เนปาล ครั้งแรก Mardi Himal + ABC (ยาววว)
หลังจากได้ตั้งกระทู้ และ ถามเพื่อนๆ ในนี้เรื่องการไปเดิน Trek ที่เนปาล ผมก็ได้โอกาสไปมาละ 2 อาทิตย์
ซึ่งสนุกกว่าที่คิดเยอะมาก (และ คิดว่าจะกลับไปอีก โดยเป้าหมายคือ Manaslu และ EBC)
ผมค่อนข้างโชคดีที่ไปกับ บริษัทที่เจาะตลาดในไทย คนประสานงานพูดทั้งไทยและ อังกฤษได้ และ ไกด์ก็ดีมากๆด้วย
โปรแกรมเริ่มจาก วันที่ 6 ....ผม ภรรยา และ ฝาแฝดของภรรยาผม บินจากดอนเมืองไป กาฐมาณฑุ ด้วยระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ
ไปถึงก็ไม่ต้องอะไรครับ เดินซื้อของใน thamel นั้นแหละครับสำหรับของที่ขาดๆ (ซึ่งมีถุงมือ กับ หมวก แล้วก็ เสื้อกันฝน)
ในรูปคือ pray flag ซื้อมาติดกระเป๋า ไกด์บอกว่า มันจะทำให้เราปลอดภัย ถ้าเกิดหิมะถล่ม เอามาพันรอบคอไว้เลย รอด !!! ฮ่าๆๆ (ซึ่งก่อนหน้าผมไปไม่นานมันมี หิมะถล่มจริงๆนะครับ avalanche risk น่ะ และ มีคนสูญหายและเสียชีวิตจริงๆด้วย)
วันรุ่งขึ้น ผมต้องนั่งเครื่องบินจาก กาฐมาณฑุ ไป Pokhara และด้วยความซวย เพราะในเมือง กาฐมาณฑุ ฝุ่นเยอะมาก บังวิศัยการบิน เอาเครื่องขึ้นไม่ได้ ที่ Pokhara หมอกก็หนามาก ทำให้ไม่สามารถนำเครื่องลงได้ จริงๆ flight มันแค่ 25 นาที มันก็ delay รอไป 3 ชม จนมัน Cancelled ไปแล้ว
อย่างที่บอกครับ บริษัททัวทำหน้าที่ได้ดีมากๆ ให้รถตู้มาเลย แต่นั้นแหละครับ หนังชีวิตโคตรๆ ทางน่ากลัวมาก อันตรายมาก และ คนเนปาลถึงจะไม่ได้บีบแตรเท่าอินเดีย แต่ขับรถกันเถื่อนมากๆ เดือดมาก อยากแซงก็แซง เกือบจะบอกกับ รถบรรทุกหลายรอบ จาก flight 25 นาที กลับกลายเป็น นั่งรถตู้ 9 ชม.
แทนที่จะได้เริ่ม Trek วันนี้ กลายเป็นต้องเริ่มพรุ่งนี้แทน และ ต้อง Cover ของวันนี้ไปด้วย
และ เช้าวันที่ 8 ก็เริ่มขึ้น โดยการนั่งรถ jeep จาก เมือง Pokhara ไป Derali ครับ ซึ่งเนื่องจากเวลาที่หายไปจากการนั่งรถ ทำให้เราต้องเดินรวมของเมื่อวานไปด้วย และนั้นแหละครับ วันแรกจัดไปเบาๆ 19 โล จาก Derali ไป Rest Camp (ในรูปไม่มี แต่มันอยู่เลย Forrest Camp ไปนิดนึง)
อัดไปหนักๆ พักคืนแรกที่นี่ และ เราก็ไปกันต่อที่ High camp ครับ ซึ่งทางมันประมาณ 7-8 โล แต่ด้วยความที่มันชันมาก ขึ้นจาก 2700m ไป 3600m ระหว่างเดินก็เริ่มเห็นรางซวยๆบ้างแล้ว เพราะหมอกมันลง
ไปถึง High camp แบบเหนื่อยๆ สุดท้ายภูเขามันโผล่มาให้เห็น 5-10 นาที ถ่ายแม่มทั้งชุดนอนนั้นแหละ
