ถ้ายึดแนวทาง Open Source น่าจะไปไวกว่านี้
เห็นข่าวลือเมื่อกี้ ทรัมป์จะแบน DeepSeek

เดี๋ยวมันออกโมเดลใหม่มาก็แซงครับ

มาพร้อมโมเดลธุรกิจใหม่ ราคาถูกกว่า

สงครามนี้ รอดูยาวๆ มันไม่จบตรงนี้แน่นอน แต่ต้องยอมรับว่าฝั่งจีนออกหมัดเข้าเต็มหน้าเลยรอบนี้

ผมลองใช้ deepseek นิดหน่อย ไม่ประทับใจเท่า chatgpt ใช้คำถามเดียวกัน ตอบคนละโลกเลย

ตอนนี้ยังไม่มีใครตอบได้ เพราะคนละแนวทาง อย่าลืมว่า DeepSeek ที่ปล่อยออกมามัน opensource หมด รวมถึงวิธี optimize ด้วย แปลว่าวงการ AI ได้ประโยชน์ทั้งวงการรวมถึง OpenAI

อีกอย่าง โมเดลที่ DeepSeek ปล่อยมันเหมือนเป็น AI เวอร์ชั่นประหยัดต้นทุนที่วิธีเทรนยังต้องอิงจาก AI ตัวใหญ่ แปลว่ามันไม่ได้ฉลาดเกินพวกตัวใหญ่ๆ แพงๆ ในตลาดตอนนี้ แค่ค่าเทรนมันถูกกว่า แต่จะมีใครเอา DeepSeek ไปต่อยอดได้แค่ไหนต้องรอดู

แนวทางคล้ายๆ Android

ไม่พลาดหรอก ทั้งสองบริษัทใช้คนละวิถีในการพัฒนาเลย

openai เน้นสร้าง ai ที่ฉลาดขึ้นเรื่อยๆ มันเทรนกับข้อมูลทุกอย่างจำนวนมาก
deepseek เน้น optimize ให้ ai ขนาดเล็กลงประหยัดพลังงานมากขึ้น เทรนกับข้อมูลที่ถูกเทรนมาแล้วก่อนหน้า

อย่างที่เรารู้ว่าทุกครั้งที่เราถาม ai มันมีการใช้พลังงานไฟฟ้าแฝงในการจะคิดคำตอบออกมา

ไม่หรอก ยังไงฝั่งสหรัฐก็ได้เปรียบกว่าเยอะ ทั้งเงิน ทรัพยากรบุคคล ฮาร์ดแวร์ และเครือข่ายพันธมิตร

เพียงแต่การที่มีจีนมาเป็นคู่แข่ง จะทำให้การพัฒนามันเร็วขึ้นมาก เหมือนสมัยแข่งขันอวกาศยุคสงครามเย็น

ไม่ว่าใครจะชนะ เราที่เป็นผู้บริโภคล้วนได้ประโยชน์เต็มๆ

AI 2 ตัวนี้คนละตลาดเลย เมื่อวานตลาดหุ้นก็พึ่งรู้สึกตัวหลังจาก panic sell กันไปหนึ่งวัน

deepseek ให้ตายก็ไม่มีวัน commercialize ได้แบบวงกว้าง ได้แค่ individual subscriber ส่วน openAI ได้ทั้งลูกค้า individual+business

แล้ว top chart มันก็เปลี่ยน realtime คนโหลด gpt ไปตั้งแต่ 2 ปีที่ผ่านมาแล้ว

ผมบอกมาเสมอว่าผุ้ชนะใน AI race ครั้งนี้ไม่ใช่คนที่มี model ถูกหรือเก่งที่สุด แต่เป็นผู้ที่สามารถ commercialize model ตัวเองได้มากที่สุด ซึ่งผมยังพนันฝั่ง Gemini หมดหน้าตัก รองๆลงมาผมให้ Llama + model อะไรที่ Amazon จะออกในอนาคต ส่วนGPTผมว่าmodelมันเน้น individual user เกินไป

ถ้าจะเอาคล้าย Android อ่ะ Meta คล้ายกว่า เพราะ Llama ก็ OpenSource แล้ว Meta ก็มี platform ใหญ่ๆ ที่คนใช้เยอะเป็นของตัวเองเหมือน Google เลยมีช่องทางในการดัน Llama ได้หลายทาง เอาไปใช้ประโยชน์ต่อยอดได้ง่าย

กลับกัน DeepSeek มีแต่โมเดล แต่ไม่มี platform ใหญ่ของตัวเองเลย แถมด้วยความที่เป็นจีน ยังไงความแพร่หลายก็สู้ platform ของ Meta ไม่ได้ แค่ Facebook + IG คนก็ใช้กันค่อนโลกละ

ต้องเข้าใจก่อนว่า Deepseek ไม่ได้เป็นคู่แข่ง OpenAI
เพราะ Deepseek ไม่ได้มาทำการค้า มาแล้วก็ไป
เหมือนซาโตชิปล่อย Bitcoin แล้วก็ไปเลย

ซึ่งที่ได้มาคือองค์ความรู้แบบเปิดเผย
คนทั่วไปสามารถอ่าน และเอาไปพัฒนาต่อยอดได้เลย
ทุกคนได้ประโยชน์ แม้กระทั้ง OpenAI, Gemini, Claude สามารถลดต้นทุนได้ในอนาคต

และที่สำคัญคือ Local Private LLM บริษัททั่วไปไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในมือคนอื่นอีกต่อไป เพราะทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

Model ที่ Deepseek ปล่อยมันคือตัวใหญ่ที่เอาไว้เทรนตัวอื่นต่ออีกทีหนึ่งครับ ตัว based มันขนาดน่าจะใหญ่สุดในตลาดละมั้ง และสกอร์มันฉลาดกว่าหรือพอๆกับตัวอื่นแหละ ส่วนตัวเล็กมันคือเจ้าอื่นมาเทรนกับ deepseek ครับ เช่น DeepSeek-R1-Distill-Llama-8B มันคือเอา llama มาเทรนกับ deepseek ครับ ตัว deepseek หนะเป็นตัวที่สอน ส่วน llama อะคือตัวที่เรียน

แนวคิดของ deepseek คือเอาตัวใหญ่ไปสอนตัวเล็กอะท่านเข้าใจถูกต้องแล้ว แต่ตัวใหญ่มันคือ deepseek ครับ ส่วนตัวเล็กคือเจ้าอื่น ดังนั้นคนทั่วไปหรือองค์กรทั่วไปสามารถสร้าง ai แล้วเอาไปเทรนกับ deepseek ได้ครับ ผลของมันคือจะมี ai ตัวเล็กๆโผล่ขึ้นมาอีกเยอะครับ

ข้อที่น่ากังวลคือตัวแม่ที่สอนมันคือ deepseek นี่แหละ ดังนั้นพี่จีนใส่ข้อมูลอะไรไปตัวลูกๆที่เทรนมาจากมันอาจจะรับไปด้วย(แต่มันสามารถ finetune ได้ เช่น tiananmen มันสามารถทำให้ตัวเล็กที่เทรนมาตอบได้ อย่าง llama 8b ที่ผมลองใช้มันก็ตอบได้ ไม่โดนเซนเซอร์)

อีกไม่เกิน5ปี หลุเคุมไม่อยุ่แน่ๆ