KDH ซัดโทน! สิงห์ปิดจ็อบเฉือนโคเปนเฮเก้น 1-0 เข้ารอบ 8 ทีม
BLOG TOPIC_A
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email:
sale@soccersuck.com
โปรโมชั่นลดจากเดิม 30% (ไม่รับโฆษณาผิดกฏหมายทุกประเภท)
เชลซี ทำอะไรไม่ได้เลยในครึ่งแรกเรียกว่าไม่มีโอกาสจบสักหน แต่ก็ยังแก้เกมดีขึ้นในครึ่งหลังและประตูโทนจาก เคียร์แนน ดิวสบิวรี่-ฮอลล์ ก็เพียงพอต่อการการันตีให้ทีมเข้ารอบ สิงห์บลูส์ เอาชนะ โคเปนเฮเก้น 1-0 ผ่านเข้าไปเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศ
เชลซี
Starting Formation: 4-2-3-1
34.
จอช อาเชียมปง

45'
25.
มอยเซส ไคเซโด้

78'
8.
เอนโซ แฟร์นานเดซ

45'
22.
เคียร์แนน ดิวสบิวรี่-ฮอลล์
19.
เจดอน ซานโช่

65'
7.
เปโดร เนโต้

90'
ตัวสำรอง
3.
มาร์ก คูคูเรญ่า

45'
18.
คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู

65'
20.
โคล พัลเมอร์

45'
24.
รีซ เจมส์

78'
59.
แฮร์ริสัน เมอร์เรย์-แคมป์เบลล์
64.
เจเนซิส อันท์วี่

90'
ฟุตบอลคอนเฟอเรนซ์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดสอง
สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์
วันที่ 13 มีนาคม 2568
กรรมการ ราดู เปเตรสคู
เชลซี
1
0
โคเปนเฮเก้น
รวมผลสองนัด เชลซี เข้ารอบด้วยสกอร์ 3-1
เชลซี โรเตชั่นนักเตะโดยให้ อาเชียมปง เป็นตัวจริงในเกมนี้และ จอร์จ ได้ออกสตาร์ทอีกครั้ง นอกนั้นพวกเขายังให้ตัวหลักแบบ เนโต้, ซานโช่, เอนโซ และ ไคเซโด้ ออกสตาร์ทด้วย
ขณะที่ โคเปนเฮเก้น ยังคงใช้ระบบกองหลังห้าคนเหมือนเกมก่อน แต่มีการปรับแดนหน้าให้ คลาสสัน ยืนเป็นตัวเป้าแล้วส่ง เอลยูนุสซี่ กลับมาเล่นริมเส้น
โคเปนเฮเก้นขอลุ้น เมลิ่ง โหม่งออกหลัง
โคเปนเฮเก้น กดดันได้ในช่วงแรกแล้วได้จบจากลูกครอสทางซ้ายเข้าเขตโทษบอลหลุดมาถึง ฮูเอสกัส ยิงติดบล็อกแล้วจังหวะสองเก็บได้นอกกรอบเปิดกลับเข้าไปใหม่มี เมลิ่ง วิ่งมาเบียดโหม่งออกหลัง
สิงห์ยังไม่มีโอกาสง้างเลยสักหน
หลังจากนั้นมา เชลซี ก็ยังเล่นไม่ค่อยจะเป็นชิ้นเป็นอันสักเท่าไหร่และยังไม่มีโอกาสง้างเลย หลายหนก็จ่ายเสียกันง่ายๆอีกต่างหากเกมเลยไม่คืบหน้า
สิงห์สวนกลับ ซานโช่ จะหลุดเดี่ยวแต่บอลมาแรงไปแถมล้ำ
เกมกำลังจะเข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก เชลซี ก็ยังไม่มีโอกาสจบให้เห็นสักที มีเกือบจะได้จบก็จากที่สวนกลับ ฮอลล์ แทงให้ ซานโช่ แต่แรงไปนิดโดนสกัดบอลได้ก่อนหลุดเข้าเขตโทษแถมมีธงล้ำหน้าตามมา
โคเปนเฮเก้นได้จบใหม่ คลาสสัน โหม่งเตะมุนโดนรับไว้
โคเปนเฮเก้น มาได้เตะมุมทางขวา เอลยูนุสซี่ รับหน้าที่เปิดเข้ามาแถวเสาแรกแล้ว คลาสสัน ขึ้นโหม่งได้แต่ก็น้ำหนักไม่แรงพอโดนรับเอาไว้
จบครึ่งแรกสิงห์ไม่ได้ยิงสักหน
หลังจากนั้น เชลซี พยายามถามหาจุดโทษในจังหวะ เนโต้ พาบอลเข้าเขตโทษแล้วโดนเบียดล้มลงไปแต่กรรมการมองว่าล้มง่ายไปไม่แจกอะไรให้ทั้งนั้น
