มอบให้เจิด ให้ BR ให้เเฟนบอลที่มีความเชื่อที่จะ -กล้า- ทุกคน
.....อันดับและข้อมูลในตารางคะแนนไม่ได้โกหกใคร มันไม่ใช่ความผิดพลาดของเจอร์ราร์ดคนเดียวอย่างแน่นอนถ้าทีมจะพลาดแชมป์ และก็ไม่ใช่ความดีความชอบของเจอร์ราร์ดคนเดียวหากทีมได้แชมป์
ความผิดพลาดหลายต่อหลายเกมเกิดขึ้นจากความกล้าหาญในรูปแบบการเล่นที่เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พูดในความหมายว่า 'ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว'
เกมล่าสุดกับเชลซีที่เรารู้ว่าผลเสมอก็เพียงพอให้ทีมกุมสถานการณ์ได้เปรียบใน 2 เกมสุดท้าย และเมื่อเกมจบอาจจะมีคนคิด (ผมก็คิด) ว่าเราน่าจะเล่นเพื่อเสมอก็น่าจะเพียงพอ
แต่ย้อนไปในปี 1989 ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของเคนนี ดัลกลิช ลงเล่นในแอนฟิลด์กับอาร์เซนอล เกมสุดท้ายของฤดูกาล และพวกเขาต้องการแค่ผลเสมอ หรือแพ้ได้ 0-1 แต่นั่นเป็นหนึ่งในเกมที่ชอกช้ำที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เมื่อทีมเสียแชมป์ในแอนฟิลด์ด้วยการพ่ายต่ออาร์เซนอล 0-2
ดัลกลิชยอมรับเองว่าเสียดายที่ไม่เล่นเกมรุกอย่างเต็มที่ในวันนั้น และนั่นเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ที่เป็นบทเรียน ไม่นับว่าหลายคนคงเคยดูบอล และทีมที่เจอสถานการณ์ที่ว่าเสมอก็ได้ชนะก็ได้ แต่มักจะจบลงที่ความพ่ายแพ้ เพราะว่าวางแผนเล่นปลอดภัยมากเกินไปจนลืมสไตล์ของตัวเอง
ใครที่ดูเกมตลอด 90 นาที ที่แอนฟิลด์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา คงเห็นได้ชัดแล้วว่าลิเวอร์พูลไม่ได้เล่นเพื่อเสมอ เล่นเพื่อถ่วงเวลาให้หมดไป หรือเล่นเพื่อแต้มเดียว
มันจะเลวร้ายกว่าแน่นอน หากร็อดเจอร์สไม่กล้าหาญจะทำแบบที่เคยทำ แล้วทีมจบลงด้วยความพ่ายแพ้แบบปี 1989 อย่างน้อยๆ เราก็ยังเล่นตามเกม และความผิดพลาดแบบเป็น 'อุบัติเหตุ' ส่งผลทำให้ทีมสถานการณ์เป็นรองอยู่ในเวลานี้
แต่ทีมยังไม่หมดลุ้นตราบเท่าที่ยังเล่นอย่างกล้าหาญ หากเป็นปีอื่นๆ เราอาจจะยากด้วยซ้ำถ้าจะคิดถึงการเก็บ 6 แต้มจาก 2 เกมสุดท้าย แต่นาทีนี้เราอาจจะหวังเห็นทีมเล่นเกมรุกแบบต่อเนื่อง เผื่อจะยิงประตูเยอะๆ และทีมก็มีศักยภาพที่จะทำได้
---- ในเมื่อนักเตะยังเล่นเกมรุก ผู้จัดการทีมกล้าหาญที่จะวางแผนบุก แฟนบอลในสนามยังส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจทีมแม้ในไม่กี่วินาทีสุดท้ายที่ทีมกำลังจะแพ้
เราเองก็อาจจะต้องกล้าที่จะพยายามลุ้นอย่างเต็มที่เพื่อคว้าแชมป์ใน 2 เกมสุดท้าย และเชิดหน้ายืนหยัดอย่างองอาจไม่ว่าสุดท้ายผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร
ลิเวอร์พูลได้มอบความกล้าหาญที่จะกลับมาลุ้นแชมป์ลีก และอาจจะเป็นบทเรียนสอนชีวิตหลายๆ คน แม้ไม่ใช่ทุกครั้งที่มันจะสำเร็จ แต่อย่างน้อยเราก็ต้องกล้าที่จะลงมือทำเหมือนกับเจอร์ราร์ด และเพื่อนร่วมทีม
ลิเวอร์พูลได้สอนพวกเราในเรื่องความกล้าหาญ และเราหวังจะเห็นมันจากพวกเขา และกองเชียร์เช่นเราที่ต้องยืดอกกล้าเผชิญไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
" Courage is the resistance to fear, mastery of fear, not absence of fear." Mark Twain
"ความกล้าคือการต่อสู้ความกลัว, เอาชนะความกลัว, ไม่ลงเหลือความกลัวใดๆ" - มาร์ก ทเวน
ลิเวอร์พูลมอบความกล้าให้ทุกคนแล้ว และพร้อมรับมันหรือยัง?
เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่ใน 2 นัดสุดท้าย แต่สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดจะพาเราไปยังที่ที่ควรจะเป็น…...
Credit by
http://thailand.liverpoolfc.com/
บทความตัวเต็ม
http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/fop-it-s-the-braveness