ถ้าจะให้พูดถึง หนังเรื่องหนึ่งที่ สื่อถึงอำนาจของเงินตรา คงหนีไม่พ้น The Wolf of
Wall Street หนังดังรส Oscar กำกับโดย Martin Scorsese ชายผู้ฝาก
ผลงานอันโด่งดังหลายๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่อง The Departed หรือ หนังหักมุมกระฉ่อน
โลกอย่าง Shutter Island ที่หลายคนคงได้ดูมาแล้ว คำว่าWall Street ที่ใส่
มาในชื่อของหนังอาจทำให้คนที่ยังไม่ดู หรือกำลังจะดู คิดไปว่าตัวหนังจะสื่อหนักในเรื่อง
ของตัวหุ้น ไหวพริบ วิธีการเทรดหุ้น และ ผลจากวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นในอเมริกาอย่าง
หนังเรื่อง Wall Street-Money Never Sleeps รวมไปถึง Margin Call
แต่เนื้อหนังจริงๆแล้วกลับแทบไม่ได้เอ่ยถึงตัวหุ้น ในด้านนี้เลย แต่กลับไปเล่นเนื้อหาใน
ด้านที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งชื่อหนังที่สื่อได้ตรงกับเนื้อเรื่องกลับเป็นคำว่า Wolf
มากกว่า
หนังเรื่องนี้เปิดฉากแรกด้วยความมั่งคั่งของ เศรษฐีที่ชื่อว่า Jordan Belford ซึ่งได้
อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ที่สวยงามมีเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว และมีภรรยาระดับนางแบบ แต่กลับ
ทำตัวเสเพล ติดยาแทบทุกชนิดซึ่งมันเป็นอะไรที่ขัดแย้งกันอย่างยิ่ง จนทำให้คนดูตั้ง
คำถามว่า ‘ทำตัวแบบนี้ มันรวยขนาดนี้ได้ไงวะ’ และหนังก็ได้ตัดกลับมาอธิบายถึงจุดเริ่ม
ต้นเหตุผลความเสเพล ของจอร์แดน ให้คนดูอย่างเราๆหายสงสัย
Jordan Belford หนุ่มไฟแรงผู้มีความฝันว่า ‘ยังไงกูก็ต้องรวยให้ได้’ ด้วยความฝัน
ที่ยิ่งใหญ่นี้ เขาถึงได้มาทำงานในสถานที่ที่ซึ่งสามารถตอบสนองความฝันของเขาได้ ซึ่งคง
ไม่พ้น Wall Street สถานที่แห่งความฝันและความมั่งคั่ง และเต็มไปด้วยการหลอก
ลวง จอร์แดน ได้เริ่มทำงานเป็นโบกเกอที่บริษัทแห่งหนึ่งและได้เจอกับ Mark Hanna
โบรกเกอร์รุ่นพี่ผู้ทำยอดถล่มทลายต่อเดือน ผู้ซึ่งเป็นคนจุดประกายความคิดสกปรก ซึ่ง
สามารถสร้างผลกำไรมูลค่ามหาศาล ซึ่งก็คือการปั่นหัวลูกค้าให้ซื้อหุ้นโดยไม่สนใจในตัว
มูลค่าหุ้นตัวนั้น เพื่อหวังเก็บค่า Commision เข้ากระเป๋าตัวเอง ด้วยคำพูดที่ว่า ‘OK,
first rule of Wall Street - Nobody - and I don't care if
you're Warren Buffet or Jimmy Buffet - nobody knows if a
stock's going up, down or f-ing sideways, least of all
stockbrokers. But we have to pretend we know.’
