ผมเพิ่งดูไม่นาน แต่ล่าสุดเพิ่งไปดูรอบ qualified ที่ Suzuka มา ส่วนตัวผมว่าในกลุ่มทีม top 5 รถสำคัญสุด อย่างปีนี้รถแมคคลาเลนดีมาก ทั้งแรนโด้ กับออสก้าร์ ดีขึ้นมาเห็นได้ชัดเลย ส่วนนักขับเก่งแต่รถยังไม่ดี หรือยังปรับตัวกับรถไม่ได้ ก็ดูอย่างแฮมิลตันที่ย้ายไปขับให้เฟอรารี่ และไซน์ที่ไปขับให้วิลเลี่ยม หรือแม้กระทั่งอลอนโซ่ที่ขับให้แอสตั้นมาติน ก็ยังผลงานไม่ดี ส่วนทีม 6-10 ผมว่ารถไม่ค่อยต่างกัน ส่วนใหญ่ก็อยู่ที่คนขับ ส่วนแทคติค กับทีมงานคิดว่าสำคัญรองลงมา แต่ก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะออกจากพิทช้ากว่าแค่ 1 วิ นั้นหมายถึงต้องไล่ตามกันอย่างน้อย 2-3 รอบเลย

รถ 60
คน 20
ทีม 20 ทำแผน ปรับปรุงรถให้แรง ให้เข้ากับคน

ความเห็นผมก็รถ 70% เอนจิเนียร์/พิท/แทคติค 10-15% คนขับ 15-20%

คนขับต้องเอารถให้อยู่ กับขับตามศักยภาพของรถให้ได้ ตรงสไตล์ของรถที่ปรับมา


ปีไหนใครแชมป์ก็ดูรถใครแรงเป็นหลัก ไม่ได้ดูนักแข่งเป็นหลัก ยกเว้นว่ามันไม่ต่างกันจริงๆ
เครื่องล็อคสเปคมันแข่งกันออพติไมส์ใครเทพสุดซึ่งขอแค่เร็วกว่าlabละครึ่งวิ ก็พอแล้ว

สัญญาแพงไม่แพงก็ดูเรื่อง ฝีมือขับกับดูดสปอนได้มั้ย ก็เซ็นเป็นปีๆเอา ไม่เวิร์คก็ไปเซ็นนักขับอื่นๆที่หมดสัญญาหรือดึงจาก F2 F3เอา
พวกหมดสัญญาไม่มีทีมทั้งหลายส่วนใหญ่ก็ไปขับโชว์ หรือไปขับเทสไดร์ว ให้ทีม อาจจะมีเป็นนักขับสำรองด้วย มีบางส่วนก็ลงไปขับ F2ใหม่ (ที่ผมเข้าใจคือ F2 กับ F3 นักแข่งมันต้องเสียตังค์เพื่อไปแข่งมากกว่าหาตังค์นะ บางทีคนที่หลุดจาก F1 ไปแล้วมันหาสปอนไม่ได้ก็ไปทำอย่างอื่นที่ได้ตังค์มากกว่า)

ถ้าวัดกันอันดับ 1-5 ของแต่ละ Season อยู่ที่ คน 60-70% เลย

ที่เหลือเป็นแผนกับรถในแต่ละสนามรถแต่ละคันมีcharacter ต่อสภาพอากาศและสนามไม่เท่ากัน

คือถ้าดูแข่งรถ ต้องอินความรู้สึกเวลาหลัก ต่ำกว่าวินาทีให้ได้ ไม่ว่าจะชนิดยาง ไลน์เข้าโค้ง

บางทีมันเหลื่อมแค่ 0.5 0.07 วินาที ต่อรอบ แต่ F1 แข่งกัน 50 รอบโดยประมาณ พอมันรวมกัน

มันเกือบ 20 วิเลย แค่ความผิดช่วงเสี้ยววินาที

มันยากมากที่จะเข้าใจความรู้สึกช่วงเสี้ยววิ ว่ามันต่างกันยังไง คนมาดูใหม่จะอินกับตัวเลขพวกนี้ยังไง

ถ้าเคยเล่น SIM RACING แบบจริงจังจะอินมาก ว่านักขับ ทั้ง 20 คน

ทำไมถึงเป็นไอ 20คนนี้ที่ถูกคัดมาแล้วจากคนทั้งโลกมันไม่ใช่ว่า จะเป็นใครก็ได้

การรักษาไลน์ขับ ในทุกๆโค้งในทุกๆสนาม ให้อยู่ในช่วงที่ Perfect ที่สุดในทุกๆรอบแม่มยากขนาดไหน

ไม่รวมการรับรู้ถึง เครื่อง ยาง เบรก และส่วนอื่นๆของรถ ผมว่ามันBeyondมากๆ

แบบเดียวกับนักกีฬาโอลิมปิคเลย ผมว่า F1 เป็นอะไรที่ดีเทลให้ดูสนุกมันมีเยอะมากๆๆๆๆ

ยิ่งเปิด SEASON นี้ จะเห็นความสนุกของสกิลนักขับมาก

ตัวอย่างว่า ทำไมผมให้% นักขับเยอะ

LANDO ที่ว่ามีรถดีก็แพ้ภัยตัวเอง

MAX ที่ตัดสินใจผิดพลาด โดน ปรับ 5 วิ แทนที่จะคืนทำแหน่งให้เพราะรถRB21 สนามนั้นไม่ได้แย่มาก

Piastry ที่ทำได้ดีกว่าในLANDO แต่ถูกวางให้เป็นตัวลอง

การทำงานเป็นTEAM ของ SAINZ และ ALBON เพื่อเก็บแต้มทั้งสองคน

RUSSEL ที่ดูเป็นคนไม่มีอะไร แต่สำหรับผมคนนี้ แบก BENZ ได้โหดสุดๆ

Antonelli เด็กอายุไม่ถึงเกณฑ์ ขับรถได้โหดกว่ารุ่นพี่ตั้งหลายคน

เพราะสุดท้ายต่อให้ รถแรงแค่ไหน ช่วงหัวตาราง แทบจะพลาดไม่ได้อยู่ดี พอคุณไม่พลาดเลยแม้แต่นิดเดียว

รถมันก็จะแสดงศักยภาพได้เต็มที่นั่นแหล่ะ

ผมชอบดูพวกคลิปShort แต่ละสัปดาห์ ที่แต่ละนักแข่งพูดถึง การขับของคนอื่นยังไง

จะเป็นฟิลคนดู ที่ขับรถบ้านวิจารณ์นักแข่ง ที่ไม่ชอบว่ากาก ขับโง่ เก่งก็เพราะรถนู่นนี่นั่น

แต่คนขับหรือนักกีฬากันเอง ชมกันฉ่ำ อย่างสนาม SUZUKA หรือ BRAZIL ปีที่แล้ว Alonso ชม MAX ฉ่ำๆ

แต่คอมเมนท์ ด่าMAX เหมือนเด็กหัดขับรถ ว่าแค่ฟลุ๊ค กับสนามมัน ห่วยก็แค่แซงยาก ไม่ได้เก่งอะไรเลย

เป็นแค่ไอขี้โกง อ่านแล้วก็ตลกดี ไปเวย์เก่งกันหมดแล้ววว

ถ้าตามมานานหน่อย อุปนิสัยนักแข่งจะบ่งบอกภาพรวมของนักขับได้เยอะ อย่างแลนโด้นี่ติดตลก ฝีมืออาจจะดี แต่ที่ขาดไปแบบชัดเจนคือ Killer instinct ตรงนี้แม็กยังมีเยอะกว่าเยอะมาก ผมว่าส่วนตัวแม็กไม่คืนตำแหน่งถูกต้องแล้ว เลือกจะวัดใจกรรมการ ถ้ารีบคืนให้เลย มันจะไม่ใช่แค่ตำแหน่งเดียวแน่นอน อีกอย่างน้องมันเป็นคนคาบลูกคาบดอกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นี่คือสิ่งที่แตกต่างกับแลนโด้ชัดมากๆ หลายต่อหลายครั้งแลนโด้แสดงถึงความไม่แน่นอนออกมา อดัตถึงปัจจุบันตรงนร้ก็ยังไม่พัฒนาเท่าไร

ใช่ๆผมเข้าใจเลยครับ ว่าMAX ไม่คืนตำแหน่งเพราะอะไร

แต่พออ่านข้อมูลของหลายๆอัน จริงๆแล้วถ้าคืนตำแหน่งโอกาสที่จะได้ขึ้น อันดับ น่าจะเป็นไปได้

คือในช่วงจบท้ายเกม ทุกคนเก็ทว่า MAX ทำแบบนั้นทำไม ไม่ยอมต่อท้ายจะเสียหายอะไรบ้าง

ทั้งเรื่องที่ท่านบอก ทั้งเรื่อง DIRTY AIR แต่เหมือนสำนักนึกก็บอกว่า

จริงๆแล้วถ้า MAX คืนตำแหน่ง แล้วรักษาระยะจัดการ PACE ไว้ Stat เวลาวิ่งจนจบที่ MAX ทำได้

ค่อนข้างชัวว่าจะได้ อันดับ 1

ส่วนตัวผมไม่ได้ดูมานานมาก ผมดูจริงจังได้แค่ช่วง 2-3 ปี เองครับ

ก่อนหน้านั้นอ่านอย่างเดียวไม่ได้ตามดูแบบคนดูบอลเหมือนที่ผ่านมา

ที่มาตามดูเพราะ บ้าครั่ง Sim Racing แต่ไม่มีตัง ToT ทีนี้อินจัดๆเลย

คหสต ไม่ชอบดู Drive to Survive

บางตอนมันดึงดราม่าเกิน และพยายามทำให้ นักแข่งบางคนดูเป็นตัวร้ายไปหน่อย

ตอบในฐานะคนดูประจำตั้งแต่ ชูมัคเกอร์ คนพ่อ ไม่ใช่ อีมิก ชูมํกเกอร์

รถ 50% ครับ ไม่งั้นแอสตัน มาติน ไม่ทุ่มไปซื้อ เทพนิวอี้ จาก RB เพื่อทำรถปีหน้าหรอกครับ แล้วรถเป็นสิ่งที่เปลี่ยนกฎบ่อยๆมาก เพราะถ้าทีมไหนจับจุดได้ แทบจะผูกขาดแชมป์ได้เลย ซึ่งอย่างปีนี้ ที่เห็นกันส่วนใหญ่ก็แทบจะทิ้งการพัฒนารถปีนี้กันไปแล้ว การแข่งจะเริ่มกลับมาสนุกและรีเซ็ตใหม่จริงๆคือปีหน้าที่เปลี่ยนกฎใหม่หมด


แต่อีก 30% คือนักขับ อย่างที่เห็นกันๆในกลุ่มทีมล่างๆ อย่าง วิลเลี่ยม ก่อนหน้านี้สมัย มาเซฟิน หรือ ลาตีฟี่ ขวัญใจเซฟตี้คาร์ ชนยับ พังกระจายแทบทุกสนาม

ส่วนซื้อตัว F1 นี้น้อยมาก ถ้าไม่นับ ท่านเซอร์ ไปเฟอร์รารี่ นี้คือส่วนใหญ่ ดันจากทีมลูกทั้งนั้น หรือเอา Rookie ตัวตึง F2 มาขับ เพราะ รถแต่ละผู้ผลิตจะมี คาแรกเตอร์ที่ต่างกันมากๆ เอาเด็กฝึกของตนเองจะมีความคุ้นชินมากกว่า เหมือน ท่านเซอร์ตอนนี้ที่ยังปรับตัวกับเฟอร์รารี่ ไม่ได้เพราะ คาแรกเตอร์ของเมอร์ซิเดส กับ เฟอร์รารี่ นี้ต่างกันสุดๆ อย่างท่านเซอร์ชอบรถที่ดาวน์ฟอร์ตเยอะๆ


หรือที่เห็นชัดๆเลย แม็คคาเรน ตอนนี้ ทั้ง แลนโด้ และ ออสการ์ ที่รถเหมือนกัน เพราะ แมคคาเรน ไม่มีนัขขับเบอร์ 1 แต่เราจะเห็นได้เลยว่าๆ หลังออสการ์ขับได้ดีกว่าแลนโด้ หรือ วิลเลี่ยมที่ได้ คาร์รอส มาแท็กทีมกับอัลบอน ทำให้ทีมพัฒนารถได้ตรงจุดมากขึ้น(อัลบอน ได้รับคำชมตั้งแต่สมัย RB แล้วว่า เป็นนักขับที่ให้ข้อมูลสำหรับการออกแบบรถดีมาก)


และ 15% คือทีมวางแผน แฟนเฟอร์รู้ดี ต่อให้รถดี นักขับเทพแค่ไหน แต่แผนพิทห่วยๆ ก็พลาดแชมป์สนามแบบโง่ๆได้ ด้วยแข่งกันระดับวินาที Pit ช้าไปแค่ 1-2 วิ อันดับสามารถล่วงไปได้ 3-5 อันดับเลยนะ

โดยขอแบ่งเป็น 5% เป็นดวง ถ้าดวงดีเข้าพิทถูกจังหวะกก็ดีไป ถ้าดวงซวยเข้าพิทแล้วเซฟตี้คาร์ออกก็ซึมๆเลย

ถ้าเชียร์เฟอร์ ให้ไปดูช่อง สเตฟาสเลย มาไลฟ์หลังจบเรช บ่นเฟอร์ตลอด

รถกับทีมงานรวมๆ 70% เลย นักแข่งราวๆ 30%
ส่วนทีมกระทิงแเดง รถกับทีมงาน 50% นักขับ 50% ปีที่แล้วรถกากๆยังลากเป็นแชมป์โลกได้
ปีนี้รถยังไม่ดี แต่คะแนนยังอันดับ 3

ลงชื่อเดี๋ยวมาอ่านต่อ
อ่านคอมเม้นท์เพลินมาก

- ผมให้รถ 80% นักแข่ง 20% เอา Lance Stroll มาขับรถ RBR เชื่อว่ายังไงก็ไม่มีทางได้แชมป์ แล้วเอา Max ไปขับรถของ Aston Martin ยังไงก็ไม่แชมป์ จะชนะในการแข่งจริงๆรถมีผลมากสุดในกรณีที่รถเทพเหนือกว่าทีมอื่นแบบเห็นได้ชัดนะ แต่ถ้าไม่ได้เทพมาก ทีมกลยุทธ์ยังมีส่วนสำคัญอยู่ ตัวอย่างที่ผ่านๆมาคือ Ferrari ปี2022 รถค่อนข้างดีปีนั้นแข่งกับ RBR สูสีกันช่วงแรกๆหลังเริ่มเจอปัญหาทาง technical + ทีมกลยุทธ์ที่กากที่สุด

- ค่าตัวแพงอิงจากค่าแรง ส่วนใหญ่เค้าไม่ buyout สัญญาของนักแข่งนะ จะรอจนหมดสัญญากับทีมเก่าแล้วค่อยเซ็น
Max- 65mil
Lewis -60mil
Charles -30mil

- นักแข่งที่ไม่มีทีมไหนเอาฤดูกาลหน้าส่วนใหญ่ถ้ายังอยากอยู่ใน F1 ต่อเค้าจะไม่ย้ายไปแข่งรายการอื่นถาวร ตัวอย่างเช่น Alex Albon ปี2020 ที่โดนดันขึ้นมาทีมใหญ่ RBR แต่ผลงานไม่ดี พอปี2021 ทีมจับลงไปเป็นนักแข่งตัวสำรองเลย แต่พี่แกก็รอจังหวะ สุดท้ายเลยได้ไปอยู่กับ Williams ปี2022 แต่เคสแบบนี้เกิดขึ้นน้อย ส่วนใหญ่ไปแล้วไปเลย