BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
กำเนิดดาวรุ่ง
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 16 Apr 2022
ตอบ: 172
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 03, 2025 12:21
the Brutalist กับ A Complete Unknown
2 เรื่องนี้ อันไหนน่าดูกว่ากันครับ
คนที่ดูแล้ว ชอบดูเรื่องไกนมากกว่ากัน
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ดาวซัลโวยุโรป
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 15 Jun 2020
ตอบ: 3875
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 03, 2025 12:40
the Brutalist กับ A Complete Unknown
Complete Unknown เดิมๆตามสูตรหนังประวัติ แต่ดูรู้เรื่องกว่า

The Brutalist ดูมีอะไรมากกว่า แต่ดูยากกว่า หนัง3.30ชมต้องเบรกให้ไปฉี่อ่ะ
โพสต์บนแอป Soccersuck บน Android
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 967
ที่อยู่: ℗ Boys Don't Cry
โพสเมื่อ: Mon Mar 03, 2025 12:41
[RE]the Brutalist กับ A Complete Unknown
Brutalist ถ้ามีความรู้เรื่อง สถาปัตยกรรม จะอินมากขึ้น
Complete unknown เข้าถึงง่ายกว่า ถ้าฟังเพลง Bob dylan ก็อินมากขึ้น
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status: Settle Down, Beavis
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Jan 2010
ตอบ: 3448
ที่อยู่: Highlands, Texas
โพสเมื่อ: Mon Mar 03, 2025 13:20
[RE: the Brutalist กับ A Complete Unknown]
สำหรับคนทั่วไป a complete unknown
สำหรับซีนีฟาย The Brutalist
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวเตะลา ลีกา
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 19 Feb 2011
ตอบ: 12235
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 03, 2025 13:46
[RE: the Brutalist กับ A Complete Unknown]
อยากดู The Brutalist
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
- 21 -

ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ง.
Status: Alway Blue.
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 7677
ที่อยู่: Stamford Bridge
โพสเมื่อ: Mon Mar 03, 2025 13:57
[RE]the Brutalist กับ A Complete Unknown
MF DECH พิมพ์ว่า:
Complete Unknown เดิมๆตามสูตรหนังประวัติ แต่ดูรู้เรื่องกว่า

The Brutalist ดูมีอะไรมากกว่า แต่ดูยากกว่า หนัง3.30ชมต้องเบรกให้ไปฉี่อ่ะ  
ในไทยเหรอครับ อย่างเจ๋ง เดี๋ยวผมไปลองมั้ง
โพสต์บนแอป Soccersuck บน iOS
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออนไลน์
นักเตะอบต.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 3158
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 03, 2025 14:54
[RE: the Brutalist กับ A Complete Unknown]
ชอบ The Brutalist มากกว่า

ผมไม่รู้จัก Bob Dylan เลย เคยได้ยินชื่อแต่ไม่รู้จัก ผมว่าหนังมันต้องรู้จัก Bob มาซักหน่อย หนังมันเล่าข้ามๆ เร็วๆ ยังไงก็ไม่รู้

The Brutalist ตอนแรกเห็นความยาวหนังแล้วแทบต้องอดน้ำก่อนดู แต่พอดูจริงๆ มันมีพักครึ่ง 15 นาทีให้เข้าห้องน้ำได้อยู่ ทำให้มันเหมือนดูซีรีส์ต่อกัน 2-3 ep ไม่ได้ดูยากอะไรเลย
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 08 Mar 2023
ตอบ: 256
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Mar 03, 2025 15:12
[RE: the Brutalist กับ A Complete Unknown]
อันนี้พูดในสถานะสถาปนิกนะครับ

อาจมีสปอย
Spoil

ดู The Brutalist แล้วรู้สึกไม่ชอบอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนตัวผมไม่ชอบอยู่สองประเด็น
ประเด็นแรกคือ รู้สึกว่าหนังเล่าถึงสถาปัตยกรรมแค่ในแง่ “สวยหรือไม่สวย” ซึ่งขัดกับไอเดียของ Bauhaus ที่ทอธเรียนจบมา รวมไปถึงงานอื่นๆในบูดาเปสก์
สำหรับผม Brutalism ไม่เคยเป็นเรื่องของความงามหรือความขัดแย้งระหว่าง “ความประณีต” กับ “ความหยาบกระด้าง” แต่มันคือ เรื่องของฟังก์ชัน วัสดุ และโครงสร้างที่ซื่อสัตย์ ไม่ใช่จากความสวยงามตามรสนิยมของปัจเจก
แต่หนังกลับเลือกจะนำเสนอ Brutalist Architecture แค่เป็น ฉากหลังของความขัดแย้งทางอารมณ์ และปัญหาส่วนตัวของสถาปนิก
งานของทอธมันเลยดูราวกับเป็นMonumental Architecture ที่แปลกแยกบนเนินเขา ซึ่งมันShiftจากความเป็นBauhausไปพอสมควร
ผมรู้สึกว่างานของทอธไม่ได้ทำงานกับคน แต่ทำงานกับผู้สร้าง(ตัวทอธเอง)
อีกเรื่องไม่ชอบคือ สำหรับผม สถาปัตยกรรมไม่ใช่เรื่องของ "อัจฉริยะเพียงคนเดียว"
หนังเดินตามมายาคติเดิม ๆ ของฮอลลีวูด ที่มักเล่าเรื่องว่า อาคารทุกหลังเป็นผลงานของอัจฉริยะสถาปนิกเพียงคนเดียว
ในความเป็นจริง สถาปัตยกรรมไม่เคยเป็นงานของคน ๆ เดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของทีมที่ประกอบไปด้วย วิศวกร ผู้ออกแบบภายใน แรงงานก่อสร้าง และผู้ว่าจ้าง โดยเฉพาะงานในแนว Brutalism ที่มักเป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ หรือการออกแบบเพื่อสังคม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย
แต่ในหนัง ทอธถูกวางตัวให้เป็น “ศิลปินผู้ถูกกดขี่” ที่ต้องต่อสู้เพื่อสร้างงานของตัวเอง อัจฉริยะบุคคลผู้ไม่ยอมฟังความเห็นของคนรอบข้าง


