1.manchester united
"โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" เริ่มออกมาให้ได้ยินกันเป็นครั้งแรกในระหว่างฤดูกาล 1909/10 โดยพื้นที่ซึ่งใช้ในการสร้างสนามนั้นซื้อโดยบริษัทแมนเชสเตอร์ บริวเวอรี่ (จอห์น เฮนรี่ เดวี่ส์) และให้สโมสรเช่าต่ออีกที เดวี่ส์เองเป็นคนจ่ายเงินค่าก่อสร้างด้วยเงินจำนวน 60,000 ปอนด์ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1908 ภายใต้การควบคุมของอาร์ชิบัลด์ ลีทช์ สถาปนิกชื่อดัง เมื่อย่างเข้าปี 1910 สโมสรก็ขนย้ายข้าวของจากสนามเดิมที่แบงค์สตรีทเข้ามาปักหลักที่นี่แทน และเนรมิตให้กลายบ้านแห่งใหม่ของสโมสร สนาม "โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" มีความ จุผู้ชมได้สูงถึง 80,000 คน
2.Stamford Bridge
สนามของเชลซีมีการปรับเปลี่ยนเรื่อยมา เปลี่ยนครั้งหนึ่ง สนามของเชลซีก็ยิ่งขยายใหญ่มากขึ้น จนกระทั่งมีการ Re-design กันในช่วงปี 1997-2003 ซึ่งก่อนหน้านั้น 1 ปี โรมัน อบราโมวิช หรือเสี่ยหมีได้ซื้อทีมเชลซีต่อจากเบทส์ในราคา 140m แล้ว
สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์แบ่งออกเป็น 4 โซน
1.East Stand หรือฉายาว่า The Shed ถูกปรับเปลี่ยนมาแล้ว 2 ครั้งอย่างที่เห็นในรูปซึ่งยิ่งเปลี่ยนก็ยิ่งดูแข็งแรงมากขึ้น เปลี่ยนครั้งแรกในสมัยกุนซือเท็ด เดร็ค และครั้งที่ 2 ในช่วงกุนซือเอ็ดดี้ แม็คเครดี้ เป็นฝั่งที่นั่งที่เก่าแก่มากที่สุดปี 1973 ที่นั่ง 10,925 ที่นั่ง
2.ในปี 1964-65 ที่นั่งฝั่ง West Stand จึงเกิดตามมา มีฉายาว่าThe Bench และถูกรื้อและสร้างใหม่เป็น The Current West Standที่นั่ง 13,500 ที่นั่ง
3.North Stand หรือฉายาว่า The Matthew Harding Standเสร็จในปี 1990 เพื่อเป็นเกียรติกับ Matthew Harding ผู้สร้างแปลนที่นั่งฝั่งเหนือให้เชลซี หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในวันที่ 22 ต.ค 1996 ที่นั่ง 10,884 ที่นั่ง
4.Shed End เป็นฉายาของ South Stand นับได้ว่าเป็นฝั่งที่นั่งพี่น้องของ The Shed เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของเชลซีเพราะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ระลึกถึงอดีต ที่นั่งจะมีน้อยคือ7,814 ที่นั่ง โดยที่ไม่มีโครงการจะขยายเพราะต้องการจะเหลือโครงเดิมแต่อดีตเอาไว้
3.Anfield
สนามฟุตบอลแอนฟีลด์ เป็นสนามฟุตบอลเหย้าของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล แอนฟิลด์สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2427 เริ่มแรกเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเอฟเวอร์ตัน ต่อมาในปี พ.ศ. 2435 เอฟเวอร์ตันย้ายสนามไปกูดิสัน พาร์ก หลังจากก่อตั้งสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล แอนด์ฟิลด์จึงกลายเป็นสนามเหย้าของลิเวอร์พูลนับแต่นั้นมา
มีความจุทั้งสิ้น 45,276 ที่นั่ง โดยจำนวนผู้ชมสูงสุดเท่าที่มีการบันทึกไว้คือ ในการแข่งขันเอฟเอคัพ รอบที่ 5 ระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ วูลฟ์แฮมตัน วันเดอร์เรอร์ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2495 บันทึกไว้ว่ามีผู้ชมทั้งสิ้น 61,905 คน
สนามฟุตบอลแอนฟีลด์ ได้รับการรับรองจากสมาคมฟุตบอลยุโรป ให้เป็นสนามระดับ 4 ดาว ซึ่งสามารถจัดการแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ หรือรายการใหญ่อื่นๆ รวมทั้งการแข่งขันของทีมชาติอังกฤษ แอนฟิลด์เคยเป็นหนึ่งในสนามฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ในปี พ.ศ. 2539 (ยูโร 96)
ในอนาคตสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล มีแผนขยายความจุของสนามเป็น 60,000 ที่นั่ง
4.Emirates Stadium
