หลังจากคะแนน a level อะไรนั่นออก
แกก็มาถามถึงคณะว่าในอนาคตคณะไหนดี

ยังมีงานทำ มีอนาคตในประเทศนี้

แกบอกลูกแกสนใจสองคณะนี้ ซึ่งสำหรับผมมันต่างกันมาก

ปล.ลูกแกเกรดกลางค่อนบน

ไม่มีความรู้ด้านงานสายนิติเท่าไหร่

แต่งานบัญชีนี่ผมว่าโอเคเลยนะ เอาแค่งานบัญชีธรรมดาไม่ต้องออดิท ไต่เต้าไปเรื่อยๆได้ถึง Manager เซ็นงบได้ เงินเดือนก็น่าจะ 70-100k

ถ้าขยันก็รับงานนอกได้อีก

แต่ถ้าอยากสุดก็ไปสาย Audit งานหนักแต่เงินเดือนโหดมาก

สำหรับเมืองไทย
นิติ ไปสายผู้พิพากษา น่าจะโดน AI แย่งงาน ช้ากว่านะครับ
บัญชี เอาตรงๆ มีอะไรที่ AI ยังทำไม่ได้บ้าง นอกจาก "หาช่อง"

Audit Big 4 เงินเดือนสตาร์ท 30k
อาจจะไม่ถือว่าเยอะ แต่ก็ไม่น้อย แต่บอกไว้เป็นข้อมูลเฉยๆครับ

ผมแนะนำบัญชี
ต่อให้ทีAI ก็ต้องมีคนมาออดิตAI

ออดิตผมว่างานไม่หนัก หนักแค่ช่วงปิดงบสี่ครั้ง/ปี ปิดงบปีเหนื่อยมากหน่อย

งายกฎหมายเงินเดือนระดับเทียบเท่ากันคือต้องไปอยู่ลอว์เฟิร์ม งายหยักตลอดเวลา งานมาเมื่อไหร่ก็ต้องทำ ที่ออฟฟิตเคยตามสัญญากับ baker จะใช้พรุ่งนี้ โทรไปสี่โมงยังไม่ทำ ติดอย่างอื่น แต่พรุ่งนี้เรียบร้อยแน่นอน น้องคนที่พูดคำนี้จากที่เคยเห็นเป็นเด็กในทีม มาเจอบทสัมภาษณ์ตอนหลังใหญ่แล้วประวัติจบมาโหดมาก

เทียบกันจบบัญชี ม.รัฐมรชืาอหน่อยก็เข้าบิ๊กโฟร์ได้ไม่ยาก แต่กลับกันไปลอว์เฟิร์มนี่ดีกรีต้องดีกว่า ป.ตรี ดาดๆ ภาษาอังกฎษต้องดีมาก บัญชีบิ๊กโฟร์ภาษาอังกฤยังแค่สื่อสารได้

ของนิติมีผู้พิพากษาอัยการ เงินเดือนสูงกลางๆ + มั่นคง แต่ก็เข้ายาก นอกนั้นเหลือแค่ทนายซึ่งไม่ใช่ทางของหลายๆคน และนิติกรที่เงินเดือนย้อยมากๆ

เทียบกัน ออดิตบิ๊กโฟร์สามสิบเงินเดือนแสนแน่นอน หลังจากนั้นออกไปอยู่บริษัทเค้าคุยเงินเดือนกันยี่สิบอัพแล้ว

ถ้าสายเอกชนก็บัญชีครับ

ถ้าท่านจะเทียบกับผู้พิพากษา ผมว่ามันก้ต้องเป็นผู้สอบบัญชีแหละ

ถามแค่ว่ากล้าให้ AI รับรองงบตลาดไหมอ่ะ มีเคสพลาดขึ้นมา เอาความรับผิดชอบจากไหน เหมือนให้ AI ตัดสอนความผิดนั่นแหละ

แล้วผมว่าพลิกแพลงทางบัญชีนี่ไปได้ไกลกว่าทางกฎหมายเยอะ เด่วนี้มาตรฐานแทบจะวิ่งตามกลไกธุรกิจใหม่ๆไม่ทันแล้ว

ถ้ายังไม่ค่อยแน่ใจจะทำอะไร เรียนบัญชีก็ต่อได้หลากหลายกว่าเยอะครับ

จะไม่นับงานทำบัญชีรับ-จ่ายนะ กว่าจะโต ละถ้าเริ่มจากออดิทก็ข้ามสายนี้ไปได้เลย

จะไปสายบัญชีทำงบหรือ Finance analyst ก็มีมากมาย

จะไปสาย IT แบบ audit หรือ system ERP ก็ได้

ไป Consult ก็ได้

จะย้ายไปสาย Data ก็พอไหว

อันนี้ขอบอกว่าไม่จริงเสียทีเดียว สำหรับออดิตในบริษัทตรวจสอบ
เริ่มตั้งแต่ต้นปี
มกรา กุมภา อันนี้หนักสุด เพราะปิดงบปี โดยเฉพาะบริษัทมหาชน
วันวาเลนไทน์ ออดิต 90% เดทกับงบของจ้อบตัวเองล้วนๆ

มีนา เมษา เป็นช่วงปิดงบปี บริษัททั่วไป รวมถึง บริษัทย่อย ลูก ของพวกบ.ใหญ่ๆ ซึ่งก้ไม่ได้เบานะจ้ะ เพราะหลายที่เริ่มทำให้เป็นชุดใหญ่ทั้งหมด ซึ่งแปลว่างบมันก้จะเปิดเผยเยอะ และ มีงบกระแสเงินสด
และ ไม่ได้มีแค่นั้น มันคือช่วงของการทำ working paper ของงบที่ปิดช่วงมกรา กุมภา ให้เรียบร้อย พร้อมเก็บแฟ้มเป็นหลักฐานที่ไม่รู้จะโดนตรวจหรือป่าว และนอกจากนั้นยังเหลื่อมกับช่วงงบไตรมาส 1 ที่ปิดในช่วงมีนาอีก

