น่าสนใจจัด แต่ที่ชาร์ทแบบนี้น่าจะลงทุนสูง จะลงทุนครอบคลุมได้ทุกจังหวัดมั้ย

อย่าพัฒนาอย่างเดียวจนลืมอะไหล่รถเดิมนะ

เน้นขายรถไม่เน้นขายอะไหล่

แค่ 120-250 kW สำหรับชาร์ต DC ผมว่าเพียงพอแล้วครับ

ขออีกอย่างแค่มีที่ชาร์ตอย่างเพียงพอ
อยากได้แบบ EV hub ทุกปั้มเลย

ตอนนี้มี EV hub น้อยเกินไป

Kfc มีหนาวละ ชาวรถไฟฟ้าเขาชาร์จไวแล้ว

ถ้าจะให้ลืม รถน้ำมัน มันต้องทำครับ รถน้ำมันเข้าปั๊มเติมไม่ถึง 2 นาทีก็เต็มถังแล้ว จบขับรถออกไปต่อได้
แต่รถไฟฟ้าไม่ใช่ อยู่หน้าแท่นชาร์จที ครึ่งชม. เป็นอย่างน้อย อันไหนดีกว่าหละ กรณีเติมพลังงานนะ

รถไฟฟ้าถึงต้องพัฒนาต่อไปอีก เพื่อให้ทดแทนน้ำมันให้ได้เร็วและมากที่สุด คิดดูถ้าอยู่หน้าแท่นชาร์จเอาสักแค่ 5 นาทีเต็ม 100% คุณยังจะกลับไปน้ำมันอีกไหมหละ

ไม่จำเป็นต้องชาร์ตนานครึ่งชั่วโมงนิครับ
ชาร์ต 5-10 นาทีก็ได้

เดินทางโดยปรกติ 300 กิโล หรือ 3 ชั่วโมงต้องมีแวะพักบ้างล่ะ
ไม่ว่าจะเข้าห้องน้ำหรือกินข้าว
ถ้าจุดชาร์ตมีถี่และเพียงพอ จะชาร์ตตรงไหนก็ได้

ต่อให้ชาร์ต 5 นาทีเต็ม แต่ยังหาที่ชาร์ตลำบากแบบทุกวันนี้ ก็ไม่ดีครับ
คือจุดชาร์ตจริงๆปัจจุบันถือว่ามีถี่มากแล้ว แต่มันไม่ได้ว่างตลอด
และเมื่อมันเต็ม เราก็จะโดนแชร์ไฟไป ก็จะได้ไม่ถึงระดับ 120-250kW

เคยชาร์ตไฟที่ระดับ 250kw หรือยังครับ ?

การชาร์ตไฟจะอัพข้าม 250kw รู้หรือไม่ว่ามีลิมิตอะไรบ้าง ?
ซึ่งการจะก้าวข้าม limit พวกนี้ ค่าการลงทุนสูงกว่ากันเยอะมากๆจนไม่คุ้มลงทุนครับ

แค่ทุกวันนี้สถานีชาร์ตยังไม่อยากทำเกิน 120kw เลย
เพราะถ้าเกินกว่านี้ ต้องใช้สายแบบมี water cooler ซึ่งทำให้ราคาต้นทุนมันโดดขึ้นไปอีก

สมมุติอีก มีคนลงทุนทำออกมาชาร์ตระดับ 1000kw แต่ค่าไฟหารออกมาแล้ววิ่งตกกิโลเมตรละ 4-5 บาท
คุณยังจะใช้รถไฟฟ้าวิ่งจริงเหรอ ?

การพัฒนา ก็คือการพัฒนา ถ้าไม่พัฒนามัวแต่อยู่กับที่ก็พังอยู่ดี
ใช่ตอนนี้มันยังมีค่าใช้จ่ายที่สูง เคยคิดไหมว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้บางอย่างที่ใช้กันแบบทั่วๆ ไปหาได้ง่ายๆ
สมัยก่อนมันก็แพง และ หายากเหมือนกัน แต่ที่หาง่ายและถูกแบบทุกวันนี้ เพราะการพัฒนาทั้งนั้น
เปรียบเทียบให้ฟัง เฉยๆ

แต่สุดท้ายคุณจะเข้าใจแบบที่คุณว่ามาก็ตามนั้นครับ แค่จะมาอธิบายว่าทำไมมันต้องทำ ทำไมมันต้องพัฒนา

ตอนนี้บอกรอผลิต

เดี๋ยวออกรุ่นใหม่ปุ้บบอกรุ่นเก่าหมดอายุสินค้า เลิกผลิตอะไหล่

โฟกัสผิดจุด 1000v ไร้ค่าถ้าสถานีเป็นแบบปัจจุบัน อย่างมากก็เอาไว้โชว์โม้ไปงั้นแหละ practically ในชีวิตจริงเอาแค่ 800v ประโยชน์ก็น้อยอยู่ละ

เรื่องที่ควรโฟกัสคือ efficiency, longevity, density, weight ของแบตแล้วก็พวก material engineering, industrial engineering ลด cost ทำ supply chain ต่างหาก

จุดอ่อนหลักสุดของ ev ปัจจุบันคือน้ำหนักเลย อย่างพวกรถจีนนี่ 2 ตันขึ้นทั้งนั้น size C segment+ ไอ่น้ำหนักนี่แหละตัวฉุดรั้งหลายๆอย่างของรถยนตร์

จากที่ใช้ EV ผมขอแค่สถานีชาร์จมีตู้ชาร์จเพียงพอ ไม่ใช่ปั้มละ1ตู้2หัวจ่าย ไม่ติด Low priority ไม่กั๊กแอม แค่นี่ผมก็พอใจละ

ทุกวันนี้เจอทั้งตู้รวน ชาร์จไป15นาทีตัด ต้องโทรเข้าคอลเซนเตอร์ตลอด รีเซ็ทตู้แล้วว่าใช่จะหาย

จริงๆคนใช้อีวี ส่วนมากไม่ได้ต้องการตู้ไฟแรงสูงขนาดนั้นหรอก ขอแค่ชาร์จแล้วไม่กั๊กแอม ปล่อยไฟเต็มๆหน่วยก็พอใจแล้ว

ถ้าทำได้ผมเชื่อว่าคนกล้าใช้อีวีเยอะกว่านี้อีกเยอะเลย

ตู้ 150kW ยังลงทุนราวๆ 4 ล้าน
ค่าตู้ 3 ล้าน หม้อแปลง 5 แสน ค่าติดตั้งอีกหลักแสน กี่ปีจะคืนทุนยังไม่รู้เลย
ตู้ 1000kW น่าจะมี 10 ล้าน

ไม่เน้นซ่อมครับ เน้นซื้อใหม่ครับ

จัดไป 7วัน 7คัน สลับกันใช้

ทำ Cycle กับ Supply Chain ก่อนมั้ยพี่ แข่งกันทำ tech ลืม maintain กันไปแล้วมั่ง
คนจะได้กล้าย้ายมารถไฟฟ้าเต็มตัว