ผมว่า ถ้าพูดถึงเรื่อง เทค นวัตกรรม ที่เปลี่ยนโลก ตอนนี้ ไฟยังไม่ได้ส่องไปที่จีนขนาดนั้น แต่จีนจะต่อยอดเทคพวกนั้น ให้ดีขึ้น และแหกทุกกฎต้นทุน ด้วยราคาที่ถูกลงจนเหลือเชื่อ

ถ้ายังมองกลายๆ จีนจะไม่มีทางเป็นผู้นำโลกจริงๆ ด้วยวิธีนี้...หรือคิดว่า จีนจะหลุดจาก ผู้ตาม dump ราคาได้มัเยครับ

เราจะได้เห็นจีนผู้นำนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลกในอีก 10 ปีนี้บ้างมั้ยครับ เชื่อว่า ศักยภาพคนจีนมีไม่น้อย แต่ก็ติดแค่ว่าจะเป็นผู้ตามที่รอทำดีกว่าก็เท่านั้น..

มันอยู่ใน DNA แก้ยาก

มันไม่สนใจหรอกครับ จีนคือพ่อค้าใครจะคิดเป็นคนแรกไม่สำคัญ มันเอามาดัดแปลงขายทำกำไรได้ก็พอ

ผมว่าจุดเด่นของจีนคือ"ขนาด"ภูมิประเทศ,ทรัพยากร,แรงงาน ซึ่งเป็นตัวช่วยเสริมความได้เปรียบในเรื่อง"ปริมาณ"ของสินค้า

ก็เลยต้องใช้กลยุทธ์ที่เกี่ยวกับความได้เปรียบในเรื่อง economy of scale มากกว่าขาย innovation ที่ต้นทุนจะไปหนักเรื่อง R&D

พอเป็นแบบนั้นก็เลยต้องลดต้นทุนหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเรื่อง R&D แล้วไปใช้วิธี reverse engineering แทน

โดยการเอาเทคโนโลยีที่มีอยู่แล้วมาใช้ ดัดแปลง,พัฒนาให้ดีกว่า ซึ่งประหยัดเวลาและทรัพยากรกว่าเยอะ..

ซึ่งคำถามก็คือทำไมจีนจะต้องเบนจุดขายไปเป็นเรื่อง innovation ในเมื่อวิธีปัจจุบันมันทำกำไรได้มากกว่าเยอะเลย

เราทุกคนล้วนยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์ ไม่มีใครทำอะไรตั้งแต่เริ่ม ความรู้ที่เราใช้ทุกวันนี้มีหลายอย่างคิดมาสามพันปีแล้ว ยังใช้กันอยู่เลย

ความเป็นผู้นำโลกของจีนเรื่องนี้คือการเอา research ที่ชาติอื่นคิดมา มาดัดแปลง ต่อยอดและลดต้นทุนได้ครับ

ตัวอย่างคือเรื่องลดไฟสมัยใหม่ที่อังกฤษเป็นคนเริ่ม แต่ตอนนี้ระบบรถไฟในอังกฤษกลับตามหลังจีนและชาติอื่นๆอยู่มาก แต่อังกฤษอาจจะนำหน้าจีนเรื่อง research

ถ้าอิงจาก Technology readiness level https://en.wikipedia.org/wiki/Technology_readiness_level

ดูเหมือนจีนจะเน้นจับ level 5+ (ทดสอบ ผลิด และใช้งานจริง)
แต่พวกชาติอื่นๆที่เน้นงานวิจัยอาจจะเน้นพวก level ล่างๆ ซึ่งหมายถึงการคิดสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน

ผมคิดว่าการที่จีนทำแบบนี้ไม่ได้เป็นผู้ตามเลย แต่จีนเป็นผู้นำในการนำงานวิจัยมาใช้จริงครับ

ผมชอบนะ ดีไม่ดีไม่รู้ล่ะแต่มันเกอดการแข่งขันกว่าเดิม แถมแข่งกันเรื่องราคาอีก เราๆนี่แหละได้ประโยชน์