เอมิเรตส์สเตเดียม (Emirates Stadium) หรือ สนามกีฬาเอมิเรตส์ คือ สนามฟุตบอลที่มีที่ตั้งอยู่ที่แอชเบอร์ตันโกรฟในฮอลโลเวย์ (Holloway) ลอนดอนเหนือ และเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ตั้งแต่เปิดใช้งานเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2006 สนามแห่งนี้อัฒจรรย์จะเป็นเก้าอี้ทั้งหมด 60,355 ที่นั่ง ซึ่งนับว่าเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีกตามหลังเพียงสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด และเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในลอนดอนรองจากสนามเวมบลีย์และสนามทวิกเคนแฮม ในช่วงวางแผนและกำลังก่อสร้างอยู่นั้น เดิมสนามนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ แอชเบอร์ตันโกรฟ ก่อนที่จะมีการใช้ชื่อตามข้อตกลงของสายการบินเอมิเรตส์ ผู้สนับสนุนการก่อสร้างสนามนี้ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2004 มูลค่าการก่อสร้างสนามอยู่ที่ 430 ล้านปอนด์
5.Santiago Bernabéu
สนามซานเตียโก เบร์นาเบว เป็นสนามฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในกรุงมาดริด ประเทศสเปน เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด เริ่มเปิดใช้สนามเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1944 เดิมมีชื่อว่า เอสตาดีโอชามาร์ติน ตามชื่อของสนามเดิมของสโมสร เปิดใช้สนามอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 1947 เรอัลมาดริดได้ประกาศใช้ชื่อที่ใช้อยู่ในปัจจุบันคือ เอสตาดีโอซานเตียโก เบร์นาเบว เมื่อวันที่ 4 มกราคม 1955 เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานสโมสรคือ ซานเตียโก เบร์นาเบว เยสเต (Santiago Bernabéu Yeste)
สนามแห่งนี้สามารถจุผู้ชมได้มากที่สุดถึง 120,000 คนหลังจากที่มีการต่อขยายในปี ค.ศ. 1953 หลังจากนั้นก็มีการลดจำนวนความจุลงเนื่องจากต้องการเปลี่ยนแปลงสนามให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยบริเวณตั๋วยืนนั้นได้ยกเลิกไปในฤดูกาล 1998/99 ตามกฎของยูฟ่าที่ไม่ให้มีการยืนชมเกมในขณะที่มีการแข่งขันในรายการของยูฟ่า การเปลี่ยนแปลงสนามครั้งล่าสุดคือการเพิ่มความจุอีก 5,000 ที่นั่งรวมเป็น 80,400 ที่นั่งในปี ค.ศ. 2003 และกำลังมีแผนที่จะเพิ่มเติมหลังคาลงไปอีกด้วย
เบร์นาเบวเป็นสถานที่ทางฟุตบอลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ได้รับเลือกให้เป็นสนามสำหรับเกมยูโรเปียนคัพรอบชิงชนะเลิศถึง 3 ครั้งในปี ค.ศ. 1957, ค.ศ. 1969 และ ค.ศ. 1980 ยูโรเปียนแชมเปียนชิพรองชิงชนะเลิศในปี ค.ศ. 1964 และฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศในปี ค.ศ. 1982
สนามแห่งนี้ยังมีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินแห่งกรุงมาดริดเป็นของตัวเองอีกด้วย สนามแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงมาดริด ซึ่งสนามฟุตบอลอื่น ๆ มักจะไม่ตั้งอยู่บริเวณแบบนี้
6.Camp Nou
สำหรับ “คัมป์ นู” หรือจะเรียกว่า “นู คัมป์” ก็ได้เป็นภาษาคาตาลัน แปลว่า “สนามแห่งใหม่” โดยมีชื่อสนามเต็มๆว่า เลสตาดิ คัมป์ นู (L’Estadi Camp Nou) ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 1954 และแล้วเสร็จในปี 1957 มีความจุมากมายมหาศาลถึง 98,787 คน! (ถ้าเป็นในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก จะลดลงเหลือ 96,636 ตามมาตรการรักษาความปลอดภัย)
สนามแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อทดแทนสนามเดิมของบาร์เซโลน่า ที่ชื่อ คัมป์ เด เลส กอร์ตส ซึ่งไม่สามารถขยับขยายพื้นที่ได้อีกแล้ว โดยเดิมถูกเรียกว่า เอสตาดิ เดล เอฟซี บาร์เซโลน่า แต่ท้ายที่สุดแล้วชื่อที่เรียกสั้นๆง่ายๆอย่าง คัมป์ นูก็เป็นที่นิยมกว่า และถูกใช้เป็นชื่อสนามอย่างเป็นทางการมานับแต่นั้น
คัมป์ นู เปิดใช้งานครั้งแรกในวันที่ 24 ก.ย. 1957 โดยในพิธีเปิดมีศิลปิน ฮันเดล เมสไซอาห์ มาร่วมแสดง
