จากกรณีเมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 68) สนง.อุตสาหกรรม จ.อุดรธานี มีหนังสือถึง บ.ไทยอุดรธานี เพาเวอร์ จก. โรงงานไฟฟ้าชีวมวล โรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี ต.คำบง อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ทดลองเดินเครื่องจักร ระหว่างวันที่ 17-30 มกราคม 2568 ซึ่งทางสมาคมชาวไร่อ้อยอีสานเหนือ ไทยอุดรบ้านผือ ยืนยันว่าได้รับการอนุโลมหีบอ้อยให้หมด ทั้งอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้ หลังจากชาวไร่อ้อยทราบข่าว ทำให้ความตึงเครียดเริ่มลดลง ที่สามารถทำให้โรงงานเดินเครื่องต่อได้ในช่วงค่ำของวานนี้

เมื่อวันที่ 18 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ที่ลานจอดรถบรรทุกอ้อย โรงงานน้ำตาลไทยอุดรธานี ช่วงเช้าของวันนี้ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง เมื่อชาวไร่อ้อยบางส่วนได้นำรถบรรทุกอ้อยไฟไหม้ ถอยหลังเข้ามาขวางทางเข้าไป ปิดทางไม่ให้รถบรรทุกอ้อยสดเข้าไปในโรงงาน เนื่องจากไม่พอใจที่โรงงานยังไม่รับอ้อยไฟไหม้ ซึ่งกลุ่มดังกล่าวที่นำรถมาขวางมีด้วยกันประมาณ 50 คน คาดว่าเกิดจากการสื่อสารที่ยังสับสนคลาดเคลื่อน เพราะโรงงานยืนยันว่ายังไม่มีการเปิดรับอ้อยไฟไหม้ เนื่องจากกังวลว่าในช่วงทดลองเดินเครื่องจักร หากทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยไม่ผ่าน อาจจะถูกสั่งปิดโรงงานอีก

นายวรพจน์ บุรุษภักดี เลขาธิการสมาคมชาวไร่อ้อยอีสานเหนือ ไทยอุดรบ้านผือ เปิดเผยว่า เมื่อเช้านี้ชาวไร่อ้อยที่นำอ้อยไฟไหม้ที่มาติดค้างอยู่ก่อนหน้า เห็นรถอ้อยสดวิ่งเข้าโรงงาน เพื่อไปชั่งน้ำหนัก จึงมีการนำรถบรรทุกอ้อยไฟไหม้ถอยมาปิดทางเข้า เพื่อไม่ให้รถบรรทุกอ้อยสดเข้าไปหีบ เพราะได้แต่เห็นรถอ้อยสดวิ่งผ่าน จึงเกิดความคับแค้นใจจากการรอเทอ้อยมาก่อนหน้านี้เป็นเวลานาน ชาวไร่เข้าใจว่าเมื่อได้เดินเครื่องแล้ว จะได้หีบอ้อยทั้งหมด กลับพบว่าเขารับหีบแต่อ้อยสด แต่อ้อยไฟไหม้ไม่ได้หีบเลยสักลำ ทั้งที่เมื่อวานนี้คณะของผู้ใหญ่ที่มา บอกว่าจะรับหีบอ้อยทั้งหมด ทั้งอ้อยสดและอ้อยไฟไหม้ แล้วจะค่อยนำอ้อยสดล็อตใหม่เข้ามา

“ตอนแรกทางสมาคมเองคิดว่าจะหยุดเคลื่อนไหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีก ก็ยังคงปักหลักอยู่เพื่อดูแลชาวไร่ต่อ ได้ตั้งโต๊ะลงทะเบียนชาวไร่ที่นำอ้อยไฟไหม้เข้ามาในโรงงาน จากการสรุปแล้วตอนนี้มีอยู่ 590 คัน ตัวเลขที่ลดลงไปจาก 2,000 คัน เนื่องจากชาวไร่บางส่วนรอไม่ได้ กลัวว่าอ้อยจะเสียหาย ได้นำอ้อยไฟไหม้ส่วนหนึ่งออกไปยังโรงงานต่างๆ ทางสมาคมเองก็ยังไม่ได้ติดตามว่าได้รับการตอบรับจากที่อื่นหรือไม่ รวมทั้งอ้อยสดส่วนหนึ่งก็เริ่มทยอยเข้าโรงงานแล้วตั้งแต่เวลา 19.00 น. วานนี้ หลังจากนี้จะนำเอกสารรายชื่อชาวไร่ที่เดือดร้อน ทำหนังสือถึงท่านผู้ว่าฯอีกครั้งในวันจันทร์นี้” นายวรพจน์กล่าว

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/economy/news_5006611



อุ้ย สุดท้ายโรงงานไม่กล้ารับเพราะสงสัยกลัวโดนอีกรอบ โรงงานนี้ปกติรับอ้อยเผา 25% แต่ปีนี้ขยับไปถึง 40% โดนเพ่งเล็งเลย ขนาดชาวไร่อ้อยด้วยกันยังจะมาแกล้งกันอีก

ไทยสไตลจริงๆ รอบหน้าก็เผากันอีก

ต้องเอาแบบนี้แหละจะได้ทำสักทีรณรงค์จนปากจะฉีกแล้ว เหลือแค่อยากให้ขยายผลไปทุกส่วนที่มีโรงงาน

อ้อยเน่า ดีกว่าปอดเน่านะ

ผมไม่สงสารอะ เค้าห้ามเผาก็ยังเผา มักง่าย

ก็ทำตามกฏหมาย ตามกติกาไม่ได้เอง

ขอให้ทำจริงจังแล้วตามไปสั่งปิดให้หมดทุกโรงงาน รวมไปถึงพวกบริษัทใหญ่ๆด้วย

เฉียบ เผามาแล้ว เผาอยู่ และจะเผาต่อแน่นวลแบบนี้

เผามาแล้วก็ปล่อยเน่าไป ถ้าเอาสดมาแล้วปล่อยเน่าจะสงสารให้อยู่

ถ้ายอมครั้งนึงก็ต้องยอมไปตลอด ตอนทำงานหรือใช้ชีวิตก็เหมือนกัน

หีบ 66/67 รง.นี้อ้อยไฟไหม้ 55% เลยน่ะครับ(ดูจากรายงาน สอน.)

ผมอ่านจากข่าวมาบอก 40% โห 55%เลยเหรอครับ แบบว่าที่ไหนไม่รับที่นี่รับหมดสินะครับ มิน่าโดนเพ่งเล็งขนาดนี้

ผมทำงานอยู่ในโรงานโซนนั้น 4-5 โรง% อ้อยไปไหม้ ปีก่อนๆเกิน 50% หมด แต่ปีนี้ตั้งแต่รัฐออกมาตรการควบคุมอ้อยไหไฟไหม้ ซึ่งตอนแรกคุมไม่ให้เกิน 25%/อ้อยเข้าหีบต่อวัน ทุกโรงให้ความร่วมมือหมด มีแต่โรงที่โดนปิดทียังรับปกติ นี่น่าจะเป็นสาเหตุหลักๆที่โดนเล่นงานพร้อมกับข้อหาอื่นๆ

ถ้าเป็นผมวิ่งเอาไปขายที่ลานเงินสดที่ส่งโรงงานเอราวัณไปแล้วดีกว่าปล่อยให้เน่าทิ้ง

ทำตามกฏหมายสิวะ อยากให้ลูกหลานปอดพังรึไง

แบนอ้อยไฟไหม้ไปให้หมด พวกมั่งง่าย มาถอยปิดทางอีกโคตรกร่างง