น่าจะอีกสักพักใหญ่ๆ ตอนนี้เค้าเน้นของที่ทำแล้วขายได้ ซึ่งดันเก่งด้วยไง น่าจะเก่งที่สุดในโลกแล้วสายนี้

ส่วนพวกงานวิจัยล้ำๆ Techใหม่แกะกล่องเปลี่ยนโลก ต้องยอมรับเลยว่าฝรั่งยังเก่งกว่าจีนเยอะ

ยิ่งยุโรปนี่สร้างนักวิจัยเก่งจัด ไม่รู้เค้าสอนเด็กกันมายังไง มีคนเก่งๆงานวิจัยออกมาตลอด เมกาได้คนจากยุโรปมาก็เยอะ

แต่คนยุโรปก็บ่นว่า ติดที่ความยุ่งยากทางกฎหมายกับราชการเลยไม่ค่อยมีบริษัท Tech เกิดเหมือนจีนเหมือนเมกา

มันคงไม่คิดไรมากหรอก ได้กำไรก็โอเคแล้ว ดีซะอีก ไปเอาแนวทางมาจากที่เขาทำกันก่อนแล้ว ประหยัดค่าวิจัยพัฒนาไปตั้งเยอะ ไม่ต้องจ่ายค่าวิจัยเริ่มต้น ไปวิจัยช่วงกลางเลย

ปีใหม่จีน 2025

ผมว่าคนในวงการไม่มีใครคิดนะ แต่คนนอกวงการคลั่งการเมืองที่หาเรื่องด่ากันไปวันๆก็คงพูดงั้นแหละ แต่ถ้าจะเอาหลักการนี้ ทุกอย่างในโลกมันก็ถูกต่อยอดจากอดีตทั้งนั้น ไม่แยกหรอกชนชาติไหนอ่ะ

กว่าจะสร้าง นักวิจัยขั้นเทพแห่งยุคได้

มันใช้เวลานานมาก ไม่ใช่หลักทศวรรษแน่นอน

ต้องมี ศตวรรษ ขึ้นไป

ซึ่งต้องยอมรับว่า ยุโรป อเมริกา คนเหล่านี้

เขาบ่มเพาะมานานหลายรุ่น หลายยุคสมัย

แต่ที่จีนเป็นอยู่ ผมใช้คำว่า การหล่อเลี้ยง ละกันครับ

เป็นการหล่อเลี้ยง ให้เกิดการพัฒนา สร้างนักวิจัยรุ่นใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ อย่าลืมว่า ก่อนจะฝังรากได้ ต้องมีเงินทุนหนามากๆพอ

ตลอดไป อย่างแรกเลยผมว่าคนส่วนใหญ่ให้ overrate คนจีนเกิน ชนะวิชาการแบบนู้นแบบนี้มันไม่ได้หมายความว่าจะคิดค้นอะไรใหม่ๆได้

อย่างแรกเลยลองดูครับว่า innovation ระดับโลกส่วนใหญ่มาจากอิสระทางความคิดและการกระทำทั้งนั้น ตราบใดที่จีนยังจำกัดความคิดอิสระภาพต่อให้ประชาชนฉลาดเก่งยังไงก็ไม่สามารถ innovate อะไรใหม่ได้หรอกครับ

อย่างที่สองคืออเมริกาแท้ไม่เก่งเท่าจีนแค่มันดูดคนเก่งสุดๆทั่วโลกมาประเทศมันอะครับ รวมทั้งนักลงทุนด้วย มันเลยเหมือนกับ อเมริกามีโอกาสเข้าทำ 100000 ครั้งต่อเกมส์อะครับ แต่จีนมีแค่ 10ครั้ง ต่อให้ความแม่นยำหรือความเก่งจีนมากกว่ามันก็สู้ไอ่กันเรื่องโอกาสไม่ได้

