สรุปประเด็นสำคัญที่ ราฟาแอล วานาน แฉกับสื่ออย่าง 'ดิ แธเลติกส์' เฉพาะที่เกี่ยวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด

1️⃣ เหตุผลที่เจ้าตัวย้ายออกจาก เรอัล มาดริด มาซบทีมปีศาจแดงเมื่อปี 2021 เป็นเพราะอิ่มตัวกับทุกอย่างในทีมราชันชุดขาวแล้ว

วาราน เผยว่าเขาใฝ่ฝันจะได้สวมเครื่องแบบผีแดงลงเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาตลอด และเขาเชื่อว่าจะใช้ประสบการณ์ของตัวเองมาช่วยพา แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ได้

2️⃣ จากปากคำของ วาราน เผยว่า เอริค เทน ฮาก จัดเป็นกุนซือประเภทบ้าอำนาจนะครับ

ปราการหลังชาวฝรั่งเศสไม่ได้มีอิสระในการเล่นเท่ากับตอนเล่นที่ ลา ลีกา และถูกกำชับให้ต้องเล่นตามรายละเอียดของ เทน ฮาก อย่างเข้มงวด

แต่ที่พีคกว่านั้น ก็คือครั้งหนึ่งเจ้าตัวไปถกเถียงกับ เทน ฮาก โดยชี้ว่าอดีตเฮดโค้ชของ อาแจ็กซ์ ปฏิบัติกับนักเตะอย่างไม่เป็นธรรม แล้วผลสุดท้ายตัว วาราน เองนั่นแหละ โดนดร็อปยาวเกือบ 2 เดือน!!

วาราน เผยว่า "บางที เทน ฮาก อยากได้ความเคารพผ่านการสร้างความกลัวให้นักเตะ เขาต้องการนักเตะสักคน ที่จะถูกปล่อยให้โดดเดี่ยวเสมอที่เขาอยู่ที่แมนเชสเตอร์เป็นตัวอย่าง”

อย่างไรก็ตาม วาราน ออกตัวไว้ก่อนว่า เทน ฮาก ก็ไม่ใช่คนที่แย่ขนาดนั้น

บางอารมณ์เขาก็อยากฟังความรู้สึกของลูกทีม และช่วงท้ายๆ ของซีซั่น 2023-24 ก็เป็นไปด้วยดี เขาได้รับอิสระ และความเชื่อมั่น จนพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้

3️⃣ วาราน รู้สึกว่าการเข้ามาบริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด ของกลุ่ม INEOS ทำให้เขาหาความชัดเจนไม่ได้เลย

เขาไม่รู้ว่ากุนซือที่จะคุมทีมต่อคือใคร และไม่รู้ว่าทีมจะต้องเสริมทัพอย่างเร่งด่วนมากแค่ไหน

ด้วยเหตุนั้น เขาจึงตัดสินใจร่วมกันกับสโมสรหลังจบฤดูกาลที่แล้ว ว่าควรแยกทางกันด้วยดี

หลังจากมีการยืนยันว่า วาราน จะถูกปล่อยให้หมดสัญญากับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่นาน สโมสรก็ตัดสินใจต่อสัญญากับ เอริค เทน ฮาก จนถึงปี 2025 เป็นการการันตีว่าจะไม่โดนไล่ออก

วาราน บอกเองว่า “ผมเซอร์ไพรส์นะที่เขาอยู่ต่อ เพราะสายสัมพันธ์กับนักเตะมันไม่เหลือแล้ว”

สุดท้ายแล้ว เอริค เทน ฮาก ก็ได้อยู่คุมทีมหลังจากต่อสัญญาแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะหันไปคว้า รูเบน อโมริม มาคุมทีมแทน แล้วผลงานกลับยิ่งย่ำแย่กว่าเดิม

4️⃣ หล่นประโยคที่บ่งบอกความแตกต่างระหว่าง 2 ทีมใหญ่ที่เขาเคยเล่นให้อย่าง เรอัล มาดริด กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไว้อย่างน่าฟัง

“ที่มาดริด พวกเขามีความชัดเจนในการทำงานทุกระดับของสโมสร”

“แต่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันไม่ได้ชัดหรือมีการกำหนดให้ชัดเจนมากพอ ว่าจะคัดเลือกนักเตะยังไง, เล่นแบบไหน, สื่อสารกันยังไง พวกเขาไม่มีขั้นตอน, กระบวนการ และโครงสร้างเดียวกันเลย”

“มันไม่ใช่ความรับผิดชอบของคนคนเดียว นั่นคือปัญหา เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนผิดคือใคร”

“มีคนมากเกินไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการตัดสินใจ เราจึงไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนตัดสินใจกันแน่ ผมบอกไม่ได้ว่าใครคือคนรับผิดชอบ ผมไม่รู้จริงๆ มันอาจจะเป็นทุกคน หรือไม่มีใครรับผิดชอบเลยก็ได้”

