" เกาะมาดากัสการ์ " โลกแห่งสัตว์และธรรมชาติอุดมสมบูรณ์
เกาะมาดากัสการ์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยมาดากัสการ์ (Democratic Republic of Madagascar) เป็นเกาะใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของโลก รองจาก กรีนแลนด์(Greenland) นิวกินี(Newgini) และบอร์เนียว(Borneo) วัดจากเหนือจรดใต้ยาว 1,600 กิโลเมตร มีขนาดพื้นที่เกือบเท่าครึ่งของประเทศฝรั่งเศส และใหญ่กว่าประเทศไทย 70,000 กว่าตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ทางมหาสมุทรอินเดีย ด้วยลักษณะประเทศที่เป็นเกาะ วัฒนธรรม และ หลาย ๆ สิ่งจึงแตกต่างจากวัฒนธรรมแอฟริกันทั่วไปบนผืนทวีป ไม่ใช่เพียงเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเท่านั้น มาดากัสการ์ยังเป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่พิเศษ มีการประมาณว่า กว่า 70% ของสัตว์พื้นเมืองที่นี่ไม่สามารถหาพบได้ที่อื่นใดในโลกนอกจากที่เกาะมาดากัสการ์
2,000 ปีล่วงมา เกาะมาดากัสการ์ เป็นที่รู้จักกันในนาม "เกาะแดงใหญ่" เพราะสีของดิน ซึ่งบัดนี้กำลังถูกชะลงทะเลในอัตราที่น่ากลัวด้วยน้ำมือมนุษย์ ธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์และปลอดภัย บนเกาะแห่งนี้ สัตว์และพืชในสกุลต่างๆ ของมาลากาซีกว่า 90% เป็นพืชและสัตว์พื้นเมืองเฉพาะท้องถิ่นมาดากัสการ์เท่านั้น พื้นที่บางแห่งจึงถูกกำหนดเป็นเขตสงวนคุ้มครอง
สำหรับพื้นที่ทางตอนใต้ของเกาะจะเป็นเขตแห้ง แล้ง มีป่าหนาม และแคนยอนซึ่งมีไม้อวบน้ำหลากหลายสกุลขึ้นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น Pachypodium, Euphorbia, Aloe, Alluaudia, Adenia และ Adansonia (Baobab) เป็นต้น
เมืองหลวงชื่อ อันตานานาริโว(Antananarivo) เป็นเมืองหลวงที่มีประชากรประมาณ 1 ล้านคน พลเมืองทั้งประเทศมากกว่า 17,000,000 คน ครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้อายุไม่เกิน 20 ปี รวมถึง "ซานาทานี" (Zanatany) คนเชื้อสายฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคน มีภาษา มาลากาซี (Malagasy) และฝรั่งเศส เป็นภาษาราชการ อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ เกษตรกรรม วานิลลา ข้าว กานพลู กาแฟ และน้ำมันหอมระเหย สิ่งทอ อาหารทะเล และการท่องเที่ยว การทำเหมือง (หินอุตสาหกรรมและอัญมณี)
หากให้กล่าวถึงสัตว์แปลก ๆ บนเกาะมาดากัสการ์ให้หมด อาจจะต้องใช้เวลาเล่าความนาน จึงขอยกตัวอย่างสัตว์ที่แปลก ๆ และมีชื่อเสียงเท่านั้น สัตว์ชนิดแรกที่เมื่อกล่าวถึงเกาะมาดากัสการ์ หลายคนก็จะพากันนึกถึง เจ้าตัวลีเมอร์ (Lemur) ลีเมอร์เป็นไพรเมท หรือ สัตว์ประเภทลิง ชื่อ ลีเมอร์ ตั้งตามเทพปกรณัมโรมัน แปลว่า ผี หรือ ดวงวิญญาณ เชื่อมโยงถึงพฤติกรรมของตัวลีเมอร์ที่โดยมากเป็นสัตว์หากินกลางคืน หากใครพบเห็นตอนกลางคืนอาจตกใจ เพราะพวกมันมีดวงตากลมโตที่สะท้อนแสง และมักร้องเรียกฝูงด้วยเสียงดังโหยหวน
บนเกาะมาดากัสการ์มีลีเมอร์อยู่หลากหลายประเภท แต่ที่เป็นที่รู้จักมาก คือ ลีเมอร์หางแหวน หรือ ลีเมอร์หางปล้อง (Ring-tailed Lemur) เด็ก ๆ ที่ได้รับชมภาพยนต์การ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องมาดากัสการ์ น่าจะรู้จักเจ้าตัวนี้กันดีจากบทบาทกวน ๆ ของเจ้าลีเมอร์ที่ชื่อ กษัตริย์จูเลียสที่แปด (King Julius XIII)
นอกจากนี้ ยังมี แบมบูลีเมอร์ (Bamboo Lemur) เป็นลีเมอร์ที่กินไผ่เป็นอาหาร ลีเมอร์แคระ (Dwarf Lemur) เป็นลีเมอร์ขนาดเล็ก กินผลไม้เป็นอาหาร พบได้ทั่วไปบนเกาะ ลีเมอร์ ที่ตัวเล็กสุดคือ ลีเมอร์หนู (Mouse Lemur) สัตว์ชนิดนี้อาจจะเป็นสัตว์ประเภทลิงที่ตัวเล็กที่สุดในโลก
