อยากสอบถามเรื่องเกี่ยวกับทนายความหน่อยครับ
สมมติว่าผมเป็นโจทย์ จะฟ้องคน เช่น คดีฉ้อโกง หรือ โดนรถชนแล้วอยากเรียกร้องเพิ่มเติมจากประกัน หรืออาจจะถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม มูลค่าฟ้อง1-2ล้านบาท
จะหาทนายความดีๆ จะมีแหล่งในการค้นหาไหมครับ เพราะไปเจอทนายห้องแถวเล็กๆ โทรมๆ แถวบ้าน ว่าตามตรงบางทีก็แอบหวั่นใจว่าจะไม่เก่ง หรือ คุยไม่รู้เรื่อง ถึงแม้จะดูแล้วประสบการณ์น่าจะสูงก็ตาม


และกลับฝั่งถ้าเราโดนตำรวจจับ แบบในหนังเลย สถานการณ์ซึ่งหน้าฉุกเฉิน แต่เราไม่เคยมีทนายความประจำตัวประจำตระกูล แล้วตำรวจถามว่าจะเรียกทนายไหม เราจะเอาเวลาไหนมาค้นหาทนาย ปรึกษาทนาย เพราะเห็นว่าจะ
โดนยึดโทรศํพท์ด้วยครับ


แล้วงบประมาณเท่าไหร่ครับ สมมติว่าสัก 30-50k จะได้ทรยเกรดไหนครับ

อย่างแรกนะครับ ค้นหาออนไลน์ได้ง่ายๆ มีโปรไฟล์ให้ดูด้วยตามเพจ facebook เกรด30-50K ระดับ มาตรฐานดีครับ
อย่าที่2 ถ้าเราเป็นจำเลย ปัจจุบัน ตามสถานีตำรวจจะมีทนายอาสา ประจำสถานีเลยครับ ถ้าสถานีไหนไม่มี ก็แจ้งพนักงานสอบสวนเลยว่าต้องการทนาย เขาติดต่อให้ได้
ปล.ผมเคยเป็นโจทก์จ้างทนายไปสืบทรัพย์เพื่อบังคับคดีจำเลย ไม่มีทรัพย์อะไรสักอย่าง เสีย20K เสียดายแท้

1. หาทนายความดี ๆ จากแหล่งไหนได้บ้าง
ถ้าทุนทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 1-2 ล้านบาท ถือว่าไม่ใช่คดีเล็กนะครับ
ควรหาทนายที่เชี่ยวชาญและไว้ใจได้
แหล่งที่แนะนำในการหาทนาย:
• สภาทนายความ
มีฐานข้อมูลทนายที่ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว สามารถสอบถาม/ขอคำแนะนำได้ที่ เว็บไซต์สภาทนายความ หรือโทร 02-522-7124
ข้อดี: เช็กได้ว่าเป็นทนายจริง มีใบอนุญาต
ข้อเสีย: ไม่ค่อยได้รีวิวหรือรายละเอียดเชิงลึกเรื่องฝีมือหรือสไตล์
• เว็บไซต์รวมทนาย / ฟอรั่มออนไลน์
• ตัวอย่างเช่น lawyerdirectory.in.th หรือ thaijustice.com
• กลุ่ม Facebook เช่น “ถามกฎหมายกับทนายความ”, “กลุ่มทนายอาสา”
• Pantip (บางกระทู้ก็มีรีวิวของจริง ดีจริง)
• ทนายที่มีเพจ Facebook / ช่อง YouTube
• มีหลายคนที่อธิบายคดีให้คนทั่วไปเข้าใจง่าย ถ้าเจอแล้วรู้สึกว่า “คุยรู้เรื่อง” ก็ลองติดต่อสอบถามเขาเลยครับ หลายคนเปิดให้จ้างเป็นที่ปรึกษา
• แนะนำจากเพื่อน/คนรู้จัก
ถ้ามีใครเคยฟ้องคดีมาก่อน ลองถามเลยครับ “ทนายที่พี่เคยใช้เก่งไหม คุยรู้เรื่องไหม ค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไหร“




