Balmung
ตามตำนานนอร์สนั้น ดาบบาลมุง (บ้างก็เรียกว่าบาลมง) เป็นดาบที่ถูกสร้างขึ้นโดย
ช่างตีดาบนามว่าเวย์แลน และ เทพโอดิน ซึ่ง เทพโอดินได้นำดาบเล่มนี้ไปปักไว้กับต้นโอ๊ก
ในพระราชวัง โวลซัง และ ได้เปล่งวาจาเอาไว้ว่าใครที่สามารถดึงดาบเล่มนี้ขึ้นมาได้
จะถูกดลบันดานให้ชนะในการต่อสู้ เจ้าชายแห่งอาณาจักรโวลซังทั้ง 9 พยายามดึงมันขึ้นมา
แต่คนที่ดึงขึ้นมาได้กลับเป็นเจ้าชายคนสุดท้อง ที่ชื่อว่าซิกมันด์ และนอกจากนี้
ยังเป็นดาบคู่กายของ ซิกฟรีต ยอดนักรบในตำนานของชาวเยอรมันด้วย
ในสมัยที่เล่นเกม Ragnarok ยุคแรกๆ ถือเป็นดาบที่มี ความสามารถสูงที่สุดในเกม(ของสมัยนั้น) บวกค่าสถานะเว่อๆ โจมตีเป็นธาตุลม ซึ่งลือกันว่าไม่มีใครได้มีโอกาสใช้ยกเว้น GM
ส่วนเกมอื่นๆ อย่าง Castlevania หลายๆ ภาคก็มีดาบนี้เป็นอาวุธด้วยเช่นกัน
Longinus
หอกลองกินุสหรือที่รู้จักกันในนาม หอกแห่งโชคชะตา (Spear of Destiny) ตำนานมีกล่าวไว้ว่า
ตอนที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนนายทหารโรมันชื่อ กาลิอัส คาสเซียส ลองกินุส (Gaius Cassius Longinus)
ซึ่งมีอาการตาใกล้บอดและได้รับหน้าที่ตรึงกางเขนพระเยซูต้องการจะหลีกเลี่ยงที่จะทำลายพระศพ
เขาจึงใช้หอกแทงไปยังสีข้างของพระองค์ และเมื่อพระโลหิตของพระเยซูกระเด็นมาโดน
ก็ทำให้ตาของเขากลับมามองเห็นได้ดีอีกครั้ง
จากนั้นทหารผู้นี้เกิดศรัทธาจนออกจากกองทัพและบวชเป็นนักบวชในศาสนาคริสต์ หลังจากนั้นเขาถูกทรมาน
โดยโรมันจนเสียชีวิตและกลายเป็นนักบุญลองกินุสในภายหลังและหอกที่เขาใช้แทงนั้นก็ถูกเรียกว่า หอกลองกินุส
เรียกได้ว่าเป็นอาวุธศักดิสิทธิ์อีกชิ้นหนึ่งเลยก็ว่าได้
หอกลองกินุส มีปรากฏอยู่ในเกมมากมาย เช่น Disgaea หรือแม้แต่ Castlevania ก็ยังมีการนำหอก
ลองกินุสมาใช้เป็นไอเทมในเกม และเกมที่มีหอกลองกินุสปรากฏมากที่สุดก็คงไม่พ้นซีรี่ส์ Final Fantasy
และไม่ใช่แค่เพียงในเกมเท่านั้น เพราะในอนิเมชั่นบางอย่างก็มีการนำหอกลองกินุสไปใช้
เช่น Evangelion เป็นต้น
Gungnir
หอกอีกอันที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ หอกกุงเนียร์ (บ้างก็เรียกว่า กังเนียร์) หอกของโอดิน เทพสูงสุด
ของศาสนา อาซาทรู อันเป็นศาสนาโบราณที่เคยนับถือของชนในแถบสแกนดิเนเวีย