ส่วนลีเมอร์ที่ตัวใหญ่ที่สุดมีชื่อว่า Indri มีขนสีขาว และดำ ซึ่งขึ้นชื่อว่า เป็นสัตว์ที่มีเสียงโหยหวนฟังดูน่ากลัวที่สุดในบรรดาลีเมอร์ บ้างว่าเสียงของลีเมอร์ Indri นั้นฟังคล้ายเสียงสื่อสารของปลาวาฬ ที่ดังก้อง และยานคาง ตัว Aye-aye (ออกเสียงว่า ไอ๋-ไอ๋) เป็นลีเมอร์ชนิดหนึ่งเช่นกัน แต่ออกจะมีชื่อเสียงโด่งดังในความแปลกของรูปลักษณ์ ด้วยหูที่กางโตเหมือนค้างคาว ฟันคล้ายหนู มีนิ้วที่ยาวและลีบติดกระดูก บางคนว่า แลคล้ายสัตว์ประหลาดที่หลุดมาจากโลกการ์ตูน ผู้เชี่ยวชาญบางท่านคิดว่า ไพรเมทแบบตัวลีเมอร์นี้ยังมีอีกหลายสายพันธุ์รอให้ค้นพบอีกบนเกาะมาดากัสการ์
นอกจากลีเมอร์แล้ว มาดากัสการ์ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของ กิ้งก่า Brookesia สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็กที่สุดในโลก มีถิ่นกำเนิดบนเกาะมาดากัสการ์เท่านั้น มันมีลำตัวยาวสูงสุดเพียง 30 มิลลิเมตร พบได้บริเวณกองใบไม้ที่ทับถมบนพื้น ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของมัน ด้วยเหตุนี้มันจึงมีอีกชื่อหนึ่งคือ กิ้งก่าใบไม้ หากถูกจู่โจม กิ้งก่า Brookeasia จะแกล้งตาย โดยการทำตัวแข็ง ไม่เคลื่อนไหว ทำให้มันกลมกลืนไปกับใบไม้ ช่วยให้ผู้ล่าหาตัวลำบาก
นอกจากนี้ ยังมีผีเสื้อกลางคืนชนิดหนึ่งชื่อ Comet Moth มีความสวยงามที่หางที่สามารถยาวได้ถึง 20 เซนติเมตร และจัดว่าเป็นผีเสื้อกลางคืนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความแปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่งของเกาะมาดากัสการ์คือ เกาะมาดากัสการ์ไม่มีคางคก ซาลาแมนเดอร์ หรือตัวนิวต์ แต่กลับขึ้นชื่อว่า มีความหลากหลายของกบมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ด้วยคาดว่ามีกบมากกว่า 300 สายพันธุ์อาศัยอยู่บนเกาะ
ยกตัวอย่างกบมาดากัสการ์สักสองสามพันธุ์ กบมะเขือเทศ (Tomato Tomato) กบตัวกลมมีสีแดงสดคล้ายผลมะเขือเทศ แต่อย่าเผลอไปจับมันเข้า สีสันสดใสในธรรมชาติเป็นกลไกเตือนภัยต่อศัตรู ให้พวกมันอยู่ห่าง ๆ เพราะเจ้าของสีสวยมักจะมีสารพิษเป็นอันตราย
สำหรับกบมะเขือเทศมันสามารถขับเมือกเหนียว ๆ ออกมาเป็นอาวุธป้องกันตัว เมือกนี้เป็นอันตรายต่อคน และสัตว์ ถึงอย่างไรก็ตาม กบมะเขือเทศก็เคยเป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ มาแล้วครั้งหนึ่งในประเทศไทย กบมาดากัสการ์อีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ คือ กบแมนเตลลา (Mantella frog) ที่มีหลากหลายสี หลากหลายสายพันธุ์ และเป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงสัตว์เช่นเดียวกับกบมะเขือเทศ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงประเทศเกาะที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยว ไม่มีอาณาเขตติดกับพื้นทวีป แต่สรรพสัตว์ที่น่าฉงนเหล่านี้เป็นสิ่งแสดงความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางระบบนิเวศน์ของประเทศมาดากัสการ์เป็นอย่างดี
การเดินทางไปมาดากัสการ์จากประเทศไทยนั้น คุณสามารถโดยสารเครื่องบินจากสายการบินเคนยาแอร์เวย์ไปกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา และต่อเครื่องบินโดยสารจากกรุงไนโรบีไปยังกรุงอันตานานาริโว ประเทศมาดากัสการ์ได้ง่าย และสะดวกสบาย หรือสามารถโดยสารเครื่องบินจากสายการบินแอร์มาดากัสการ์ บินตรงจากกรุงเทพไปกรุงอันตานานาริโว เมืองหลวงประเทศมาดากัสการ์ได้
ช่วงเวลาดีที่สุดสำหรับการไปเที่ยวชมมาดากัสการ์ คือ เดือนพฤษภาคมและพฤศจิกายน ส่วนช่วงที่ไม่เหมาะคือ ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม เพราะเป็นช่วงที่ฝนตกหนักสุด อาจมีพายุไซโคลน โดยเฉพาะทางตอนเหนือและตะวันออกของประเทศ ในเวลาเดียวกันหลายภูมิภาคมักจะมีสภาพอากาศที่แตกต่างกัน เช่นเมืองหลวงมีอากาศเย็น ในขณะที่บริเวณตอนเหนือมีอากาศร้อน โดยเฉพาะบริเวณอุทยานแห่งชาติอันดาซีเบ หรือมันตาเดียที่มีป่าฝนอุดมสมบูรณ์ มีฝนตกชุก และเป็นฝนแบบละออง โดยควรตรวจสอบสภาพอากาศของเมืองที่จะไปก่อนการเดินทางทุกครั้ง
http://travel.thaiza.com
http://www.clipmass.com