5️⃣ ร่ายยาวต่ออีกว่า เรอัล มาดริด มีโครงสร้างที่ดีกว่ามาก ทว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นรองทุกอย่าง แต่แฟนบอลกลับคาดหวังให้คว้าแชมป์ทันทีอยู่ตลอด ซึ่งทีมราชันชุดขาวมีวิธีพร้อมรับมือความกดดันได้ดีกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้

“ที่มาดริด คุณคงเห็นได้หลายปีว่ามีกรอบการทำงาน มีนักเตะเสริมเข้ามา, บางคนย้ายไป แต่ที่นั่นมีพื้นฐานที่มั่นคงเสมอ เมื่อคุณซื้อดาวรุ่ง, นักเตะเก่งๆ เข้ามา พวกเขาต้องเรียนรู้ก่อนที่พวกเขาจะเล่นได้ มันให้เวลาพวกเขาได้พัฒนา”

“ตอนผมย้ายไปที่นั่นตอนอายุ 18 ผมไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลยในห้องแต่งตัว ผมแค่อยู่ตรงนั้นเพื่อเรียนรู้เท่านั้น”

“แต่ที่ยูไนเต็ด พวกเขาซื้อดาวรุ่งมาด้วยราคาโคตรแพงได้ และส่งเขาลงเล่นทันที โดยที่มอบความรับผิดชอบทั้งหมดให้ในลีกที่ยากลำบากสุดๆ และเขาต้องแบกภาระหนักไว้บนบ่าทันที”

“ที่ยูไนเต็ด คุณต้องสร้างยุทธศาสตร์ระยะยาวได้ในขณะที่ต้องต้านทานกับความกดดันทุกวัน และการแข่งขันทุกๆ 3 วัน นั่นคือสิ่งที่ยาก”

“เป็นเวลานานหลายปี แฟนบอลต่างคาดหวังให้คว้าแชมป์ให้ได้ทันที คนที่ทำการตัดสินใจเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย จึงต้องการประสบความสำเร็จทันที”

“คุณต้องใจเย็นท่ามกลางพายุ โดยรู้ว่าคุณกำลังสร้างอะไรบางอย่างอยู่ บางครั้งเมื่อพายุมาถึง เราต้องตัดสินใจให้เร็วและเปลี่ยนบางอย่าง ที่ เรอัล มาดริด ผู้คนยอมรับความกดดันและรู้ว่าจะอยู่กับมันยังไง”

“เมื่อผมพูดว่านักเตะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดที่มาดริด มันเป็นเพราะเราพยายามปกป้องพวกเขาจากความกดดันนั้น มันมีความกดดันอยู่แล้วกับการลงสนาม, จากแฟนบอล, สื่อ และโซเชียลมีเดีย นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงมีบรรยากาศที่ค่อนข้างจะปกป้องรอบๆ นักเตะที่มาดริด นั่นคือสโมสรที่มีความกดดันมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย”

“แต่ไม่ว่าจะเป็นที่โค้ช หรือวิธีที่สโมสรรับมือกับสถานการณ์ลำบาก มันคือการปกป้องจากแรงกดดันนั้นจริงๆ แต่ที่แมนเชสเตอร์ มันไม่เป็นแบบนั้นเลย”

youtube - บอ.บู๋ Channel

⚫️ tiktok - บอ.บู๋

อ่านงานเขียนแก ไม่ว่าจะในไหน ก็ได้ความรู้สึกเหมือนเดิมคือ ดหมือนอ่านอยู่บนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆซักเล่ม ชุดคำที่เลือกมาใช้ ลีลาในการเรียบเรียง

เป็นสิ่งที่หาไม่ไม่ได้แล้วในคนทำคอนเทนท์ยุคนี้ อย่ามากก็แปลข่าว หรือ คนอื่นก็จะมีสำนวนที่เรียบง่ายกว่านี้ หนักเข้าก็โพสต์เสี้ยมแม่งอย่างเดียวไปเลยซึ่งผุดมาเยอะมากในยุคนี้

งานเขียนแกโคตรอ่านได้เลย แต่พอฟังแม่งอย่างน่ามคาน 5555

เคล็ดลับความสำเร็จ ของมาดริด

ผมก็เดาๆไว้ว่าทรงนี้ เลยเป็นเหตุผลที่ออกจากแมนยูส่วนใหญ่จะเล่นดีกว่าเดิมทุกคน

ทุกวันนี้ผมเลยไม่ค้าดหวังอะไรแล้ว สิ่งที่นักเตะแบกรับมันกดดันมากเกินไป

ถ้าเทียบให้เห็นภาพแมนยูตอนนี้แม่มเหมือนองค์กรณ์ที่ข้างในบรรยากาศมีแต่ความเป็นพิษอะ

