[RE: ปิดบอร์ดวาไรตี้ จากมู้หัวเรื่อง ..นี้++]
RedhotZ พิมพ์ว่า:
petemaker พิมพ์ว่า:
RedhotZ พิมพ์ว่า:
ลิงกบตะขบหมา พิมพ์ว่า:
administrator พิมพ์ว่า:
เห็นบ่นเบื่อๆกันตั้งแต่มีบอร์ดการเมือง ร้างบ้าง ไม่มีใครเล่นบ้าง ตอนที่มีกระทู้การเมืองแล้วคนมาโพสต์ก้ำกึ่ง พอ mod แบนก็จะเรียกร้องมาตรฐานกัน ทำให้เกิดข้อพิพาทเรื่องการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม ทางพี่เบนฟรีคิกเลยเปิดบอร์ดให้ไปคุยในที่ที่จำกัดได้เต็มที่ ก็เลยไม่สมใจของคนที่ชอบดราม่า ไม่ชอบความสสงบสุข ตอนที่มันเกิดข้อพิพาทก็โจมตี แต่พอทางพี่เบนฟรีคิกต้องการให้บอร์ดสงบโดยการเปิดบอร์ดการเมือง กลับบอกว่ามันเงียบไป ร้างบ้างไม่สงบบ้าง ถามตัวเองรึยังครับว่าต้องการอะไรจากบอร์ดแห่งนี้ ถ้าชอบดราม่าแนะนำให้ไปเล่นเวป www.drama-addict.com ครับ ที่นั่นอาจจะถูกใจพวกคุณ ไม่ได้ไล่นะครับแค่แนะนำ
1.ดูเหมือนคุณก็ยังไม่เข้าใจประเด็นนะครับ ผมจะบอกอีกครั้งก็ได้ ว่ามันไม่เกี่ยวกับดราม่า ถามว่าดราม่ามันมีส่วนในเรื่องความสนุกไหม ตอบว่ามี แต่ไม่ใช่ทั้งหมด และเป็นส่วนน้อย การที่SSไม่มีดราม่า ไม่ได้ทำให้ผมเบื่อ
แต่การที่SSเป็นเว็บบอร์ดสังคมออนไลน์ แต่ขาดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนร่วมบอร์ดต่างหาก ที่มันทำให้น่าเบื่อ(ผมพูดเฉพาะวาไรตี้นะครับ)
2.คุณอาจไม่เคยเล่นวาไรตี้ในช่วงสักปี-สองปีที่แล้ว มันสนุกกว่านี้จริงๆครับ มันสมกับเป็นสังคมออนไลน์ มีคนตอบกัน คุยกัน สนุกสนานเฮฮากัน ซึ่งมันหาได้ยากมากจากวาไรตี้ในทุกวันนี้
3.ผมเปรียบบอร์ดเป็นร้านกาแฟนะครับ ทุกคนติดใจในรสชาดของกาแฟนี้ แต่ที่คนส่วนหนึ่ง(อาจจะเป็นส่วนใหญ่)ติดใจมากกว่าคือบรรยากาศในร้าน ที่มีผู้คนมาเฮฮา คุยกัน สังสรรค์กัน มันจึงเป็นสังคมครับ
แต่อยู่มาวันนึงร้านปรับปรุงใหม่ รสชาดของกาแฟเปลี่ยนไปบ้าง แต่ผู้คนยังคงรู้สึกผูกพันธ์กับร้านกาแฟนั้นอยู่ ยังเข้ามากินทุกวัน แต่ไม่มีการคุยกัน เฮฮาสนุกนานกันแล้ว ต่างคนต่างมากิน กินเสร็จไป และเมื่อมันเป็นเช่นนี้ พวกที่ชอบในบรรยากาศเป็นหลักก็มากินน้อยลงและสุดท้ายก็จะเปลี่ยนไปร้านอื่นครับ
ใช่ครับ คนที่จะเข้ามากินกาแฟอย่างเดียว มันไม่ส่งผลกระทบอะไร แต่คนที่เขาจะเข้ามาเสพย์บรรยากาศครึกครื้นนั้นละครับ จะทำอย่างไร ?
ถามว่าระหว่างร้านในตอนแรกที่ได้ทั้งบรรยากาศได้ทั้งรสชาดคนส่วนใหญ่ชอบ กับร้านหลังปรับปรุงที่รสชาดเปลี่ยนไป มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่บรรยากาศกลับหายไปเลย อย่างไหนมันดีกว่ากันครับ ?
..ร้านกาแฟเค้าปรับปรุงร้าน ใครไม่อยากกินก็ไม่ต้องกิน ผมไม่ได้ตอบกวน ลองคิดในชีวิตจริงถ้าร้านมันเปลี่ยนสูตรกาแฟหรือบรรยากาศในร้านแล้วไม่ถูกใจผม ผมก็หาร้านใหม่ จะมาบอกให้เค้าเปลี่ยนกลับสูตรเดิมมันทำได้มั้ย เพราะมันร้านเค้า จะบอกว่าคุณคือลูกค้าที่ช่วยให้ร้านเค้าอยู่ได้ มันก็ถูก แต่ถามว่าคุณเป็นคนเดียวที่กินกาแฟร้านเค้ามั้ย มันก็ไม่ใช่ กาแฟสูตรนึงคุณอาจจะชอบ แต่มีอีหลายร้อยคนที่ไม่ชอบก็ได้
..มันง่ายมาก เราไม่ชอบก็ไม่ต้องกิน มันเป็นเรื่องโครตจะ simple
ผมมองเป็นลูกค้า Comment การปรับปรุงนะ ด้วยความที่เรากินร้านนี้มานาน เกิดความผูกพัน
ถ้าพูดไม่ได้นี้ผมเรียก ไอ้ร้านระยำนะครับ คิดว่าคงมีร้านแบบนี้น้อย
แน่นอนเรามีความแตกต่างทางรสนิยม แต่ทุกคนมีสิทธิ์พูดบอกกล่าว
แต่ทางเจ้าของร้านจะปรับปรุงหรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่อง เพราะทางคุณเบน ก็บอกขอเวลาดูก่อน
ส่วนสุดท้ายจะพิจารณาก็ว่าไปครับ
ไม่ใช่บอกเค้าลูกค้าเลิกกิน ไปแด๊กร้านอื่น ผมว่าโครตจะ simple
..มองในแง่ร้านค้า ถ้าเค้าปรับปรุงร้านใหม่ ผมขอถามหน่อยว่าเราจะบอกเค้าให้ทำกลับแบบเดิมทำไมครับ การปรับปรุงเค้าต้องลงแรง ลงทุนไปเท่าไหร่ แต่คุณมาบอกว่าคุณไม่ชอบแบบนี้ ทำกลับแบบเดิมดีกว่า คุณว่าเจ้าของร้านเค้าจะคิดยังไง
ในแง่การลงทุน ผมคิดนะ ถ้าปรับปรุงแล้วห่วยจริงๆ
ผมยอม Cut loss ออกเพื่อรักษาต้นทุนทั้งหมด
การดื้อรันต่อแนวคิดโดยไม่ได้มองปัจจัยอื่นๆต่างๆนาๆ
มั่นใจมากเกินไป ไม่ถอยหลังออกมามองปัญหา ก็มีจุดจบให้เห็นเยอะ
อันนี้มองในแง่การลงทุนรูปแบบร้านนะครับ เพราะคุณชงมาแนวทางนี้
ส่วนเรื่องเว็บผมว่าคุณเบนคงมีทางรับมือเหมือนกัน
จะลงทุนอะไรก็แล้วแต่ เอาแต่ใจไม่ได้นะครับ