สุดท้ายเลยจบครึ่งแรกไปโดยที่ เชลซี ไม่มีโอกาสจบเลยสักหน
สิงห์เปลี่ยน พัลเมอร์ ลงมาได้จบเลยเปิดให้ ชาโลบาห์ ยิงออก
เข้าครึ่งหลัง เชลซี ปรับเกมด้วยการถอด อาเชียมปง และ เอนโซ ออกไปแล้วให้ คูคูเรญ่า และ พัลเมอร์ ลงมาช่วยทีม
หลังจากนั้นพวกเขาก็หาโอกาสแรกของเกมได้ทันทีจากที่ ซานโช่ จ่ายย้อนหลังมาให้ พัลเมอร์ เปิดลึกเข้าไปเสาไกลจบด้วย ชาโลบาห์ วิ่งมายิงออกหลัง
สิงห์ุยต่อ ซานโช่ สับไกตรงตัว
จากนั้น เชลซี ครองบอลลุยต่อและก็มีจังหวะจบเพิ่มเติมหลังจาก พัลเมอร์ จ่ายให้ ฮอลล์ หน้าเขตโทษส่งออกทางซ้าย ซานโช่ เลี้ยงตัดเข้าในแล้วสับไกไปตรงตัว รามาย
สิงห์นำแล้ว! ฮอลล์ แหวกไปยิงเสียบเสาไกล
แล้วหลังจากนั้น สิงห์บลูส์ ได้โอกาสอีกทีและก็มีประตูนำเรียบร้อย เป็นจังหวะที่แย่งบอลกลับมาได้หน้าเขตโทษ ฮอลล์ หลบไปสองแล้วหาทางแหวกเข้าไปมีโอกาสยิงเสียบเสาไกลเข้าไป เชลซี นำ 1-0
สิงห์มาใหม่ เนโต้ ยิงไกลโดนเซฟ
เป็นโอกาสของ เชลซี อีกแล้วหลังจาก ไคเซโด้ ขึ้นมาเพรสแล้วแซะบอลได้เข้าทาง จอร์จ จ่ายให้ เนโต้ หน้าเขตโทษขยับหาช่องแล้วยิงไกลไปติดเซฟ
พัลเมอร์ ลุยมายิงหลุดเสาไปหน่อย
เชลซี มีลุ้นเกือบได้ประตูเพิ่มอีกหลังจาก ฮอลล์ เบิ้ลให้ พัลเมอร์ ลุยพาบอลมาหน้าเขตโทษแล้วมีช่องให้ยิงส่งบอลหลุดเสาซ้ายมือไปหน่อย
เอ็นคุนคู ได้ยิงมุมแคบยังโดนเซฟ
หลังจากนั้นก็ญังเป็น เชลซี ได้ลุ้นต่อจากที่ พัลเมอร์ ป้อนบอลให้ จอร์จ ขยับมารับด้านในแล้วไหลเข้าเขตโทษให้ เอ็นคุนคู วิ่งไปมุมแคบเลือกยิงติดเซฟ
โคเปนเฮเก้นยังขอลุ้นตีเสมอ โรเบิร์ต ยิงออกหลัง
ท้ายเกม โคเปนเฮเก้น ยังพยายามหาโอกาสเอาประตูตีเสมอและได้จบจาก เปเรย์ร่า ดักบอลจ่ายพลาดกลางสนามแล้วส่งให้ โรเบิร์ต พลิกไปหน้าเขตโทษจบด้วยการยิงออกหลัง
โคเปนเฮเก้นมีลุ้นตีเสมอ ฮูเอสกัส ยิงมุมแคบข้ามคาน
โคเปนเฮเก้น ได้โอกาสงามในการตีเสมอหลังจาก เชียก้า หน้าเขตโทษจ่ายทีแรกติดบล็อกบอลเด้งกลับมายังหาช่องไหลให้ ฮูเอสกัส สอดเข้าไปมุมแคบทางขวาก่อนจะซัดส่งบอลพุ่งข้ามคาน
จบเกม เชลซี เอาชนะ โคเปนเฮเก้น 1-0 กวาดชัยชนะ 4 นัดติดในทุกรายการและผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศแบบไม่มีปัญหา โดยจะเจอผู้ชนะระหว่าง ลีเกีย และ โมลด์ ที่ต้องต่อเวลาพิเศษ
โคเปนเฮเก้น
Starting Formation: 5-4-1
36.
วิลเลียม เคล็ม

76'
17.
วิคตอร์ โฟรโฮลท์

83'
30.
เอเลียส อาชูรี่

76'
10.
โมฮาเหม็ด เอลยูนุสซี่

59'
7.
วิคตอร์ คลาสสัน

59'
ตัวสำรอง
8.
มักนุส มัทท์สัน

83'
11.
ยอร์ดาน ลาร์สสัน

59'
16.
โรเบิร์ต

76'
19.
อามิน เชียก้า

59'
33.
ราสมุส ฟัลค์

76'
แก้ไขล่าสุดโดย redenzo เมื่อ Fri Mar 14, 2025 04:57, ทั้งหมด 5 ครั้ง
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