2. งบประมาณ 30,000 - 50,000 บาท จะได้ทนายประมาณไหน

ขึ้นอยู่กับ ลักษณะคดี + พื้นที่ + ชื่อเสียงของทนาย ครับ แต่โดยประมาณ:
• คดีแพ่งธรรมดา เช่น ฉ้อโกง เรียกค่าเสียหายจากการถูกรถชน หรือเลิกจ้างไม่เป็นธรรม:
• 30,000 – 50,000 บาท อาจได้ทนายที่เป็นฟรีแลนซ์หรือสำนักงานเล็ก-กลาง ที่ประสบการณ์พอสมควร
• ถ้าคดีซับซ้อนหรือต้องขึ้นศาลหลายครั้ง อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มทีหลัง (ค่าดำเนินคดี ค่าศาล ค่าเดินทาง ฯลฯ)
• หากเขียนสัญญาให้ดีตั้งแต่แรก เช่น ระบุชัดว่า “รวมทุกอย่าง” หรือ “ค่าขึ้นศาลแยกต่างหาก” จะช่วยลดปัญหาทีหลัง *** อันนี้สำคัญครับ
• ถ้าต้องการทนายที่เป็น “มืออาชีพประจำคดีใหญ่” (เช่น อดีตอัยการ ทนายใหญ่ตามสื่อ) ราคาจะสูงขึ้น 100k+



3. แล้วถ้าโดนจับฉุกเฉิน จะทำยังไง ไม่มีทนายประจำ

นี่คือเรื่องจริงที่คนไม่เคยคิดถึงครับ ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินแบบในหนัง เช่น โดนจับ/กล่าวหา:
• สิทธิของผู้ต้องหา:
• มีสิทธิเรียกทนายความได้ก่อนให้การ
• ถ้าไม่มีทนายเอง ตำรวจต้องแจ้งสิทธิเสมอ และรัฐมีทนายอาสาให้ (โดยเฉพาะในคดีอาญา)
• แต่ในชีวิตจริง:
• ถ้าคุณไม่มีเบอร์ทนายไว้เลย และมือถือโดนยึด บางทีคุณจะพูดได้แค่ “ขอใช้ทนายอาสา” หรือให้ญาติตามหาทนายให้ทีหลัง
• ทางออกที่ดี:
• มีทนายที่ “เรารู้จักไว้ล่วงหน้า” สัก 1-2 คน ไม่ต้องจ้างไว้ก่อนก็ได้ แค่รู้ว่าเขาชื่ออะไร เบอร์อะไร
• หรือ เขียนเบอร์ทนาย/ญาติสนิทไว้ในกระเป๋าสตางค์



4. สรุปแนวทางการเตรียมตัว:
• ถ้าจะฟ้องคดีใหญ่ หรือเสี่ยงถูกฟ้องเอง:
• เลือกทนายโดยดูจากความเข้าใจง่าย คุยรู้เรื่อง ไม่ใช่แค่ “ดูแก่ดูเก๋า”
• ขอรีวิวจากลูกค้าเก่า หรือคุยกับเขาก่อนหลาย ๆ ประเด็น
• ถ้าอยากมีทนายพร้อมในเหตุฉุกเฉิน:
• เก็บเบอร์ทนายที่น่าเชื่อถือไว้ในโทรศัพท์ / กระเป๋าสตางค์
• รู้สิทธิของตัวเองไว้บ้าง เช่น สิทธิที่จะไม่ให้การโดยไม่มีทนาย


