ตั้งแต่เป็นไฟล์ดิจิท่อลหรือเรียกรวมๆว่าไฟล์rawก็จบได้ทั้งหลังกล้องหลังคอมเหมือนกันหมดนั้นแหละครับ

อันนี้เกร็ดความรู้เพิ่มเติม**การแต่งภาพมีตั้งแต่สมัยใช้ฟิล์มด้วยนะครับ :)

ถ่ายเสร็จก็เอามาแต่งในห้องมืดหรือเรียกว่า darkroom
พอเป็นยุคดิจอท่อล adobe,เลยอามาเล่นคำเป็นกิมมิค
เป็นโปรแกรมlightroom

หรือเอาขั้นลึกจริงๆ จบหลังกล้องมันแค่คำเท่ๆเอาไว้ให้บางจำพวกพูดเอาไว้ขิงคนแต่งรูปในคอม555

เพราะจริงๆแล้วเวลาเราถ่ายรูปมันจะเป็นraw ไฟล์เสมอ
จบหลังกล้องก็คือกล้องมันจะเอาrawไฟล์มาแปลงเป็นjpg โดยใช้พรีเซทการแต่งรูปของวิศวกรรมที่เค้าออกแบบของแต่ละค่ายให้เราแทน

โดยที่เราไม่ต้องเสียเวลาแต่งในคอม


ฉะนั้นยังไงรูปมันก็ต้องผ่านกระบวนการโปรเสสจบหลังกล้องจริงๆนั้นไมมีอยู่จริง:)


อยู่ที่ว่าราจะแต่งรูปเองหรือใช้พรีเซทในกล้อง

ฟังดูแล้ว รวมๆหลายๆเม้น

มันน่าจะเกิดจากค่านิยม หน้าชัด หลังเบลอ

รูปไหน สร้างมิติ จาก dof ได้ คือสวย ว่างั้น

สมัยก่อนใช้ D90 จบที่คอมครับ ถ่ายโหมด M มาเผื่อๆไว้แล้วมาแต่งต่อในคอม

ทีนี้ของเจ้าของกระทู้ อย่าเพิ่งน้อยใจไปครับว่าสวยสู้กล้องมือถือไม่ได้ เพราะกล้องมือถือมันปรับแต่งด้วย Ai มาแล้วครับ

ทีนี้ผมจะแนะนำเจ้าของกระทู้ว่า ถ้าเน้นถ่ายคน หลังต้องละลายครับ เปิดค่ารูปรับแสงให้กว้างสุด (ต่ำสุด) ซูมสุด เข้าใกล้แบบให้มากที่สุดที่เลนส์จะโฟกัสได้ จัดให้หลังละลายไปไกลๆ ทีนี้เลนส์ของเจ้าของกระทู้เป็น Lens Kit ค่ารูรับแสงมันไม่กว้างแบบพวก เลนส์ฟิก 1.2/1.4/1.8 มันจะละลายได้น้อย

ถ้าไม่อยากเลนส์งอก ตั้งค่าถ่าย RAW มาเลยครับ แล้วไปสมัคร Lightroom รายเดือน ในโปรแกรมจะมีฟังชั่น Lens Blur (ฉลาดกว่ามือถือเยอะ ตัดขอบสวยกว่า วางระยะตื้นลึกได้ฉลาดกว่า) แต่ทั้งนี้ต้องถ่ายมาดีระดับนึงด้วยนะครับ พอหลังละลายแล้ว ก็ไปฟังชั่น Present ถ้าเสียรายเดือนมันจะมี Recommended Preset เข้าไปเลือกแบบที่ถูกใจเลยครับ เท่านี้ก็ยกระดับภาพออกมาได้ดีมากระดับนึงแล้วครับ แล้วจะไม่ค่อยยากถ่ายมือถือแล้ว เพราะไฟล์ Raw กล้องใหญ่ แต่งต่อได้เยอะมากไม่เละ

พอฝึกไปได้ซักระยะ ท่านลองเล่นย้อนแสง หรือภาพที่แสงมันซับซ้อนครับ แล้วฝึกใช้ฟังชั่น Masking ทีนี้จะเข้าใจเลยครับ ว่ามือถือเทพแค่ไหนเจอภาพที่ย้อนแสงหนัก ตัวไหนก็ไปไม่รอด สู้กล้องใหญ่ไม่ได้เลยครับ ภาพที่ได้จะยกระดับไปอีกขั้นนึงเลยครับ