นักเตะก็เหมือนพนักงานกินเงินเดือนทั่วๆไป ถ้ามันไม่มีความสุขในการทำงานมันรี้ดศักยภาพได้ออกมาไม่เต็มที่หรอก

ข้อดีอย่างเดียวของแมนยูคือเพดานค่าจ้างนักเตะแพง
แต่มันก็เหมือนดาบสองคมยิ่งจ้างแพงยิ่งค้าดหวังผลงานมากยิ่งกดดัน

แต่เดี๋ยวอีกหน่อยน่าจะโดนปรับแล้วจากเซอร์จิม

เหมือนที่ไอโช่มันบอกฟรีด้อมม คำนี้ไม่เกินจริงถึงผมจะไม่ชอบวินัยความเป็นมืออาชีพจากมันเท่าไหร่

แปลว่าเซอร์อเล็กซ์นี่โคตรของโคตรเก่งเลยนะที่คุมแมนยูประสบความสำเร็จได้

ถ้าฟังตามนี้ เซอร์จิมก็ทำถูกนะที่ทยอยลดพนักงานลง เหมือนว่าขนาดองค์กรใหญ่แต่น้ำ ไม่มีเนื้อๆ เลย ต้องจับลีนให้หนักๆ ก่อน

ตอนนี้หลายๆทีมทำแบบนั้นแหละคือเน้นซื้อดาวรุ่งมีแววมาแล้วจับส่งทันทีโดยหวังว่ามันจะปังและแบกทีมได้เพื่อที่จะใช้งานระยะยาว ผลคือนักเตะขาดประสบการณ์รับมือความกดดันเพราะไม่มีซีเนียร์ประคอง นอกจากแมนฯยูก็เชลซีอีกทีม โละซีเนียร์แล้วสร้างทีมด้วยเด็กสุดท้ายพอรับความกดดันไม่ไหวก็แตก

ข้อ 4-5 ชัดเจน

บางคนชอบบอกเจ้าของแมนยูดี ทุ่มเงินให้มหาศาลทุกปี FSG ห่วย ไม่ยอมทุ่มเงินบ้าๆแบบสโมสรอื่น

สุดท้าย การบริหารจัดการที่ดีสำคัญกว่าเสมอ การมีเงินแล้วใช้โง่ๆ โดยเฉพาะเป็นเงินที่ก่อหนี้มาให้สโมสรไม่เกิดผลดีใดๆ ใครชมเกลเซอร์เป็นเจ้าของที่ดีกว่า FSG ควรจะพิจารณาประเด็นเหล่านี้ที่วารานพูดถึง

ป๋าเก่งอยู่แล้ว และโชคดีของแก ที่เกลเซอร์เข้ามา ตอนที่แกมีบารมีในสโมสรมากๆ ระบบจัดการทุกอย่างวางไว้หมด ถ้าเข้ามาตอนแกคุมใหม่ๆ ถึงจะเป็นป๋า ผมว่าก็เหนื่อย

อ่านงานเขียนแก ไม่ว่าจะในไหน ก็ได้ความรู้สึกเหมือนเดิมคือ ดหมือนอ่านอยู่บนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆซักเล่ม ชุดคำที่เลือกมาใช้ ลีลาในการเรียบเรียง

เป็นสิ่งที่หาไม่ไม่ได้แล้วในคนทำคอนเทนท์ยุคนี้ อย่ามากก็แปลข่าว หรือ คนอื่นก็จะมีสำนวนที่เรียบง่ายกว่านี้ หนักเข้าก็โพสต์เสี้ยมแม่งอย่างเดียวไปเลยซึ่งผุดมาเยอะมากในยุคนี้

พอ้ป็นงานเขียนแล้ว บ.บู๋ยังคงมาตรฐานดีเสมอ

“มีคนมากเกินไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการตัดสินใจ เราจึงไม่รู้ว่าใครที่เป็นคนตัดสินใจกันแน่ ผมบอกไม่ได้ว่าใครคือคนรับผิดชอบ ผมไม่รู้จริงๆ มันอาจจะเป็นทุกคน หรือไม่มีใครรับผิดชอบเลยก็ได้”


นี่อาจจะเป็นต้นตอของหลายๆ ปัญหาที่ตามมา

ตัวอย่างขององค์กรที่ไม่ได้ทำ BCP หรือทำได้ไม่ดี

เซอร์ออกคนเดียวเจ๊งเป็นไปได้แล้วกับผี

จริงแมนยูไม่ปกป้องนักเตะเลย โค้ชด้วย โดนสื่อถล่มทั้งวี่ทั้งวัน มันกดดันอยู่นะ นักเตะแมนยูพอมันย้ายหนี มันเลยเล่นได้ดี เพราะแรงกดดันมันน้อยลง