เป็นหอกที่ว่ากันว่าไม่เคยพลาดเป้าแม้แต่ครั้งเดียว แต่ก็ใช่ว่าเทพโอดินจะใช้หอกเล่มนี้บ่อยนัก
และจากในตำนานนั้น เทพโอดินได้นำหอกนี้ออกศึกมหาสงคราม Ragnarok ด้วย
เป็นหอกอีกชิ้นที่โด่งดังในหลายๆ เกมไม่แพ้หอกลองกินุสเลยทีเดียวครับ สำหรับหอกกุงเนียร์
แต่อาจจะต่างจากลองกินุส ตรงที่ในเกมส่วนใหญ่ มักจะให้หอกกุงเนียร์เป็นธาตุสายฟ้า
แทนที่จะเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ เหมือนๆ กับหอกลองกินุส
Aegis Shield
โล่ห์เอกิส (บ้างก็เรียกอิจิส) เป็นโล่ห์ประจำตัวของเทพีอาเธน่าในนิยายเทพปกรณัมป์กรีกซึ่งได้รับสืบทอด
มาจากเทพซุสอีกทีหนึ่ง ตามตำนานว่าไว้ว่า เทพีอาเธน่า เคยมอบโล่เอกิสให้กับวีรบุรุษเพอซิอุส
เพื่อให้ใช้โล่ห์นี้ช่วยในการปราบเมดูซ่ามาแล้ว
ในเกมส่วนใหญ่มักจะพบว่า โล่เอกิส เป็นไอเทมโล่ห์ระดับสูง แม้จะไม่ใช่โล่ห์ระดับสูงที่สุดของเกม
แต่หากมองในแง่ของความโด่งดังและเป็นตำนานนั้น ถือว่าโล่ห์เอกิสนี้เป็นที่รู้จักกันดีกว่า หากเพื่อนๆ
เคยเล่นเกม RPG หรือเกม MMO ต่างๆ ผมว่ากว่า 70 % ของเกมนั้นต้องมีโล่ห์นี้ให้ใช้ในระดับสูง
แน่นอนครับ
Masamune - Murasame
ในเกมหรือการ์ตูนหลายๆ เรื่องมักนำดาบสองเล่มนี้มาใช้พูดถึงเป็นดาบคู่
มาซามุเนะ และ มุราซาเมะ ดาบทั้งสองเล่มนี้จัดเป็นดาบในตำนานที่มีชื่อเสียงในด้านของการเป็นดาบ
ที่มีอำนาจลี้ลับอยู่ โดยในตำนานเล่าขานกันว่า หากนำดาบทั้งสองเล่มไปปักอยู่ในแม่น้ำ ให้คมดาบ
หันหน้าทวนกระแสน้ำ และเมื่อมีใบไม้ไหลตามน้ำมา ดาบมาซามุเนะ จะดึงใบไม้เข้ามาหาคมดาบ
และตัดใบไม้ทุกใบที่ผ่านเข้ามาให้ขาดเป็น 2 ท่อนเพียงแค่ใบไม้สัมผัสคมดาบ แต่กลับไม่มีใบไม้ใบใด
ไหลตามน้ำมาสัมผัสกับดาบมุราซาเมะได้เลย และหากมีใบไม้ไหลมาใกล้ๆ ก็จะเหมือนถูกพัดออกข้างๆ
และไหลผ่านไปได้อย่างปลอดภัย
ถึงแม้จะดูเหมือนว่าดาบแต่ละเล่มจะมีคุณสมบัติต่างกัน แต่ความเป็นจริงแล้ว ดาบทั้งสองเล่มนี้
ถือว่าเป็นดาบต้องคำสาปทั้งคู่เพราะว่าดาบมาซามุเนะนั้นจะมีความกระหายการฆ่าฟันอยู่ตลอดเวลา
แต่ดาบมุราซาเมะจะเป็นดาบที่มีรังสีที่สามารถขับไล่ได้แม้แต่สิ่งไม่มีชีวิต ดาบทั้งสองเล่มนี้ปรากฏ
ในเกมต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเกมแนว RPG นอกจากนี้ยังมีปรากฎในภาพยนตร์และอนิเมชั่นอีกมากมาย