ไอ่ที่คนเค้าบอกทุนจีนหนาๆนั่นไม่ได้ขี้เล็บของตลาดทุนอเมริกาเลยมั้ง market cap ของตลาดทุนอเมริกาซื้อตลาดทุนจีนได้ 6 รอบอะ

ก็ในเมื่อผู้บริโภค 99% ของโลกมันสนแค่ว่าผลิตภัณฑ์เป็นยังไง ไม่ได้สนใจวิธีหรือกระบวนการผลิต

ผมก็ถามกลับว่า การเป็นคนคิดค้นมันดียังไงหรอ

แอปเปิ้ลแม่งก็ไม่ได้ทำ macOS ตั้งแต่มันเป็นเศษโค้ด แต่มันขอไปดูผลงาน Xerox ที่ Xerox PARC
แล้วได้เห็น Xerox Alto มีหน้าตา GUI แบบที่เห็นในปัจจุบัน ก็เลยถามวิศวกรของ Xerox แบบละเอียดยับๆ
แล้วก็เอาไอเดียนั้นไปทำเป็น macintosh + Lisa ซึ่งถามว่าขโมยโค้ดไหม ก็ไม่ได้ขโมยโค้ดแต่เอาไอเดียมา
ส่วน Microsoft ก็เห็นเหมือนกัน แล้วตอนนั้น MS ทำโปรแกรมให้ mac ก็เลยลอก macintosh มาทำ Windows
ขโมยโค้ดไหม อันนี้ไม่รู้แต่คิดว่าไม่ได้ขโมยหรอก(ม้าง?) แต่ mac มันทำหน้าตาออกมาจบแล้ว ตัวเองก็ลอกแค่นั้นเอง

ส่วนอันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกัน จีนเห็นฝั่งตะวันตกทำ AI กัน เทรนกันมือแตกใช้ข้อมูลดิบๆมหาศาล
มันก็ลอกง่ายๆ เอา AI ตัวเองไปถาม AI ฝรั่งแล้วก็ฝึกมันจากตรงนั้นแทน
ถามว่ามันขโมยโค้ดไหม ก็ไม่ได้ขโมย มันแค่ถามแล้วก็เทรนด์เอา จ่ายเงินค่า API ให้ด้วย
หรือถ้าเป็น LLama ของ Meta อันนั้นเปิดเป็น Open Source (ไม่เปิดส่วน Data แต่เปิดให้ใช้งานไม่จำกัดปะ?)

เหมือนกันไหมล่ะ? แทบจะเรียกว่า Identical เลยด้วยซ้ำ
ยุคก่อนถาม Engineer แล้วก็เอาไอเดียมาเกลาแล้วต่อยอด อีกคนก็เอาไอเดียที่ต่อยอดมาแล้วไปทำต่ออีกอัน
ยุคนี้ก็เหมือนกัน ให้ AI ไปถาม AI ที่พัฒนามาแล้วเพื่อเอาไอเดีย แล้วก็เอามาต่อยอดเอง

ไม่เห็นเรอะ ทั้งผลไม้ ทั้ง MS แม่งเงียบทั้งคู่อะ
ด่าไปก็เข้าตัว คนก่อตั้งบริษัทแม่งทำเหมือนกันเด๊ะ แค่เปลี่ยนจากยุค 1980 มาเป็น 2025 แค่นั้นเลย

ผมไปจีนมาล่าสุดเรียกรถผ่านแอพ DiDi แล้วนั่งดูหน้าจอตอนเขาขับ

แมฟนำทางเขาดีมากกกก UX/UI อีกเลเวลไปเลยอ่ะ

เวลาเลี้ยว เบี่ยงเลน หน้าจอแสดงผลทำดีมาก นับถอยหลังไฟเขียว ไฟแดง แอพนับตามเวลาจริง

รู้สึกว็าว แล้วอยากให้บ้านเรามีแบบเขาเลย