เท่าที่เห็นงานของตากล้องเก่ง ๆ ในตอนที่ถ่ายกันหน้างาน คนที่เก่ง ๆ นี่จบตั้งแต่หลังกล้องแล้วครับ

ถ้าเป็นในสตูดิโอ จัดแสง จัดไฟช่วย เอาให้จบกันตั้งแต่หลังกล้อง จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่น

ที่ผมเห็นคือในกองถ่ายนางแบบแม็กกาซีน ช่างภาพนี่คือเก่งมาก

speed shutter 1/8 ยังกดให้นิ่งได้ ภาพคมกริบ ผมนี่นับถือจริง ๆ

แล้วก็มีออกทริปครั้งนึง เห็นภาพหลังกล้องของช่างภาพจากสตูดิโอ มาลงทริป ก็ถ่ายกันเก่งแบบจบหลังกล้องได้จริง ๆ

แสง สี ความคมของภาพ composition mood & tone เป๊ะหมด

ส่วนใหญ่ที่เห็นจบหลังคอมทั้งนั้นครับ อย่างน้อยก็ดึงสีขึ้น

เอาจริงๆเราไม่ควรยึดว่าต้องจบหลังกล้องหรือในคอมนะครับ

แนวคิดควรไปทางที่ทำยังไงให้ได้ภาพสุดท้ายที่เราคิดออกมา

ถ้าภาพสุดท้ายในหัวเราจบหลังกล้องได้ก็ควรถ่ายให้จบหลังกล้อง

ถ้าต้องใช้โปรแกรมช่วยจบ ก็ถ่ายออกมาให้ไปแต่งได้ออกมาตามที่เราคิด

เครื่องมือมีไว้ช่วยให้งานเราออกมาดีขึ้น ง่ายขึ้น แล้วก็เป็นไปตามที่เราคิดยิ่งขึ้นครับ

จบหลังกล้องครับ ตั้ง preset พวกสีไว้เป็น profile อยู่แล้ว

ผมจบในคอมครับ บางทีมันก็ไม่ได้มีเวลาเซตแสงขนาดนั้น ยังไงก็ต้องมาตรวจรายละเอียดผลงานอยู่ดี
ภาพไหนได้ก็ไม่ได้ทำอะไร ภาพไหนไม่ถูกใจก็เพิ่มเอา สำหรับผมมันปกติอยู่แล้ว

ส่วนตัวจบในคอม แต่ต้องถ่าย วัดแสงออกมาให้ดี
จะได้เอามาแต่งต่อเร็วขึ้น ปกติถ่าย raw ตลอด
Jpg เอามาแต่งเยอะไม่ค่อยได้

F กว้างสุด 3.5 สิ ยิ่งเลขน้อยยิ่งกว้าง ไม่มีใครเค้าถ่าย portrait 5.5 หรอก หรือว่าท่านพิมพ์ผิด

สมัยก่อน ถ่ายรูปต้องมีสมุดจด
ยี่ห้อฟิล์ม,ความไวแสง,รูรับแสง,สปีดชัตเตอร๋

F มันไหลที่ระยะ 55mm ไงครับ
ตามสเปค 18-55mm f/3.5-5.6

หลังคอมอย่างเดียว หลังกล้องถ้าเป็นแคนนอนผมถ่ายโอเวอร์นิดๆ ถ้านิคก็อันเดอร์หน่อยๆ ตอนนั้นคิดเองว่าต้องแบบนี้ แต่ตอนนี้คิดว่าไม่ต่างกล้องเดี๋ยวนี้พัฒนามาไกลมาก กล้องมือถือทั่วไป พอเพียงกับการใช้โพสโซเชียลแล้ว กล้องDSLR ณ ตอนนี้เอาไว้ใช้มาแต่งมาดึงมาดัน ถ้าไม่เอาไฟล์มาทำผมว่าไม่คุ้ม

กล้องไอโฟนสมัยนี้ผมใช้ถ่ายโคตรสวย แบบรู้สึกว่าแทนกล้องใหญ่ได้เลย

เลยลองเอา m4/3 สมัย 15 ปีที่แล้วมาถ่ายเทียบดู กด jpg แบบยังไม่ทันปรับ raw ยังสวยกว่าทิ้งกันเป็นทุ่งเลย

ไม่ต้องพูดถึงกล้องใหญ่สมัยนี้

อ่อ โอเค ใช้แต่เลนส์ fix มา 15 ปีเลยลืมว่า F มันไหลได้