คำพูดที่เต็มไปด้วยการเสียดสีและการกระทำที่หลุดโลก อย่างเช่นดูดโคเคนบนโต๊ะอาหาร
ตอนกลางวันแสกๆ ทำให้จอร์แดนซึมซับความคิดและการกระทำของชายคนนี้นับตั้งแต่นั้น
เป็นต้นมา เมื่อชะตากรรมเล่นตลก จอร์แดนไปทำงานได้วันเดียว บริษัทกลับโดนปิดและ
ตกงาน แต่ความคิดที่เขาถูกปลูกฝังนั้นยังไม่หายไปไหน เขาได้ไปสมัครงานเป็นโบรกเกอร์
ซึ่งขายหุ้นราคาถูกให้คนชั้นล่างๆ ซึ่งได้ค่าคอม สูงถึง 50 เปอร์เซน จนเป็นที่มาในการ
ตั้งบริษัท Stratton Oakmont บริษัท โบรกเกอร์ซึ้งผิวเผินดูดี แต่ข้างในเน่าเฟะ
หนังยังเสียดสีถึงความหวัง ความฝันของคนไม่มีอันจะกิน แต่วันหนึ่งอยากรวย โดยการ
เล่นหุ้น โดยที่ตนไม่รู้อะไรเลย แต่กลับไปฝากความหวังกับ พนักงานในบริษัท สแตรท
ตอน ซึ่งหนังยังบอกตรงๆว่า ขยะดีๆนี่เอง ตัวหนังตรงนี้ผมกลับมองว่าเสียดสีมาถึงพี่ไทย
จังๆ ตรงที่ -คุณมาทำงานที่นี่ คุณไม่ต้องมีความรู้อะไรหรอก คุณมาจากไหนก็ได้ เราไม่
ต้องการคนฉลาด แต่เราต้องการคนที่พูดโน้มน้าวขายฝันได้ ถ้าคุณคิดถึงคำพูดนี้ดีๆ คุณ
จะเข้าใจว่าเราโดนเสียดสียังไง ด้วยความคิดขายฝันนี้เอง จอร์แดนและผองเพื่อนได้ทำเงิน
เข้ากระเป๋าตัวเองเป็นมูลค่ามหาศาล จากคนที่เรียกได้ว่าชนชั้นล่างที่มีความฝัน บุคคลที่
ยอมนำเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตมาฝากฝันไว้กับขยะมาดผู้ดีนี่เอง
หลังจากนี้เป็นต้นไปหนังได้ตอบคำตอบที่ตั้งไว้ตั้งแต่ฉากแรก ถึงความขัดแย้งระหว่าง
ความสำเร็จ กับความเสเพล จอร์แดนกลายเป็นเศรษฐีในช่วงพริบตา ด้วยจำนวนเงินที่ไหล
เข้ามาในบัญชีแบบ ใช้ยังไงก็ไม่หมด เขาได้เผยธาตุแท้ของตัวเองมาทีละน้อย ไม่ว่าจะ
เป็นการดูถูกคนจน โดยไม่สนอดีตของตน การไม่รู้จักพอในสิ่งที่ตัวเองมี ไม่ว่าจะเป็น
ภรรยาที่คอยให้กำลังใจเขาสมัยที่ยังเป็นไอขี้แพ้อยู่ เขาก็ทิ้งแบบไม่ไยดีเพียงเพราะไป
หลงใหลรูปลักษณ์ของหญิงสาวไซน์นางแบบ สัจธรรมที่ว่า ‘ขอแค่มีเงิน ทุกอย่างย่อม
ตามมา’ถูกนำมาใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย เมื่อคุณมีเงิน คุณจะได้ทุกอย่างที่คุณต้องการไม่ว่า
จะเป็น การฟันสาวเพื่อสนองตัณหา การเล่นยา และปรากฎมาของเพื่อนพ้องหน้าเงินทั้ง
หลาย ซึ่งหนังได้แสดงให้เห็นภาพที่ชัดเจน จนอาจจะชัดเจนไปในหลายๆฉาก ยิ่งเวลา
ผ่านไปจิตใจเขายิ่งจมดิ่งเข้าไปในความมืด การเคล้ายา นารี เป็นเรื่องปกติของทุกวันใน
ชีวิตเขา จนวันนึง ธนบัตรใบสีเขียวอันหอมหวาน ที่เขาปรารถนามาตลอดกลับกลายเป็นสิ่ง
ไร้ค่า และกลายเป็น Fun Coupon ที่พร้อมจะทิ้งได้เสมอ ความยับยั้งชั่งใจ ความถูก
ต้องที่สั่งสมมาในตอนแรก ถูกทดแทนด้วยสันดานดิบที่มีมาแต่เกิด แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ
จึงเป็นที่มาของข้อคิดที่ว่า ‘อย่าตัดสินคนตอนเขาจน จงตัดสินคนตอนเขารวย’ ถ้าจะให้เปรียบ
เทียบแบบชัดๆ จอร์แดนก็ไม่ต่างกับอนาคิน เจไดหนุ่มผู้ซึ่งมีอุดมการณ์ ที่แน่วแน่ แต่ท้ายสุดกลับถูก
ชักจูงเข้าสู่ด้านมืด โดยซิธ ลอร์ด ที่มีชื่อว่าทุนนิยม และสุดท้ายแล้วจุดจบของจอร์แดน
นั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับ เจไดหนุ่มผู้นี้เลย
คำเตือนสำหรับผู้ที่กำลังจะดู คืออย่าคาดหวังว่าเนื้อหาของหนังเรื่องนี้จะเกี่ยวกับวิธีเล่นหุ้น แต่กลับบอกเล่าเรื่องจิตใจที่แพ้ต่อสิ่งที่ไม่มีชีวิตอย่างเงินตรา และ ไม่เหมาะต่อการดูกับครอบครัวรวมไปถึงดูกับเด็ก เพราะหนังเล่นประเด็นของ ยา และนารีได้ชัดเจนเหลือเกิน