เพื่อนพาไปเที่ยวห้อง ktv ที่ปอยเปต น้องๆเข้ามา N ไม่ต่ำกว่า10คน ไม่มีคนไหนไม่ดูด ในห้องนี่ยังกะเผาไฟป่า

สูดเคมีเข้าไปในร่างกาย
หาง่าย เป็นที่นิยม เท่
มีกลิ่นหลากหลาย ใช้บ่อยมากขึ้น
พกพาสะดวกใช้ง่าย หมดแล้วทิ้ง

เร่งเวลาตายแค่นั้นเอง

จริงๆน่าจะเปนปัญหาต้นๆของประเทศได้ละ

ที่สำคัญคือเดี๋ยวนี้มันดีไซน์ให้ออกมาให้เหมือนเป็นเครื่องประดับห้อยคอได้นี่แหละ

ผมรู้จักกับตำรวจชั้นประทวนสองคน เลิกงานแม่งก็สูบทั้งสองคน

แต่ในวงเหล้าถ้าใครดูดแสดงว่าพวกนี้เมาละ

เป็นครับ ไม่อยากให้ลูกหลานปอดแตก ก็สั่งสอนระวังกันดีๆ

อย่าไปห้ามเลย เท่ขนาดนั้น คิดว่าคงคูลสุดๆในรุ่น

เมื่อวานเจอคนนึงยืนดูดหน้าบันไดอเมซอน ได้แต่เห้อ พอเห็นเด็กสามสี่ขวบกับแม่กำลังจะเดินผ่าน ในใจก็นึกว่า สงสารเด็กต้องมาเจอไรงี้ ปรากฏว่าเป็นลูกของคนที่ดูดนั่นเอง มันคงไม่สนไรคนอื่นแล้วล่ะ ลูกมันอยู่นั่นมันยังสูบ อห

เก็บภาษี​เลยจบๆ พอพวกนี้ป่วยคนรอบข้าง​ป่วย ก็ต้องพึ่งสวัสดิการ​ประเทศ​อยู่ดี

กระทบมากเลย

ยิ่งกลิ่นมันไม่ได้เหม็นแล้วเรื่องโทษก็ยังไม่มีการรับรู้ที่แพร่หลาย เจอเด็กผู้หญิงไม่เกิน 14-15 ปี เดินดูดระหว่างทางเข้าห้างพ่นยัดหน้าคนอื่น รวมถึงมีเด็กตัวเล็กๆอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย แล้วไอคนพ่นคือไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น

หนักกว่าเยอะ แต่ไม่ห้ามให้ดูดนะ ดูดให้เป็นที่ สนับสนุนเต็มที่จัฟ

https://www.facebook.com/share/1AE6ENc8od/?mibextid=wwXIfr





นี่ของเมืองนอกนะ

อาจจะเป็นวิวัฒนาการประชากรไทยอีกก้าวหนึ่ง ให้ยีนส์ในปอดทนทานต่อฝุ่น PM 2.5 ลดโอกาสเกิดมะเร็งในอนาคต

ปัญหาเดียวกับบุหรี่ เมื่อสมัยก่อนแหล่ะครับ คนสูบก็นึกว่าตัวเองโก้เก๋เท่สมาร์ททันสมัย ตอนนี้ก็แบบเดียวกันแค่ต่างกรรมต่างวาระ สุดท้ายจุดจบก็แบบเดียวกันแหล่ะ ผมเห็นเด็กวัยรุ่นกับคนหนุ่ม ๆ มาadmitเพราะประวัติสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

สมัยนี้เข้าถึงง่ายทุกอย่างครับ กัญชา กระท่อม บุหรี่ไฟฟ้า เคพ๊อต ยาบ้า ไม่แปลกถ้าจะมีการเสพแพร่หลายมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ถ้าเข้าFBก็จะเจอเม้นประเภท ผมใช้มานานไม่เห็นเป็นไรเลยเยอะมาก แต่ถ้าไปถามคนที่ทำงานโรงพยาบาล ก็จะเจอคำตอบอีกแบบหนึ่ง บรรยายสภาพคนที่มารักษาแบบสลดหดหู่ไปเลย