ที่จริงยังมีดาบมุรามาสะ อีกเล่มหนึ่ง ที่จัดว่าเป็นดาบอาถรรพ์เลยก็ว่าได้ แต่จากตำนานที่ผมไปหาข้อมูลมานั้น
ไม่ค่อยเหมือนกันสักเท่าไร ผมจึงไม่ได้นำมาเสนอครับ
ภาพเปรียบดาบทั้งสองเล่มเวลานำไปปักไว้ในแม่น้ำ ดาบมาซามุเนะจะผ่าใบไม้ออกเป็น 2 ซีก
แต่มุราซาเมะ จะพัดใบไม้ให้ออกห่างจากคมดาบและผ่านไปเอง
Kusanagi no Tsurugi
ดาบคุซานางิ โนะ สึรุงิ (หรือเรียกสั้นๆ ว่าดาบคุซานางิ) มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ดาบตัดหญ้า
เป็นอีกดาบที่มีประวัติอันยาวนานในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในตำนานเล่าขานกันมาว่าเป็นดาบที่เทพ
สุซาโนโอะ โนะมิโคโตะ ตัดออกมาจากหางของอสูรงูยักษ์ 8 หัว นาม ยามาตะโนะ โอโรจิ
และสืบทอดดาบเล่มนี้ให้แก่จักพรรดิของญี่ปุ่นต่อกันมารุ่นต่อรุ่น
เหตุผลที่ถูกใช้ชื่อว่าดาบตัดหญ้านั้นเป็นเพราะในศึกสงครามที่แคว้นซางามิ เจ้าชายยามาโต้
ที่ถือครองดาบคุซานางิ อยู่ได้ถูกข้าศึกล่อลวงเข้าไปลอบสังหารเผาทั้งเป็นในทุ่งหญ้า
จนเจ้าชายยามาโต้ได้ชักดาบคุซานางิออกมา ก่อให้เกิดพลังงานแผ่รัศมีออกมาตัดต้นไม้
และพงหญ้าทั้งหมดในบริเวณนั้นขาดกระจุยจนหมดสิ้น
Excalibur
ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ คือดาบในตำนานของกษัตริย์อาเธอร์ ที่เล่าลือว่ามีอำนาจวิเศษ
หรือมีความเกี่ยวข้องกับสิทธิ์อันชอบธรรมในการปกครองแผ่นดินอังกฤษ
ในบางครั้งก็เรียกดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ว่า ดาบในศิลา (Sword in the Stone)
ซึ่งใช้ในการพิสูจน์สิทธิ์ครองแผ่นดินของอาเธอร์ แต่ในงานเขียนหลายเวอร์ชัน
อาจแยกดาบทั้งสองนี้เป็นคนละเล่มกัน ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์นี้ปรากฏอยู่ในตำนาน
กษัตริย์อาเธอร์มานานแล้ว ในภาษาเวลช์เรียกดาบนี้ ว่า Caledfwlch
สำหรับดาบเล่มนี้ หากไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะเป็นดาบที่ผมมั่นใจว่าผู้ที่เล่นเกม RPG
ทุกคนไม่มีใครไม่รู้จักมันแน่ๆ ครับ เพราะมันเป็นสุดยอดแห่งดาบศักดิ์สิทธิ์ ที่ใช้เป็นตัวแทน
แห่งแสงสว่าง ความถูกต้อง และความบริสุทธิ์ ที่ทุกเกม RPG ต้องมี และบางเกม
อาจใช้ดาบเล่มนี้เป็นอาวุธสุดยอดของเกมเลยก็มี
แต่ละอัน สุดยอดไปเลย
ได้รู้ความจริง ได้ยิ่งกว่าฟุตบอล
อ้างอิงจาก:
Cr. online-station.net
[/b]