พค มิย เป็นช่วงที่เบาที่สุด แต่ใช่ว่าไม่มีงาน เพราะนี่คือช่วงเก็บ working paper ของงานช่วง มีนา เมษา นั่นแหละ ยังไม่รวมกับงบปีของบริษัทที่ปิดงบเดือน 3 อีก แต่ก้นั่นแหละ เบาสุดละ

กค สค กย
ช่วงนี้ก้จะกลับมามีงบ q2 // บริษัทปิดงบเดือน 6 // ช่วงวางแผนสำหรับการตรวจงบปีถัดไป ซึ่งก้จะมีรายละเอียดเดิมๆ แต่เพิ่มเรื่องของการวางแผนซึ่งปวดหัวมากสำหรับ ลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลง (แทบทุกที่) หรือ วิธีการตรวจสอบที่เปลี่ยนไป

ตค พย ธค
งบ q3 // บริษัทปิดงบเดือน 9 // ช่วงเข้าไปตรวจสอบการควบคุม และ ทำงานตรวจสอบงบปีที่พอจะทำก่อนได้ เช่น ดูการเพิ่มขึ้นของ ppe ที่มีนัยสำคัญ

แล้วก้เริ่มใหม่ ทั้งนี้ที่มันหนักเพราะคนมันน้อยลงทุกที คนลาออกตลอด เวลาที่บริษัท book ให้เราทำงานน้อยลง เช่น เดือนนึง บุ้คจ้อบละวีค แบบนี้คนนึงต้องทำงาน 4 จ้อบ ซึ่งทำไม่ทันก้ไปทำนอกเวลาเอา ตั้งแต่ 17.00-02.00 ( หรือมากกว่า ) + เสาทิต

ส่วนในด้านของ law firm ก้หนักเหมือนกัน แต่ไม่เคยมีประสบการณ์

อันนี้เอามาแชร์ให้ฟัง ผมก้ออกมาแล้ว อยากฝากน้องๆ หรือ คนที่มีโอกาสบอกน้องๆว่า เลือกที่เราคิดว่าจะรักที่สุด เพราะ ตอนม.6 มันยากจริงๆที่จะบอกว่าเราจะทำอะไร

เทรนด์ในอนาคตมันคือ AI และ technology ที่ไม่ว่าจะทำอะไรมันต้องเรียนรู้ไว้หมด แต่เบสว่าเนื้องานเราจะทำอะไร เอาที่คิดว่ามีโอกาสจะชอบ บัญชีกับกฎหมาย มีลักษณะที่ต้องการความละเอียดจนน่าหงุดหงิดเหมือนกัน แต่ฝั่งกม. จะมีความตีความทางอักษร มากกว่า บัญชีที่เน้นตัวเลข แต่มันก้มีทั้ง 2 area นั่นแหละ

ผมแนะนำบัญชี 100% ผมจบกฎหมายสอบได้ตั๋วทนายแต่ไปไม่ถึงผู้พิากษาอัยการ เคยสมัคร law firm แต่ไม่มีใครเรียกเอาจริงๆสายงานกฎหมายเงินน้อย มีพี่ชายและเมียจบบัญชี พี่ชายเคยทำออดิท เมียทำ big 4 เงินเดือนผมต่างกับ 2 คนนั้นประมาณ 2 เท่า สายบัญชีคนธรรมดายังสามารถไปได้เรื่อยๆ สายกฎหมายผมว่ามันทั่วไป ถ้าจะให้ดีใบแรกเรียกบัญชี ใบสองเรียนนิติ

ผมก็ไม่ใช่ออดิตอะนะ แต่แฟนเป็นออดิตบิ๊กโฟร์ มันมีได้หลายเวล ไม่ได้ตั้งเป้าจะเป็นพาร์ทเนอร์ก็พอไปได้ไม่หนักมาก ที่แน่ๆส่วนใหญ่มีแผนงานไง ที่คุณพิมพ์มาเดือนนั้นเดือนนี้ แฟนผมก็บ่นงานหนัก ผมลองเทียบให้ดูบัญชีการเงินบริษัท เทียบลอว์เฟิร์ม เค้าก็ยอมรับนะว่าของเค้าก็เบากว่า

แต่ลอว์เฟิร์ม ไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น งานยิ่งมาเงินยิ่งได้ สัญญามาส่งไปตรวจขอวีคนึง ภาษาอังกฤษล้วนสี่ห้าสิบหน้า มูลค่าหลายร้อยล้าน แล้วเค้าไม่ได้รับอยู่งายเดียว งายเพียบ

แถมพลาดไม่ได้เลย สุดท้ายบอยเลอร์ระเบิดมีคนตาย สัญญาเขียนว่าไม่รับประกันการออกแบบ คำถามวิ่งเข้าหาเบเคอร์ แต่เค้าไปค้นมาเคยมีคอมเมนต์ให้บริษัทแล้วแต่จัดซื้อกาก

บัญชี​ เรียนยากกว่า งานดีกว่า
เอไอมันแค่ผู้ช่วยในการทำงาน แต่เอไอมันเซ็นรับรองอะไรไม่ได้นะ ยังไงก็ต้องมีมนุษย์​รับผิดชอบในส่วนสุดท้าย