เราคิดว่าเค้าคือคนที่ “ใช่” แล้วเขาล่ะ “ใช่”กับเราด้วยไหม??
คำถามสำคัญสำหรับหนุ่มและสาวที่ :
1 กำลังคุยๆ ดูๆ กับใครบางคนอยู่ และกำลังมองว่าจะคบหากันเป็นแฟน
2 คบกับใครคนหนึ่งมานาน และกำลังมองไกลไปถึงการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
ได้แก่คำถามที่ว่า “เราคิดว่าเขาใช่ แต่เขาล่ะ จะใช่กับเราด้วยหรือเปล่า ?...” มีใครเคยถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้บ้าง...บางคนอาจจะเคยมากกว่าหนึ่งครั้ง โอกาสที่เราจะได้ “ปิ๊ง”ใครสักคนและมั่นใจว่าเขาเป็นคนที่ใช่สำหรับเรา และโอกาสที่เราจะได้คบใครสักคน เรียนรู้นิสัยใจคอกันมากพอ จนกระทั่งสามารถบอกกับตัวเองได้ว่า “คนนี้นี่แหละ คนที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต” สำหรับบางคน การจะเดินไปถึงจุดนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หลายคน อาจจะผ่านประสบการณ์เหนื่อยหน่ายจนเลิกหวังไปแล้ว เคยคิดหรือไม่ว่า บางที โอกาสดีๆ ก็หลุดมือเราไปเพราะเราไม่คว้าเอาไว้ ? ความเขินอาย ความคิดมาก การไว้ตัว และความลังเลของตัวเราเอง บางครั้งก็กลายเป็นปัญหาใหญ่ ที่ทำให้คำว่า “ใช่” ห่างไกลออกไป (แต่หากเป็นเพราะ “เขา” นั่นก็ไม่ควรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเศร้า)
สำหรับคนสองคนที่ดูๆ กันอยู่ หากต่างฝ่ายต่างลังเล ไม่กล้าพูดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ก็ไม่อาจระบุสถานะข้างหน้าต่อไปได้ ฉะนั้น ถ้ารู้สึกว่าคนที่เราคบอยู่คือคนที่ “ใช่” เรื่องสำคัญลำดับต่อมา คือทำอย่างไรให้เขารับรู้ความรู้สึกนี้ของเรา เพราะหากว่าใจตรงกัน เราก็ไม่ต้องคิดไปเองฝ่ายเดียวอีกต่อไป
ลำดับต่อมา เมื่อคนสองคนได้ตกลงปลงใจที่จะเป็นคนรักกันแล้ว การคบหากันก็น่าจะมีเป้าหมายคือการเรียนรู้นิสัยใจคอ สร้างความพร้อมทั้งสองฝ่ายเพื่อจะไปสู่เป้าหมายคือการแต่งงาน ระหว่างนั้น การเชื่อใจกัน ความเสมอต้นเสมอปลาย การให้อภัย การปรับปรุงตัว น่าจะเป็นองค์ประกอบสำคัญระหว่างการคบหา
เราอาจจะคิดกันว่า มีแค่ฝ่ายหญิงเท่านั้นที่คิดเรื่องการแต่งงาน แต่ในความเป็นจริง ฝ่ายที่คิดมากยิ่งกว่าคือ “ฝ่ายชาย” เพราะค่าใช้จ่ายในการแต่งงานสมัยนี้ ว่ากันที่หลักแสน (หรือหลายแสน) คนที่จะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่หรือทั้งหมดก็คือฝ่ายชาย หากไม่ได้มีฐานะดีพอ การเก็บออมหรือการวางแผนทางการเงินเป็นสิ่งจำเป็นมาก
ประเด็นของเรื่องนี้ ก็เหมือนกับเรื่องอื่นๆ คือทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ไม่ได้คุยกันมากเท่าที่ควร เพราะบางทีก็ใช่ว่า ฝ่ายชายจะต้องรับภาระแต่เพียงฝ่ายเดียว หลายคู่ที่ฝ่ายหญิงช่วยแบ่งเบาหลายส่วน คู่รักบางคู่ช่วยกันเก็บเงินแต่งงานก็มี
เรื่องในใจ หากไม่พูดออกไป จะให้เขามารับรู้ก็คงจะยาก สำหรับบางคู่ที่ “รู้สึก”ถึงกันได้ อาจจะไม่ต้องพูดอะไรเลยแต่สำหรับบางคู่ การพูดกันตรงๆ เป็นเรื่องจำเป็น รวมไปถึงการค่อยๆ คุยกันว่า เพราะอะไร ทำไม อย่างไร ด้วยเหตุผลที่หนักแน่น และใช้อารมณ์ให้น้อยที่สุด
เหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ความชัดเจนในสถานะความสัมพันธ์ของคนสองคน จะต้องได้รับการยืนยัน เพราะมีกรณีจำนวนมาก ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง “คิดไปเอง” คิดว่าเขาชอบเรา คิดว่าเขาเป็นแฟนกับเราแล้ว คิดว่าเขาจะต้องตกลงปลงใจแต่งงานกับเรา แต่แล้วเหตุการณ์กลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด อย่าคิดไปเองว่า “ใช่” แต่จงเอ่ยปากถาม การตั้งคำถามไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของคนเราจบลง แต่จะทำให้ความสัมพันธ์คลี่คลาย เปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ แต่ความสัมพันธ์คนเราในบางเรื่อง อาจจบลงได้ หากเราไม่คุยกันอย่างตรงไปตรงมา
เนื้อหา:
http://www.naddate.com/