สนามแห่งนี้ถือเป็นความภาคภูมิใจของชาวคาตาลัน ซึ่งในความรู้สึกแล้วพวกเขานับตัวเองเป็นชาติที่มีเอกราช และฟุตบอลก็เป็นดังเครื่องมือในการแสดงออกถึงความรู้สึกที่เข้มข้นดังกล่าว ทำให้คัมป์ นู และบาร์เซโลน่า คือตัวแทนแห่งความภาคภูมิใจ และยังเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ทางการเมืองด้วยเช่นกัน
7.Allianz arena
สำหรับสนาม อลิอันซ์ อารีน่า เป็นสนามฟุตบอลขนาดใหญ่ มีความจุผู้ชมสูงสุดที่ 69,901 คน (สำหรับเกมลีก) และ 66,000 คน (สำหรับเกมทีมชาติเยอรมัน) เป็นสนามใหญ่อันดับ 3 ของประเทศเยอรมนี ผ่านการใช้งานรายการสำคัญๆอย่าง ฟุตบอลโลก 2006 มาแล้วและในฤดูกาลนี้สนามแห่งนี้จะเป็นสังเวียนนัดตัดสินศึกชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่สโมสร บาเยิร์น มิวนิค จะลงสนามทำศึกกับทีม เชลซี จากอังกฤษ ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เลยทีเดียวที่มีสโมสรได้เล่นนัดชิงชนะเลิศโทรฟี่ใบใหญ่ที่สุดของยุโรปในรังของตัวเอง สิ่งเหล่านี้เป็นการการันตีความยิ่งใหญ่ของ อลิอันซ์ อารีน่า ได้เป็นอย่างดีในฐานะสนามระดับโลกของสโมสรระดับโลกอย่างแท้จริง
8.City of Manchester Stadium
สนามกีฬาซิตีออฟแมนเชสเตอร์ หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ สนามกีฬาอัลติฮัด ด้วยเหตุผลตามชื่อผู้สนับสนุน หรือในบางครั้งอาจเรียกว่า คอมส์ (CoMS) หรือ อีสต์แลนส์ (Eastlands)เป็นสนามกีฬาในเมืองแมนเชสเตอร์ เป็นสนามกีฬาเหย้าของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี เป็นสนามกีฬาใหญ่เป็นอันดับ 5 ของทีมพรีเมียร์ลีก และใหญ่เป็นอันดับ 12 ในสหราชอาณาจักร มีจำนวนที่นั่ง 47,805 ที่
เดิมทีสนามกีฬามีวัตถุประสงค์สำหรับเป็นสนามแข่งกีฬาหลักในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2000 ที่สหราชอาณาจักรพลาดการประมูลไป จนได้ชนะการประมูลในการแข่งขันกีฬาเครือจักรภพ 2002 หลังจบการแข่งขันได้ลดความจุสนามจาก 80,000 คน ไปเป็น 50,000 คน สนามแห่งนี้ก่อสร้างโดยเลียงคอนสตรักชัน ด้วยงบประมาณ 112 ล้านปอนด์โดยออกแบบโดยอารัปสปอร์ต สโมสรย้ายเข้ามาใช้สนามแห่งใหม่ระหว่างช่วงฤดูร้อน ค.ศ. 2003 นอกจากแข่งขันกีฬาแล้ว ยังใช้จัดนัดแข่งขันยูฟ่าคัพ 2008 นัดการแข่งขันฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ นัดแข่งขันรักบี้ระหว่างประเทศ แข่งขันมวย และคอนเสิร์ตอีกหลายคอนเสิร์ต
9.Westfalenstadion
เวสต์ฟาเลน สเตเดี้ยม หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า ซิกนัล อิดูนา ปาร์ค เป็นสนามเหย้าของสโมสรโบรุสเซีย ดอร์ทมุน เป็นสนามขนาดใหญ่มีความจุผู้ชมกว่า 80,720 คนเลยทีเดียว สำหรับเกมระดับลีก แต่ถ้าเป็นเกมระดับทีมชาติจะลดเหลือ 65,718 คน
สำหรับสนามแห่งนี้มีแผนจะเริ่มสร้างตั้งแต่ช่วงปี 1960 ซึ่งดอร์ทมุนด์ กำลังมีแผนการที่จะปรับปรุงสนามเดิมที่ชื่อ สตาดิโอน โรท แอร์ด (หรือสนามดินแดง) ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรองรับทีมที่กำลังมาแรงแห่งยุค โดยเฉพาะหลังจากที่ดอร์ทมุนด์ คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ในปี 1966 แต่ด้วยงบประมาณที่ไม่เพียงพอทำให้มีการชะลอการก่อสร้างออกไปก่อน จนกระทั่งถึงปี 1971 เมืองดอร์ทมุนด์ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในเมืองเจ้าภาพฟุตบอลโลก 1974 ซึ่งเยอรมันตะวันตก (ในขณะนั้น) จะเป็นเจ้าภาพ ทำให้เกิดการระดมทุนเพื่อสร้างสนามความจุกว่า 60,000 คนขึ้น
10.Stadio Giuseppe Meazza
ซานซีโร หรือ สตาดีโอจูเซปเปเมอัซซา เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลอินเตอร์นาชีโอนาเล มีลาโน หรืออินเตอร์ มิลาน และ เอซี มิลาน สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1925 และเปิดใช้การเมื่อ 19 กันยายน ค.ศ. 1926 หรือเมื่อ พ.ศ. 2469 ขนาดสนามหญ้ามีขนาด 105m x 68m ความจุทั้งหมด 82,955 ที่นั่ง