[ ภาษีง่ายโพดๆ ตอนที่ 4 : มีชื่อว่า "ภาษีขาย" แต่ว่า "ไม่ใช่" รายได้นะ ]

ภาษีง่ายโพดๆ ตอนที่ 4 นี้ เขียนขึ้นมาเพราะต้องการไขข้อข้องใจให้กับท่านเจ้าของกิจการทั้งหลาย เพราะเวลาขายสินค้าหรือให้บริการกับลูกค้าทีไรมักจะเกิดอาการเผลอตัวและเผลอใจ จนลืมคิดไปว่า "ภาษีขาย" หรือ "ภาษีมูลค่าเพิ่ม" ที่เราเรียกเก็บจากลูกค้านั้น "ไม่ใช่รายได้" ของธุรกิจ!!!!

"ภาษีมูลค่าเพิ่ม" คือ ภาษีที่เรียกเก็บจากบุคคลที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการ โดยจัดเก็บเฉพาะจากมูลค่าส่วนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นตอนของการผลิต การจำหน่ายหรือการให้บริการ โดยถือเป็นภาษีทางอ้อมประเภทหนึ่ง

โดยวิธีการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มทั่วไปนั้นจะเรียกว่า วิธีภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อ หรือ ภาษีขายลบด้วยภาษีซื้อ และถ้าหากในเดือนไหนภาษีขายมีมากกว่าภาษีซื้อ ส่วนต่างนี้จะถูกนำส่งให้แก่กรมสรรพากร

ดังนั้น สำหรับการขายสินค้าที่ดีและถูกต้อง ผู้ประกอบธุรกิจทั้งหลายจึงควร "ตั้งราคา" ที่ไม่รวมภาษีไว้ก่อน แล้วจึงค่อยคำนวณ "ภาษี" เข้าไป "เพิ่ม"

ตัวอย่างเช่น
ขายสินค้าในราคา 1,000 บาท ต้องบวก "ภาษีขาย" เข้าไปอีก 70 บาท เมื่อเรียกเก็บจากลูกค้า จะต้องเรียกเก็บในราคา 1,070 บาท

โดยหลักการทางบัญชีที่ถูกต้องจะถือเป็น "รายได้" ของธุรกิจจำนวน 1,000 บาทเท่าน้น ส่วนภาษีขายหรือภาษีมูลค่าเพิ่มนั้นจะถือเป็น "หนี้สิน" ที่จะต้องมาคำนวณหักลบกับ "ภาษีซื้อ" ว่าที่เหลือต้องชำระอีกเท่าไร

โปรดฟังอีกครั้งนะครับว่า ...
ภาษีขายที่เรียกเก็บจำนวน 7% เพิ่มเติมนั้น ไม่ใช่ "รายได้" ของเรา แต่เป็น "หน้าที่" ของผู้ประกอบการที่ต้องเรียกเก็บจาก "ลูกค้า" หรือ "ผู้รับบริการ"

และเมื่อ "ภาษี" ไม่ใช่ "รายได้" ของเราแล้ว ....
ก็อย่าไปเสียดายมันเลยคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบ

เครดิต https://www.facebook.com/TaxBugnoms?ref=ts&fref=ts

ภาษีประเทศเรา เป็นแบบถดถอยคือ เก็บ 7 % ทั้งหมดก็เก็บเท่าเทียมกันทุกคน

แต่ต่างประเทศบางประเทศ เป็นแบบก้าวหน้า คือ เก็บตามรายได้ของคนยิ่งมีรายได้มากต้องเสียมาก มันจึงเกิดความเท่าเทียมมากขึ้น

ผมเข้าใจถูกปะพอดีความรู้น้อยถ้าผิดก็แนะนำผมได้ครับ

ข้อมูลต่อไปนี้ ผมเอามาจาก เว็บที่ผมใส่เครดิตไว้ด้านบนนะครับ



มิตรสหายท่านหนึ่งที่เป็นอาจารย์นิติศาสตร์พูดให้ฟังว่า ....

เรื่องภาษีเนี่ย ประเทศไทยมีระบบที่ค่อนข้างแปลกมากๆเพราะใช้นโยบายเก็บภาษีทางอ้อมมากกว่าทางตรง โดยมีอัตราส่วนอยู่ที่ประมาณ 70:30 ทั้งที่ในยุโรปอยู่ที่ประมาณ 40:60

นั่นหมายความว่า ไม่ว่าคุณจะรวยจะจนก็ตาม คุณต้องจ่ายเงินสมทบให้ประเทศในอัตรา 7% เท่ากัน (โดยขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของคุณ)

เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลเลยต้องไล่บี้ให้สรรพากรมาตรวจบิลไงครับ เพราะรายได้หลักอยู่ที่ตรงนี้ และเป็นที่มาว่าต้องออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมการบริโภคให้มากขึ้น คนที่ได้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้ความเหลื่อมล้ำเพิ่มเรื่อยๆ

ดังนั้น เราจะเห็นคนชั้นกลางลงมาบริโภคมากขึ้นแต่เหลือเงินออมน้อยลง ในทางกลับกันเจ้าสัวนายทุนมีกำไรมากขึ้น มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ผลการสำรวจล่าสุด 10 กลุ่มทุนใหญ่ไทยมีสินทรัพย์รวมกัน 25% ของประเทศแล้วนะครับ

ประเทศอื่นเลือกแก้ปัญหานี้ด้วยการเก็บภาษีทางตรงมากกว่า โดยเก็บภาษีอัตราก้าวหน้ากับคนรวย เพื่อเอาเงินมาทำบริการสาธารณะ เช่น โรงบาล โรงเรียน ฯลฯ

ถ้าประเทศไทยเลือกทางนี้บ้าง สรรพากรก็ได้ชนกับคนรวยมากจำนวนน้อยนิด แทนที่ต้องชนกับเจ้าของกิจการขนาดย่อยจำนวนมากเหมือนอย่างในปัจจุบัน 555+

แต่ที่ตลกร้ายก็คือ คนรวยมากในประเทศนี้ มักมีอิทธิพลจนสรรพากรไม่กล้า "ชน" น่ะสิครับ

มีความคิดเห็นยังไงแลกเปลี่ยนให้ฟังได้นะครับ

อันนี้เป็นภาษีที่เกิดจากฐานการบริโภคครับ

ไม่ใช่ฐานเงินได้

ฉะนั้นที่ท่านกล่าวว่าเก็บตามรายได้ของคน ไม่น่าจะถูกต้องนะครับ

ถ้าเราไปดูตามต่างประเทศ

ประเทศที่เจริญแล้วส่วนใหญ่ รายได้หลักมาจากภาษีทางตรง (ภาษีเงินได้ ไม่ว่าจะเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล)

แต่ประเทศที่ด้อยพัฒนา หรือจะเรียกให้ดีหน่อยก็กำลังพัฒนา ส่วนใหญ่รายได้หลักมาจากภาษีการบริโภคครับ

ถูกต้องค๊าบบ ของเราเก็บภาษีได้จากทางอ้อมเยอะกว่าทางตรง แต่ต่างประเทศเก็บจากทางตรงได้มากกว่า

ลุ้นกันต่อไปนะครับสำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม

ว่าจะกลับไปใช้ 10% ตามเดิมหรือไม่ เพราะตอนนี้ที่เป็น 7%

เป็นเพราะรัฐออกกฏหมายต่ออายุลดภาษีให้อยู่ แต่คงยากมาก

ใครขึ้นส่วนนี้นี่ เหมือนฆ่าตัวตายทางการเมืองเลย

สำหรับภาษีเงินได้นะครับ มีแนวโน้มจะปรับลดลงเพราะว่าอัตราภาษีของเรานั้นถือว่า

สูงมากในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยกัน เพื่อลดผลกระทบความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ทางสรรพกรเคยบอกผมแล้วว่าลดแน่แค่รอรัฐบาลประกาศใช้นะครับ

ปัญหาที่ภาษีนิติบุคคลเก็บได้น้อยนั้นไม่ใช่เพราะอัตราภาษีเราแย่หรอกคับ

แต่หลักๆคือการบังคับใช้จริงๆ ลองไปดูสิมีใครจ่ายภาษีเต็มๆบ้าง

ใครในี้จบบัญชีบ้าง

บัญชีครับ >< ไม่ทราบสำนักไหนกันบ้างเอ่ย

ตราบใดที่เงินยังอยู่เหนือกฏหมาย ผมว่าประเทศก็ยังเก็บทางตรงไม่ได้หรอกครับ
กฏหมายบ้านเราไม่รุนแรงพอ ทำให้คนที่มีอำนาจหรือเงินมากๆยังใช้ในทางที่ผิดอยู่

อันนี้ต้องไปด่าตัวบุคคลครับ ทางด้านกรมสรรพกรเองก็ผิดที่ไม่ตรวจจริงจัง

ทางด้านห้างร้านก็ผิดที่โกงภาษี แต่ที่ขนาดโกงภาษีก็ไม่ใช่ทุกร้านจะกำไรกันดีนะครับ

ยังรายได้น้อยอยู่เลย ลองมองห้างร้านเล็กๆสิ

แต่ตอนนี้ที่ต้องกำจัดให้ได้คือพวกโกง VAT อันนี้เลวของจริง