาะมาอย่างเต็มตัวหลังจากแจ้งเกิดในปี 2010 ยิ่งหิ้วกองหน้าธรรมชาติอย่างเขาไปแค่คนเดียว น่าสนใจว่าเลิฟจะใช้งานโคลเซ่ยังไง เป็นไปได้ว่าเลิฟอาจจะใช้กลยุทธ์ false nine เหมือนที่เคยดันมาริโอ เกิทเซ่ ไปเล่นเป็นหน้าเป้าในเกมอุ่นเครื่องกับแคเมอรูน ถ้าเป็นเช่นนั้นโคลเซ่อาจจะไม่ได้ลงสนามก็เป็นได้
ฉลองประตูแรกเคียงข้าง คาร์สเทน ยานเคอร์
โขกแฮตทริกแรกในเกมกับซาอุดิอาระเบีย
ท่าดีใจอันเป็นเอกลักษณ์ของมิโร
กับ "ฉลามขาว" เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์
เบิกสกอร์แรกในเกมกับอังกฤษปี 2010
รูดี้ โฟลเลอร์ ผู้ให้โอกาสโคลเซ่ลงสนาม
เข้าไปกอดกับโพดอลสกี้ ผู้แอสซิสต์ประตูที่ 69 ของตน
โคลเซ่จะทำลายสถิติโด้อ้วนได้หรือไม่?
สุดท้ายนี้เยอรมันจะไปได้ไกลกว่ารอบรองชนะเลิศหรือไม่ โคลเซ่จะทิ้งทวนด้วยการได้สัมผัสถ้วยบอลโลกพร้อมกับสถิติดาวยิงสูงสุดตลอดกาลหรือไม่ วันที่ 23 กค. เราคงรู้กัน
by : puissance
10 เรื่องน่ารู้ของมิโร
1. มิโรเกิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 1978
2. เดิมแล้วโคลเซ่เกิดที่ประเทศโปแลนด์ก่อนที่จะครอบครัวจะย้ายหนีระบบการปกคองแบบคอมมิวนิสต์มาอยู่ที่ฝรั่งเศสใน ปี 1981 ตั้งแต่อายุได้เพียง 3 ขวบ
3. มิโรมีพ่อแม่เป็นนักกีฬาทั้งคู่ Josef Klose ผู้พ่อนั้นเป็นนักฟุตบอลมาก่อน ขณะที่ Babara Jez เป็นนักกีฬาแฮนด์บอลทีมชาติโปแลนด์ ทำให้มิโรนั้นถือสองสัญชาติคือเยอรมันและโปลิช
4. นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกซ์ และเคยไปพบกับสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ที่ 16ด้วย
5. เลือกที่จะฝึกเป็นช่างไม้ในระหว่างเล่นฟุตบอลในช่วงแรกๆ
6. เริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมระดับหมู่บ้านอย่าง Blaubach-Diedelkopf ซึ่งอยู่ดิวิชั่น 7ของเยอรมัน
7. เคยถูกชวนให้เล่นให้โปแลนด์แต่มิโรปฏิเสธพร้อมบอกว่า "ผมถือพาสปอร์ตเยอรมัน และถ้าสิ่งต่างๆยังดำเนินอยู่แบบนี้ ผมจะมีโอกาสได้เล่นให้กับรูดี้ โฟลเลอร์(โค้ชทีมชาติเยอรมันในสมัยนั้น)
8. เป็นผู้เล่นคนเดียวที่ทำประตูได้อย่างน้อย 4 ประตู กับการลงเล่นฟุตบอลโลก 3 ครั้ง
9. ลงเล่นในนามทีมชาติมากที่สุด 132 นัด เป็นรองเพียงแค่โลธาร์ มัทเธอุสคนเดียวที่ 150 นัด
10. เป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ได้ลงเล่นรอบรองชนะเลิศ 5 ครั้ง ในทีมชาติ (ยูโร 2008,2012 / บอลโลก 2002,2006,2010)