[RE: ถ้าซื้อมือถือแล้วกลัวราคาตก]

ท่านเป็นพวกคิดเยอะเหมือนผมเลย
จะซื้อของแล้วคิดเยอะ เทียบอะไรไม่รู้เยอะแยะ
ผมเคยทำเปรียบเทียบไว้เหมือนกันแต่เป็นราคา ipad
ไม่รู้จะเทียบกันตรงๆ ได้ไหม
ข้อสังเกตของผมคือ (สำหรับ ipad นะครับ iphone ไม่รู้ว่าตามนี้ไหม)
1.ตัวที่เป็น Pro ราคาจะตกยากกว่าตกปกติ
2.ตัวล่าง (เมมน้อยสุด) ราคาจะตกเยอะกว่าตัวบนขึ้นมา
3.ผ่านไป 4 ปี ราคาจะเหลือประมาณ 50-60% ของตอนเปิดตัว
4.ผ่านไป 5 ปี ราคาจะตกเหลือสัก 40% (เริ่มเป็นช่งงที่ราคาตกเยอะ เพราะคนจะซื้อต่อกลัวใช้ได้ไม่ยาว)
5.ของรุ่นเก่าๆ ราคาตกไวกว่ารุ่นใหม่เมื่อเทียบปีต่อปี (น่าจะเพราะราคาตั้งต้นรุ่นใหม่มันสูงขึ้น)
คำแนะนำจากที่ผมใช้ซื้อของมา คือ
Step 1
ถ้ากะว่าจะใช้ 4 ปีแน่ๆ ให้มองเป็น เหมือน subscription น่าจะต้องมีในใจก่อนเลยว่า 4 ปีที่จะใช้มือถือ เฉลี่ยแล้วอยากเสียเงินต่อเดือนกับมันประมาณเท่าไหร่ เช่น เดือนละ 500 บาท x 4 ปี x 12 เดือน = 24,000 คืองบในการใช้
Step 2 มาเลือก choice ตามงบ
-ถ้ามีตังเลือก Pro, Pro Max ไว้ก่อน
-พยายามหลีกเลี่ยงตัวล่างสุด ถ้าเลือก 256 ได้ ให้เลือกตัวเมมเยอะกว่าไว้ก่อน
-มือสองเอาแบตเกิน 90% ไว้ก่อน
Step 3
ยกตัวอย่างการซื้อ
มือ 1 ซื้อ 16 ธรรมดา 256 (ไม่เอา 128)
-Iphone 16 256 ตอนนี้ราคา 32,300
-แล้วไปขายอีก 4 ปี ที่ราคา 13,000
-เท่ากับคุณใช้งบไป 19,300 (ไม่เกินงบ 24,000)
มือ 2 ซื้อ 15 ตัว 256 ไม่ขายต่อแล้ว
-Iphone 15 Pro 256 ตอนนี้ประมาณ 24,000 (ไม่เกินงบ 24,000)
-ซื้อแล้วใช้ไปยาวๆ เลย 4 ปี ไม่ต้องวุ่นวายขายต่อ
มือ 2 ซื้อ 15 Pro Max 256 แล้วขายต่อ
-Iphone 15 Pro Max 256 ตอนนี้ประมาณ 31,000
-แล้วไปขายอีก 4 ปี ที่ราคา 10,000 (อาจจะขายยากนิดนึงเพราะเก่าหน่อย)
-เท่ากับคุณใช้งบไป 21,000 (ไม่เกินงบ 24,000)
ปล. สุดท้าย ชอบอันไหนก็ซื้อไปเถอะครับ