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

1. ค่าธรรมเนียมศาล

= เงินที่ต้องจ่ายให้ "ศาล" โดยตรง ตอนจะฟ้องหรือสู้คดี
คิดตาม ทุนทรัพย์ (มูลค่าที่ฟ้อง)
ศาลคิดตามกฎหมายกำหนด เป๊ะๆ
จ่ายให้ตอนยื่นฟ้อง หรือตอนขึ้นศาล
ตัวอย่าง: ฟ้องเรียกเงิน 100,000 บาท ศาลอาจเก็บ 2% = 2,000 บาท (หรือถ้ามีเพดานสูงสุดก็อาจถูกกว่านี้)

2. ค่าทนายความ
= เงินที่เราต้องจ่ายให้ "ทนาย" เป็นค่าจ้างในการให้บริการทางกฎหมาย
ทนายคิดเองตามข้อตกลง ไม่มีบังคับว่าต้องคิดเท่าไหร่
บางคนคิดเป็น เหมา, บางคนคิดแบบ แบ่งเปอร์เซ็นต์ถ้าชนะคดี, บางคนคิดแบบ เป็นงวดๆ
ตัวอย่าง:
– เหมาทั้งคดี 20,000 บาท
– หรือคิด 10% จากเงินที่ฟ้องถ้าได้จริง (เรียกว่า “ค่าวิชาชีพ” หรือ contingency fee)

✅ แล้วตกลงกับทนายได้ยังไง?
ตกลงได้ทุกแบบเลย แค่ต้องเคลียร์ให้ชัด และควร “ทำเป็นหนังสือ” หรือมีหลักฐานไว้ กันดราม่าภายหลัง
สิ่งที่ควรถามตอนคุยกับทนาย:

คิดเท่าไหร่?

มีแบ่งจ่ายได้ไหม?

ถ้าแพ้คดีต้องจ่ายไหม?

ค่าใช้จ่ายอื่นๆ มีอะไรอีก? (เช่น ค่าพยาน ค่าถ่ายเอกสาร ค่าส่งหมาย ฯลฯ)


////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ประเด็น:

ถ้าฟ้องคดีแพ่ง ชนะคดีแล้ว แต่ไปยึดทรัพย์จำเลยไม่ได้ = เราก็ยังไม่ได้ตังค์
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น?

เพราะศาลแค่ "ตัดสิน" ว่าใครถูกใครผิด
แต่ การจะได้เงินจริง ต้องไป "บังคับคดี" เอง เช่น:

ยึดทรัพย์

อายัดเงินเดือน

อายัดบัญชี

แต่ถ้า จำเลยไม่มีทรัพย์ ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรให้ยึด = ทำอะไรไม่ได้เลย
แล้วค่าทนายที่เราจ่ายไปล่ะ?

เราก็ต้องจ่ายเองอยู่ดี แม้จะฟ้องชนะ เพราะ:

ทนายเป็นคนที่เราจ้าง ไม่ใช่ศาลจ่าย

ศาลอาจจะตัดสินให้จำเลย "ต้องคืน" ค่าทนายให้เราก็จริง (เรียกว่าค่าฤชาธรรมเนียม)

แต่ถ้าจำเลย ไม่มีจ่าย = เราก็ยัง "ไม่ได้คืน" เหมือนเดิม

สรุป: ค่าทนาย = ความเสี่ยงของเราเอง

แล้วจะป้องกันยังไง?

เช็กทรัพย์ก่อนฟ้อง (มีบ้านไหม มีที่ดินไหม มีรถไหม มีรายได้มั้ย)

ถ้าไม่รู้จริงๆ – อาจจะต้อง "ชั่งใจ" ว่าคุ้มฟ้องไหม

คุยกับทนายให้เคลียร์ก่อนว่า ถ้าแพ้หรือบังคับคดีไม่ได้จะมีแผนยังไง

สรุปสั้นแบบเจ็บๆ:

ฟ้องชนะ ≠ ได้เงิน
ต้อง “ยึดได้” ถึงจะได้เงิน
ถ้ายึดไม่ได้ = เสียค่าทนายฟรี + เสียเวลา + เสียใจด้วยจ้า