อยากจะเขียนถึงแผนไดมอนด์ของหงส์มานานแล้ว แต่ก็รอเวลาจนผมมั่นใจว่าแผนนี้เข้ากับศักยภาพตัวผู้เล่นของหงส์ตอนนี้มาก และเป็นแผนที่มีความยืดหยุ่นสูง ให้เครดิตร็อดเจอส์ที่ปรุงแต่งแผนนี้จนสำเร็จ และเป็นปัจจัยสำคัญอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หงส์บินสูง และชนะติดต่อกันจนถึงบัดนี้ สิ่งที่ผมประทับใจในรูปแบบการเล่นรูปเพชรมีดังนี้
1. การเล่นแบบ diamond ที่ไม่มีปีก นอกจากจะใช้แบ็กเติมเกมส์แทนแล้ว ร็อดเจอส์ได้ให้อิสระกับสองกองหน้า สามารถฉีกออกข้างไปรับบอล หรือตัดเข้ากลาง หรือจะสลับฝั่งกันเล่นในบางครั้ง ซึ่งระบบการเล่นแบบนี้ กองหน้าต้องมีทักษะความคล่องตัว ความเข้าใจในเกมส์การเล่น และต้องได้รับความไว้ใจจากโค้ชเป็นอย่างมาก ซึ่ง SAS มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเล่นแบบนี้ จนทำให้สามารถทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งความฮอตของ SAS ทำให้กองหน้าคนอื่น อย่างอาสปาส แทบไม่ได้ลง หรือจะเป็น บอรินี่ ที่ต้องระเห็จไปเล่นให้แมวดำในระบบยืมตัว ผมคิดว่ากองหน้าทั้งสองคนไม่เข้ากับระบบนี้เท่าไร (แต่ก้อเป็นแค่การคาดการของผมเท่านั้น) มันจะดีหากว่าเรามีกองหน้าแบบ SAS มาผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน เมื่อเราไปเล่นถ้วยใหญ่ฤดูกาลหน้า ผมชอบแนว ลาเวซซี่ เพราะมีทักษะ ความขยัน และฉีกออกข้างได้ ประมาณนี้
2) ระบบการเล่นที่ยืดหยุ่น นักเตะหลายคนสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในมิดฟิล เช่นคูตินโญ่ สเตอริ่ง ซัวเรส ทำให้สามารถปรับมาเล่น 4-3-3 ได้ระหว่างเกมส์การแข่งขันด้วย
3)การปรับตำแหน่ง และการค้นพบตำแหน่งใหม่ของนักเตะ เริ่มจากการถอยเจอราร์ด มาเล่นแบบ deep lying playmaker ตำแหน่งนี้สำคัญมากในระบบไดมอน จะทำหน้าที่คุมจังหวะเกมส์ วางบอลจากแดนหลัง ตั้งเกมส์ขึ้นมา รวมทั้งตัดเกมส์เองด้วย ซึ่งหากนึกถึงทีมที่เล่นระบบเพชรจนประสบความสำเร็จ ผมนึกถึงมิลานของอันเช่ และตอนนั้นก็มีปิโล่ เล่น deep lying playmaker นั่นเอง ชื่นชมร็อดเจอส์ในการที่กล้าจะเปลี่ยนแปลง และสามารถยืดอายุอาชีพค้าแข้งของกัปตันได้อีกหลายปี แน่นอนตำแหน่งที่จะต้องรับบทบาทหลายอย่างนี้ จะต้องมี cm สองคน รับหน้าที่ลูกหาบวิ่งไล่บอลตัดเกมส์ รวมถึงดันขึ้นหน้ายามจำเป็น ซึ่งทำให้เฮนเดอสันแจ้งเกิดในตำแหน่งนี้ เช่นเดียวกับอัลเลน ความฟิตของเฮนโด้ช่วยเจอราร์ดได้มาก และช่วงหลังๆ สามารถทำเกมบุกได้ดีขึ้นด้วย
4) การแจ้งเกิดของราฮีม สเตอริ่ง ความเร็ว ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งวิชั่นในการเล่นที่พัฒนาขึ้นมากจากปีก่อน ทำให้กองหลังฝ่ายตรงข้ามต้องรับภาระหนักขึ้นไปอีก แค่รับมือกับ SAS ก็ยากอยู่แล้ว สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจก็คือ การเอาสเตอริ่งมายืน AM หน้าต่ำ ผลัดกับคูตินโญ่ ในแต่ละนัด ว่าจะใช้ประโยชน์จากลูกจ่ายของคูตี้ หรือจะใช้การทะลุทะลวงจากตรงกลางของสเตอริ่งซึ่งได้ผลมาก ในเกมส์สวนกลับ เห็นได้จากเกมส์ครึ่งแรกที่เจอกับแมนซิ การเอาสเตอริ่งมาอยู่ตรงกลาง ทำให้กองหลังเดาไม่ออกว่าจะไปซ้ายหรือขวา เช่นเดียวกับการฉีกออกข้างของ SAS ดีงกองกลังคู่แข่งไป ยิ่งทำให้สเตอริ่งมีพื้นที่มากในการเล่น และที่น่าชื่นใจอีกอย่างก็คือ เกมส์ล่าสุด ร็อดเจอส์ให้คูตี้ไปเล่น cm คู่กับ เฮนโด้ ซึงทำได้ดีเลยทีเดียว
สุดท้ายแล้วกุญแจแห่งความสำเร็จของลิเวอพูลฤดูกาลนี้ไม่ว่าจะจบอันดับเท่าไรก็ตาม ก็คือ แบรนดอน ร็อดเจอส์ ชายผู้เปลี่ยนแปลงลิเวอพูล ตามมาด้วยว่าที่นักเตะยอดเยี่ยมพรีเมีย หลุยส์ซัวเรสครับ