รวมไปถึงฉากเศรษฐี หนมน้าตัวเอก ที่รู้สึกว่าในความเป็นภาพยนตร์ มันมีวิธีเล่าเรื่องทุนข่มขืนงานศิลปะได้มากกว่านี้ แล้วก็ฉากจบที่ต้องเอาหลานตัวเอกมาเล่าไอเดีย ผมว่ามันแปลกๆ แทนที่จะเล่าเรื่องผ่านสเปซ

กล่าวโดยสรุป โอเคแหละ มันเป็นหนังที่ดีในการเล่าถึงผู้อพยพชาวยิวในอเมริกาช่วงหลังสงคราม ผมแค่ไม่ซื้อไอเดียของทอธและDirectionหนังที่พยายามเล่าถึงอัจฉริยะบุคคลผู้โดนกดขี่เท่านั้นเอง

 



2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะตำบล
Status: Settle Down, Beavis
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Jan 2010
ตอบ: 3448
ที่อยู่: Highlands, Texas
โพสเมื่อ: Mon Mar 03, 2025 19:55
[RE: the Brutalist กับ A Complete Unknown]
ขอสีเทาที่บรรยากาศสดใส พิมพ์ว่า:
อันนี้พูดในสถานะสถาปนิกนะครับ

อาจมีสปอย
Spoil

ดู The Brutalist แล้วรู้สึกไม่ชอบอย่างบอกไม่ถูก
ส่วนตัวผมไม่ชอบอยู่สองประเด็น
ประเด็นแรกคือ รู้สึกว่าหนังเล่าถึงสถาปัตยกรรมแค่ในแง่ “สวยหรือไม่สวย” ซึ่งขัดกับไอเดียของ Bauhaus ที่ทอธเรียนจบมา รวมไปถึงงานอื่นๆในบูดาเปสก์
สำหรับผม Brutalism ไม่เคยเป็นเรื่องของความงามหรือความขัดแย้งระหว่าง “ความประณีต” กับ “ความหยาบกระด้าง” แต่มันคือ เรื่องของฟังก์ชัน วัสดุ และโครงสร้างที่ซื่อสัตย์ ไม่ใช่จากความสวยงามตามรสนิยมของปัจเจก
แต่หนังกลับเลือกจะนำเสนอ Brutalist Architecture แค่เป็น ฉากหลังของความขัดแย้งทางอารมณ์ และปัญหาส่วนตัวของสถาปนิก
งานของทอธมันเลยดูราวกับเป็นMonumental Architecture ที่แปลกแยกบนเนินเขา ซึ่งมันShiftจากความเป็นBauhausไปพอสมควร
ผมรู้สึกว่างานของทอธไม่ได้ทำงานกับคน แต่ทำงานกับผู้สร้าง(ตัวทอธเอง)
อีกเรื่องไม่ชอบคือ สำหรับผม สถาปัตยกรรมไม่ใช่เรื่องของ "อัจฉริยะเพียงคนเดียว"
หนังเดินตามมายาคติเดิม ๆ ของฮอลลีวูด ที่มักเล่าเรื่องว่า อาคารทุกหลังเป็นผลงานของอัจฉริยะสถาปนิกเพียงคนเดียว
ในความเป็นจริง สถาปัตยกรรมไม่เคยเป็นงานของคน ๆ เดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของทีมที่ประกอบไปด้วย วิศวกร ผู้ออกแบบภายใน แรงงานก่อสร้าง และผู้ว่าจ้าง โดยเฉพาะงานในแนว Brutalism ที่มักเป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐ หรือการออกแบบเพื่อสังคม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย
แต่ในหนัง ทอธถูกวางตัวให้เป็น “ศิลปินผู้ถูกกดขี่” ที่ต้องต่อสู้เพื่อสร้างงานของตัวเอง อัจฉริยะบุคคลผู้ไม่ยอมฟังความเห็นของคนรอบข้าง


รวมไปถึงฉากเศรษฐี หนมน้าตัวเอก ที่รู้สึกว่าในความเป็นภาพยนตร์ มันมีวิธีเล่าเรื่องทุนข่มขืนงานศิลปะได้มากกว่านี้ แล้วก็ฉากจบที่ต้องเอาหลานตัวเอกมาเล่าไอเดีย ผมว่ามันแปลกๆ แทนที่จะเล่าเรื่องผ่านสเปซ

กล่าวโดยสรุป โอเคแหละ มันเป็นหนังที่ดีในการเล่าถึงผู้อพยพชาวยิวในอเมริกาช่วงหลังสงคราม ผมแค่ไม่ซื้อไอเดียของทอธและDirectionหนังที่พยายามเล่าถึงอัจฉริยะบุคคลผู้โดนกดขี่เท่านั้นเอง

 



 

0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel