คือยังดีของอังกฤษกับยุโรปยังใจดี ถ้าไปเจอกฏส้นตีนของเตบาสคือฉิบหายกว่านี้แน่ ต่อให้สโมสรรวยแค่ไหนถ้าไม่ผ่านกฏของมันทีมฉิบหายแน่นอน ของอังกฤษกับยุโรปยังดีใช้ได้70-80%ของรายได้ เป็นของของเตบาสตอนนี้แมนยูน่าจะใช้ค่าเหนื่อยรวมซื้อตัวแค่1/3หรือ1/4 รายได้บันเทิงแน่นอน

เห็นจะได้ดอกูประมาน 35-45m แล้วก็มีข่าวกับ Tel 50-60m งงว่าแมนฯยูไม่ติดFFPเลยหรอหลังๆซื้อตัวเจ้งไปเยอะมาก

ทุกทีมมีเงินให้ใช้หมด แต่ติดที่กฎการเงินให้ใช้ได้จำนวนจำกัด

ติดสิ ถ้าไม่ติดคงได้ตัวที่ดีกว่าดอร์กู

เตลยังซื้อไม่ได้จนกว่าจะปล่อยพวกค่าเหนื่อยค่าตัวแพงออกไปได้ก่อนอย่างแรชหรือคาเซ หรือกรานาโช่

ไม่จนครับ แต่ใช้เงินไม่ได้

เกี่ยวครับ

สรุปคือที่ประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะติดFFP

ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดทุกๆรายจ่ายเกี่ยวหมด จะมีแค่รายจ่ายจากการสร้าง facility ที่ไม่เอามาคิดเช่นพวกสร้างสนามแข่ง สนามซ้อม พวกนี้จะไม่เอามาคิด เจ้าของสามารถอัดเงินลงได้เต็มที่

ใช่ครับ เตรียมจะสร้างสนามใหม่ด้วยครับ

และชดใช้กรรมเก่าตลาดนักเตะ สามปีที่ผ่านมาด้วย น่าจะคาดแล้วว่า ปีนี้น่าจะไม่ได้ไป UCL

ส่งผลให้แมนยูจะไม่ได้ไปเล่น UCL 2 ปีติดกัน (น่าจะครั้งแรก)

ปีหน้า ค่าใช้จ่ายจะชนเพดานแล้วครับ ทั้ง FFP และ PSR

ต้องเตรียม Cut loss หลายๆอย่าง

นโยบายตัดแขนตัดขา พวกนั้นมันทำได้ทันที

ส่วนนักเตะ มันปล่อยได้ไม่ทันที ก็ต้องรอเวลา

ซัมเมอร์นี้น่าจะ พยายามปล่อย แรชฟอด คาเซ อิลิคเซ่น แอนโทนี่ ฯลฯ พวกนักเตะค่าเหนื่อยสูงๆ ออกไป
แต่ไอ่พวกนี้มันต้องรอเวลา

เลยไปใช้นโยบาย ตัดนู่นตัดนี้ก่อน

จนแบบที่มีแผนจะสร้างสนาม ระดับ 1แสน ที่นั่งอะครับ 55555555 แต่จนจริงๆนะตามกฎ แต่จ่ายเรื่อง facility เยอะเลย ทำทางเดินอุโมง ปรับสนามซ้อม แต่จน

นอกเหนือจากที่ว่าๆมา ยังไม่หนี้เก่าเกลเซอร์อีกรึป่าวไม่แน่ใจ
แต่ที่แน่ๆยังมีค่าผ่อนตัวนักเตะ+หนี้ดอกเบี้ยบัตรเครดิตอีก

บันชี กฎการเงินมันรวมรายได้ เฉพาะเกี่ยวกับฟุตบอลอย่างเดียวไหมครับ หรือ รายได้จากพวกสปอนเซอร์ด้วย

รวมรายได้สปอนด้วยครับ อย่างอดิดาสนี่ถ้าเราไม่ได้ไป ucl 2 ปีติดโดนลดค่าสปอนอีก

ปกติช่วงนี้จะขี้เกียจ แต่เห็นมู้นี้เลยไปเขียนสรุปลงเพจมาให้เลยละกันครับ

หลายคนสงสัยว่าทำไมตลาดซื้อของยูไนเต็ดมันจืดจัง เจ้าของร่วมคนใหม่งกมากเหรอ ตัดค่าใช้จ่ายรัวๆ ทีมเปลี่ยนโค้ช ปรับระบบต้องสร้างทีมใหม่ แต่ทำไมไม่เห็นซื้อตัวช่วยโค้ชใหม่เลย

ต้องบอกว่าถ้าใครเคยบริหารธุรกิจน่าจะรู้จักว่าธุรกิจยังดีอยู่มั้ยมักจะมองอยู่ 3-4 เรื่องหลักๆ คือ ส่วนทุนของเจ้าของ - กระแสเงินสด - ความสามารถในการหารายได้ - ผลประกอบการทางบัญชี

ผมอธิบายสถานการณ์ของยูไนเต็ดในตอนนี้แยกเป็นข้อๆ แบบนี้ดีกว่าครับ

1. ส่วนทุนของเจ้าของ
- เจ้าของรวยมั้ย ถือว่ารวยแต่ไม่ขนาดซิตี้ หรือ นิวคาสเซิล ดังนั้นเรื่องส่วนของทุนเจ้าของไม่ได้ถือว่าแย่ แต่ก็อาจจะไม่ได้รวยสุดถ้าเทียบกับพวกชีคหรือเจ้าของรัฐ (State owner)
ปล. ที่หลายคนเข้าใจผิดคือชีคจัสซิมที่มาแข่งประมูลไม่ใช่เจ้าชายกาตาร์ที่เป็นทายาทประมุขรัฐนะครับเป็นลูกนักการเมืองอดีตนายกที่เป็นลูกน้องประมุขรัฐ ในแง่ความร่ำรวยส่วนตัวน้อยถ้าเจ้าชายไม่อยู่เบื้องหลังจะถือว่ารวยน้อยกว่าเซอร์จิม แต่ถ้าเจ้าชายอยู่เบื้องหลังก็จะเสี่ยงผิดกฎของยูฟ่าได้ เพราะเป็นเจ้าของทีมปารีสอยู่

- มีเงินให้มั้ย มีระดับนึง แต่เงินทุนจากเจ้าของไม่สามารถส่งตรงสู่งบประมาณซื้อขายหรือจ่ายค่าเหนื่อยนักเตะได้ตามกฎการเงิน สามารถใช้ช่วยในการสร้างหรือปรับปรุงสนามแข่งสนามซ้อมได้ แบบที่เมื่อตอนปิดฤดูกาล สนามโอลด์แทรฟฟอร์ดมีการปรับปรุงอุโมงค์ไป และ สนามซ้อมคาร์ริงตันที่รีโนทเวทใหญ่เพิ่มความทันสมัยอยู่ในตอนนี้จะเสร็จช่วงหลังจบฤดูกาลนี้

2. ส่วนกระแสเงินสด(สภาพคล่องที่เป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ)

- สโมสรมีเงินมั้ย กระแสเงินสดพอมียังไม่ได้ขาดมือแต่ต้องระมัดระวัง ถ้ากรณีฉุกเฉิน สามารถใช้เครดิตในการเสริมสภาพคล่องได้ แต่ถ้าทำได้ก็ไม่ควรเพราะจะมีต้นทุนค่าใช้ในส่วนดอกเบี้ยเพิ่ม 6-10% ที่ต้องชำระคืน

3. ความสามารถในการหารายได้
- ยังถือว่าเป็นอันดับ Top 10 ของโลกอยู่ จำเป๊ะๆไม่ได้ว่าเท่าไร แต่ในแง่รายได้โดยรวมยังอยู่ในเกณฑ์โอเค

4. มาสุดท้ายคือปัญหาผลประกอบการทางบัญชี ซึ่งตัวนี้จะไปเกี่ยวข้องกับกฎการเงินโดยตรง

- จากข้อที่แล้วที่ว่ารายได้ยังอยู่ในเกณฑ์ดียังโอเคเจ้าของก็ดูพอมีเงินแต่ทำไมมันถึงมีปัญหา หลักๆมันมาจากข้อนี้เพราะวิธีการคิดบัญชีตามกฎการเงินมันติดลบชนเพดานอยู่นั้นเองโดยเพดานอย่างของพรีเมียร์ลีกให้คิดย้อนหลัง 3 ฤดูกาลได้ไม่เกิน 105 ล้านปอนด์ แล้วยิ่งต่อไปตามกฎการเงินของยูฟ่าจะมีการลดเพดานค่าใช้จ่าย (Squad cost ratio) ที่จะสามารถใช้ในการจ่ายค่าตัวรวมค่าเหนื่อยรวมค่าเอเยนต์ของนักเตะและบุคคลากรด้านฟุตบอลของสโมสรให้ใช้ได้ไม่เกิน 70% ของรายได้ที่นับตามกฎการเงินด้วย

โดยสรุปง่ายๆ คือที่ผ่านมาการลงทุนใช้เงินเกินตัว และ ไม่ประสบความสำเร็จในตลาดซื้อขายเท่าไรทำให้ทั้งในแง่ Resell Value ที่จะได้รายได้กลับมา และ ความสำเร็จในสนามที่จะทำให้มีรายได้จากเงินรางวัลและส่วนแบ่งจากการร่วมรวมรายการใหญ่ไม่ต่อเนื่อง

พอไปรวมกับค่าใช้จ่ายสะสม รวมถึงค่าใช้จ่ายประจำ (Fix cost) มันไปถึงที่สุดตามที่กฎให้ได้แล้ว

ดังนั้นหนทางที่จะมีเงินหมุนเวียนและเพดานใช้จ่ายเพื่อการสร้างทีมที่ต้องทำคือ หาทางเพิ่มรายได้ที่นับลงในบัญชีได้ตามกฎการเงิน เช่น รายได้จากการขายนักเตะ และ จากการค้าพวกค่าสปอนเซอร์ - ค่าตั๋วแมทช์เดย์ - เงินรางวัล - สินค้าและของที่ระลึกต่างๆ รวมถึงต้องลดค่าใช้จ่ายต่างๆเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และ ลด Fix cost ทั้งนักเตะที่ค่าเหนื่อยแพงเกินไปที่ต้องทยอยปล่อยออก (แต่ก็ต้องระวังเรื่องค่าตัดจำหน่ายให้ดีด้วยถึงออกมาเป็นการยืมตัวอย่างแอนโทนี หรือ ซานโช่)

สุดท้ายคือก็คงไม่พ้นต้องไปในแนวทางนี้แหละ หารายได้ ลดค่าใช้จ่าย ส่วนจะประสบความสำเร็จได้หรือไม่ก็ตอบได้แค่ว่าไม่รู้ อยู่ที่การลงทุนหลังจากนี้ว่าจะแม่นยำ คุ้มค่า และ สร้างขุมกำลังที่แกร่งพอจะสู้กับทีมชั้นนำในยุโรปได้มั้ย