คืนนั้น ไกด์บอก รีบนอนนะต้องตื่น ตี4 เพื่อไป View point และ ถ้ามีเวลาเราจะไป Mardi Base camp กัน....เราก็เชื่อฟัง ตื่นเต้น ตื่นตั้งกะ ตี3ครึ่ง และความซวยในทริปก็ยังไม่จบ ใช่ครับ ฝนตก ลมแรงไปไม่ได้ รอจนถึง 8 โมง ไกด์บอก จะยังไป View point ไหม แต่เราจะไม่มีเวลาไป Mardi base camp ละนะ เพราะไปกลับจาก View point ใช้ 4 ชม. เราตะไม่มีเวลาพอสำหรับเดินลงไป ABC ต่อ
เลยเออ ไปก็แค่ View point ก็ได้วะ ซึ่งแน่นอนครับ ระหว่างทาง ทั้งลมทั้งฝน และหมอกลงหนามาก ผมมองได้ไม่เกิน 7-8 เมตร และด้วยความที่หิมะมันเยอะ น้ำซึมเข้ารองเท้า หนังชีวิตโคตรๆ ในรูปข้างหน้าผมควรจะเป็นภูเขาทั้งลูก และ เห็นหางปลาด้วย แต่นั้นแหละครับ ไม่เห็นไรเลย
เดินลงมา High camp ด้วยความเฟลโคตรๆ เมียก็เริ่มงอแงละ เพราะเดินขึ้นก็ยาก เปียก หนาว เหนื่อยๆ ไกด์บอก รีบลงไป low camp เหอะ เชื่อกู เดวมึงก็ได้ภาพสวยๆ เห็น Fish tail ชัดๆ กว่าจะตัดสินใจเดินลงได้ก็เกือบเืที่ยง แต่ด้วยความที่มันเป็นขาลงละ มันก็มาถึง Low camp ราวๆ5 โมงซึ่งไกด์มันไม่ได้โกหกครับ
machapuchare โผล่มาให้เห็นชัดๆ ยาวๆ และ มีแสงสีทองด้วย
เนื่องจากวันนี้ เราได้ภูเขามาเติมกำลังใจ ไกด์บอก พรุ่งนี้เดินเยอะนะ และ ใช่ครับ แม่งเยอะจริงๆ 19 โล จาก Low camp ไป Jhinu Danna คือลงจากความสูง 3050m ไปที่ 900m และ ขึ้นไป 1800m เดินแบบ ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปต่อ ไกด์บอกแค่ว่า มึงอย่าลืม เป้าหมายอยู่ที่ ABC แถม ฝนตกอีกต่างหาก
และ อีกวัน เราไปต่อกันที่ Bamboo ถ้าดูในรูปคือ เรากำลังเดินเข้าไปใน หุบเขานั้นแหละครับ
วันนั้นไปถึง Bamboo พักได้ไม่นาน.....Hailstorm ก็ลง พายุลูกเห็บตกหนัก ไฟดับ หนังชีวิตอีกรอบ ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะไป Deurali เมืองสุดท้ายก่อนไป Base Camp ระหว่างทางสวยมากนะครับ มีทั้งวัด ทั้งน้ำตก และ หางปลาอันโคตรใหญ๋
พักให้เต็มที่ก่อนเราจะไปที่ Annapurna Base Camp กัน ในวันรุ่งขึ้น .... และ เราเดินกันถึงจนได้ครับ และ ที่ดีที่สุดคือ ฟ้าเปิด มันสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ความซวยอย่างสุดท้าย เมียสะดุด บันได รร วันสุดท้าย ขาพลิก เลยต้องนั่งม้าลงมาจากเขา และ เราเดิน ฮ่าๆๆๆๆๆ
สรุป ไปเดิน 10 วัน 150 กว่าโล (รูปนาฬิกานั้นของเมีย นั่งม้ามาอีก 12 โลวันาสุดท้าย
เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆในชีวิตครับ ..... และ ผมเชื่อแล้วว่าาเนปาลครั้งเดียวไม่พอ ได้ไปอีกแน่ๆ